แฟนบอลลิเวอร์พูล คงได้เห็นฟอร์มการเล่นของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ กันไปแล้วในเกมปะทะ คริสตัล พาเลซ ศึกชิงโล่การกุศล คอมมิวนิตี้ ชิลด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และเชื่อมั่นได้ว่านักเตะคนนี้สามารถก้าวขึ้นมาเป็นเพลย์เมกเกอร์ให้กับ "หงส์แดง" ได้อย่างเต็มตัว
หลังจากที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งทำ 86 แอสซิสต์จาก 354 เกมในตำแหน่งแบ็กขวา ตัดสินใจโบกมือลาถิ่นแอนฟิลด์ในช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อเดินตามฝันย้ายไปเล่นให้ เรอัล มาดริด บรรดสาวก "เดอะ ค็อป" เริ่มรู้สึกกังวลใจอย่างมากว่าทีมรักจะดึงนักเตะใหม่ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์เกมรุกได้เก่งหรือเทียบเท่า "เทรนต์"
จนกระทั่งพวกเขาสร้างเซอร์ไพรส์ปาดหน้า บาเยิร์น มิวนิค คว้าลายเซ็นต์ของ เวียร์ตซ์ มาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ โดยการเข้ามาของ สตาร์ทีมชาติเยอรมนี สร้างความหวังใหม่ให้กับแฟนบอล "หงส์แดง" ว่านี่คือจอมสร้างสรรค์เกมที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล ก้าวไปได้ไกลอีกระดับ
อย่างไรก็ตามหลายคนยังคงรู้สึกกังวลเนื่องจากนักเตะต้องแบกรับแรงกดดันจากการย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรจำนวน 116 ล้านปอนด์ (ราว 5,104 ล้านบาท) แต่หลังจากได้เห็นฟอร์มของ เวียร์ตซ์ ช่วงปรีซีซั่น จนถึงเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ แฟนบอลลิเวอร์พูล เชื่อมั่นได้แล้วว่านี่คือจอมทัพคนใหม่อย่างแท้จริง
- เวียร์ตซ์ สร้างสรรค์เกมแมตช์ปะทะ คริสตัล พาเลซ
ตั้งแต่เริ่มแรกทีได้เห็นผลงานของ เวียร์ตซ์ ในช่วงปรีซีซั่นบรรดาสาวก "เดอะ ค็อป" รู้ได้ทันทีว่านี่คือนักเตะที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ และไม่เคยหวั่นเกรงที่จะต้องแบกรับความรับผิดชอบ
ในช่วงเกมอุ่นเครื่อง ดาวเตะชาวเยอรมัน โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น แต่ในเกมชิงโล่การกุศลเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักเตะแสดงให้เห็นถึงบทบาทในการเป็นหัวใจในการสร้างสรรค์เกมของ "หงส์แดง"
เวียร์ตซ์ มักจะเคลื่อนที่ไปทั่วสนามเพื่อช่วยทำให้เกมของ ลิเวอร์พูล มีความไหลลื่น จากสถิติของ FotMob แอปพลิเคชั่นที่รวบรวมข้อมูลและข่าวสารเกี่ยวกับฟุตบอล ระบุว่า ดาวเตะวัย 22 ปี สัมผัสบอล 74 ครั้งโดยมีแค่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ โดมินิค โซโบซไล ที่สัมผัสบอลมากกว่าเขา
ในแมตช์ดวล พาเลซ นั้น FotMob ระบุว่า เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเยอรมนี สามารถสร้างโอกาสได้ถึง 4 ครั้ง มากกว่านักเตะทุกคนที่อยู่ในสนาม นอกจากนี้เขายังผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย 11 ครั้ง โดยมีเพียงแค่ อดัม วอร์ตัน แข้ง "ดิ อีเกิ้ลส์" เท่านั้นที่ทำได้เท่ากัน
ฟอร์มการเล่นของ เวียร์ตซ์ สมควรได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมจาก FotMob โดยได้รับคะแนนถึง 8.1 จากเต็ม 10 ในการลงสนามที่เวมบลีย์ครั้งแรก ซึ่งคาดว่าคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายสำหรับเขาในสีเสื้อ "หงส์แดง"
- โค้ชอาร์เน่อ เชื่อมั่น เวียร์ตซ์ แทน เทรนต์ ได้
ย้อนกลับไปในเกมที่ ลิเวอร์พูล เฉือนชนะ แอธเลติก บิลเบา 3-2 ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว อาร์เน่อ สล็อต แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เวียร์ตซ์ คือนักเตะที่เหมาะสมที่จะแทนที่ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
โค้ชอาร์เน่อ แสดงออกอย่างชัดเจนว่า เวียร์ตซ์ เข้ามาเพิ่มเติมเต็มวิธีการเล่นเกมรุกใหม่ หลังจากทีมไม่มี เทรนต์ อีกต่อไป ซึ่งจากผลงานในเกมกับ พาเลซ เป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่า "หงส์แดง" มีแนวทางการเล่นที่น่าประทับใจ โดยมี เวียร์ตซ์ เป็นศูนย์กลางในการสร้างสรรค์เกมหนึ่งในจุดเด่นที่ เวียร์ตซ์ มักแสดงให้เห็นมาตลอดตั้งแต่ตอนที่เล่นให้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จนกระทั่งย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ก็คือความสามารถในการสร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมในพื้นที่สุดท้าย
ส่วนเรื่องการเปิดบอลแน่นอนว่าแฟนบอล "หงส์แดง" ยังคงประทับใจการวางบอลที่แม่นยำของ เทรนต์ แต่สำหรับ เวียร์ตซ์ ก็มีทักษะแบบนี้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านั้น แต่ที่น่าสนใจกว่าก็คือการเขาเล่นตรงกลาง จะทำให้มีโอกาสสร้างสรรค์เกมได้มากกว่าทั้งการเปิดบอลยาว และการผ่านบอลทะลุพื้นที่ว่าง
ในเกมกับ พาเลซ จะเห็นได้ชัดว่า เวียร์ตซ์ วิ่งหาพื้นที่ว่างตลอด และพยายามเคลื่อนที่ไปทั่วสนาม จังหวะที่ประสานงานกับ อูโก้ เอกิติเก้ จนนำไปสู่ประตูขึ้นนำ และความฉลาดในการหาพื้นที่จนได้โอกาสยิงประตู (แต่ข้ามคาน) เป็นหนึ่งในศักยภาพที่นักเตะแสดงให้เห็นว่าเขาคือผู้นำในเกมรุกอย่างแท้จริง
- การเปลี่ยนแปลงแนวทางการเล่นของฟูลแบ็ก หนุนฟอร์ม เวียร์ตซ์
ลิเวอร์พูล ไม่สามารถพึ่งพา เวียร์ซ์ ในการสร้างสรรค์โอกาสเพียงคนเดียวเท่านั้น และการปรับวิธีการใช้งานฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งจะกลายเป็นส่วนสำคัญของระบบการเล่นของ "หงส์แดง" ในอนาคต
เนื่องจาก คอเนอร์ แบรดลี่ย์ มีปัญหาบาดเจ็บ ทำให้ เจเรมี่ ฟริมปง ได้โอกาสยืนประจำการในตำแหน่งแบ็กขวาทันที และเขาก็แสดงผลงานได้อย่างโดดเด่นโดยเฉพาะการเล่นเกมบุกที่แตกต่างจากสมัยที่ เทรนต์ อยู่กับทีม
จังหวะที่ยิงประตูให้ทีมขึ้นนำ 2-1 มันอาจจะดูเหมือนฟลุ้ค แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะมันจะไม่เกิดขึ้นเลยหากไม่มีการพยายามเล่นเกมบุกทางฝั่งขวาของ ฟริมปง ที่วิ่งทะลุไปถึงเส้นหลัง และเจ้าตัวก็ทำแบบนี้ตลอดทั้งเกม
ขณะที่ด้านซ้าย แฟนบอล "หงส์แดง" คงเห็นถึงการเล่นที่ดุดันของ มิลอส เคอร์เคซ กันแล้ว โดยเขาดันเกมสูง และสร้างโอกาสได้ 3 ครั้ง รวมทั้งผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย 7 ครั้ง ซึ่งเกือบทำให้ เอกิติเก้ กับ โม ซาลาห์ ทำประตูได้ด้วย
นอกจากนี้ฟูลแบ็กทีมชาติฮังการี จะเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จ 2 ครั้ง และเปิดบอลได้แม่นยำ 2 จาก 3 ครั้ง แต่น่าเสียดายที่ความพยายามเหล่านั้นไม่เป็นประตู แต่กรนั้นมันก็บ่งบอกได้ชัดว่า เกมรุกทางฝั่งซ้ายจะอันตรายมากขึ้น หลังหมดยุค แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
เคอร์เคซ และ ฟริมปง ยังเล่นเกมรับได้ดี แต่กระนั้นทั้งสองคนก็ห้ามฟอร์มตกเด็ดขาดเพราะ โรเบิร์ตสัน และ แบรดลี่ย์ พร้อมฉกฉวยโอกาสทันที ฉะนั้นทั้งสองคนต้องรักษามาตรฐานให้คงดีหรือยกระดับมากขึ้น
แน่นอนว่าการที่ฟูลแบ็กซ้าย-ขวา มีส่วนในเกมรุก จะเป็นการช่วยทำให้ เวียร์ตซ์ ได้สร้างสรรค์โอกาสมากยิ่งขึ้น และสิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับกองหน้าของทีมอย่างแท้จริง
✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄