เพราะไม่มีใครสมบูรณ์แบบ

เพราะไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
มันก็มีทั้งด้านดีและด้านไม่ค่อยดีให้เห็น

ทุก ๆ ทีมล้วนต้องปรับจูนสิ่งต่าง ๆ ให้เข้ากันที่สุดทั้งนั้น

บางทีมดูเหมือนลงตัวแล้ว บางทีมดูเหมือนยังวุ่นวายยุ่งยากขยับนี่ติดนั้น ขยับนั่นติดนู่น

บางทีมก็ดูเหมือนจะไม่มีวันลงตัวสักที

กระนั้นมันก็ไม่เคยมีการยืนยันร้อยเปอร์เซนต์อยู่ดีว่า ช่วงเตรียมทีมก่อนเปิดฤดูกาลดี แล้วซีซั่นนั้นจะดี หรือเกมอุ่นเครื่องทั้งหลายแย่ จะหมายถึงฤดูกาลนั้นพังพาบไปด้วย

ไม่ใช่แค่ผลการแข่งขันเท่านั้น บางทีมการเล่นกระท่อนกระแท่น ดูติดขัดไปหมดจนน่าห่วง แต่พอของจริงมาถึงกลับแล่นฉิวยาวเข้าป้ายก็มี

อาร์เซน่อลฤดูกาล 2003/04 อุ่นเครื่องเสมอบาร์เน็ต เสมอเบเวเรน เสมอทีมโนเนมจากออสเตรียอย่างริตซิ่ง.. และแพ้กระทั่งปีเตอร์โบโร่

แฟนปืนมองหน้ากันตาปริบ ๆ ทีมเพิ่งเสียแชมป์ให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หมาด ๆ แล้วอย่างนี้จะกลับมาไหวไหม

สุดท้ายซีซั่นนั้นลงเอยด้วยผลงานประวัติศาสตร์ ทีมปืนใหญ่คว้าแชมป์แบบไม่แพ้ใครเลยตลอด 38 นัด

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดฤดูกาล 2010/11 เพิ่งเสียแชมป์ลีกให้เชลซี ไม่เสริมดาวดังช่วงซัมเมอร์ อุ่นเครื่องยังฟุบแพ้แคนซัส ซิตี้ แพ้กัวดาลาฮาร่า แพ้ยูเวนตุส เตะ 7 นัดคลีนชีตแค่นัดเดียว

แฟนปีศาจแดงก็หวาดเสียว เชลซีของ คาร์โล อันเชลอตติ ยังแข็งแกร่งเหลือเกิน จะทวงแชมป์คืนได้ไหมนะ

บทสรุปทีมเร้ดเดวิลส์ไม่แพ้ใครในลีกครึ่งปีตั้งแต่เปิดฤดูกาล กระชากแชมป์พรีเมียร์ลีกคืนมาอย่างสบายอารมณ์

หรือลิเวอร์พูลเองก็เช่นกัน.. ฤดูกาล 2019/20 คือตัวอย่างที่คลาสสิกที่สุด

ทีมหงส์แดงเตรียมทีมด้วยเสียงก่นด่าจากแฟนบอลที่หงุดหงิดการลงตลาด ทีมเพิ่งจะกด 97 แต้มในลีกและคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 แต่กลับไม่ยอมต่อยอดด้วยนักเตะเกรดเอ

ข้อหาโง่ งี่เง่า ขี้งก ไม่ทะเยอทะยาน และคำดูถูกสารพัดสารพันล้วนถูกพ่นออกมาอย่างสาดเสียเทเสียด้วยความโมโหที่สโมสรไม่ดำเนินการดั่งใจ

สำทับให้ยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีกว่าฤดูกาลที่ยังไม่ทันเตะนั้นจบเห่แล้วเพราะความกระจอกในตลาดซัมเมอร์ของสโมสรด้วยผลงานในเกมอุ่นเครื่อง แพ้ดอร์ทมุนด์ แพ้เซบีย่า แล้วยังโดนนาโปลีถลุงอีก 0-3

สภาพนี้จะเอาอะไรมารอด จะเอาอะไรไปแย่งแชมป์กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้.. ก็มันโง่ไง ทีมมาดี ๆ ไม่ยอมต่อยอด

เสียงวิจารณ์แรงบ้างเบาบ้างแทบจะไปทางเดียวกันหมด ใครเห็นแย้งหรือบอกให้ใจเย็น ทีมงานคงมีความเชื่อมั่นหรืออาจติดขัดอุปสรรคบางอย่างที่เราไม่รู้ก็โดนรุมถล่มว่าดูบอลไม่เป็น โลกสวย หรืออวยกันไม่เข้าเรื่อง ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่ามันขี้ตืด ไม่ลงทุน อย่ามาปกป้องกันหน่อยเลย

แล้วมันก็เป็นฤดูกาลที่ลิเวอร์พูลปิดปากคนด่าทอดูถูกทีมตัวเองได้อย่างจริงจังที่สุด เตะ 8 นัดแรกชนะรวด หยุดเสมอแมนฯ ยูไนเต็ดนัดที่ 9 แล้วชนะต่ออีก 18 เกมซ้อน

27 นัดผ่านไป ชนะ 26 เสมอ 1.. นี่คือผลงานของทีมที่ถูกปรามาสว่าจบเห่ตั้งแต่ระฆังยกแรกยังไม่ดังขึ้นเลยในสายตาหลาย ๆ คนช่วงก่อนเปิดฤดูกาล

ฟุตบอลเป็นอะไรที่แปลก มันคาดการณ์อะไรแน่นอนไม่ได้ หลายครั้งที่อนาคตไม่ได้เกิดขึ้นบนเส้นตรงที่ลากจากอดีตสู่ปัจจุบันผ่านไปถึง มันอาจหักเลี้ยววกวนซับซ้อน เกิดอะไรขึ้นได้อีกหลายตลบ

อุ่นเครื่องห่วย เตรียมตัวเหมือนไม่ดี แต่ซีซั่นนั้นระเบิดฟอร์มสุดยอดก็มีบ่อย

อุ่นเครื่องแจ่ม เตรียมตัวหรู แต่ฤดูกาลพังก็มีให้เห็นเยอะแยะ

หรือหลาย ๆ ครั้ง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในบั้นปลายก็สอดคล้องต้องกันกับสิ่งที่เป็นตอนซัมเมอร์

ลางไม่ดีแล้วพังจริง ๆ ก็มี เตรียมทีมดูแน่นแล้วแล่นฉิวติดลมบนก็มาก

ฤดูกาลฟุตบอลเป็นเรื่องของการวิ่งทางไกล มันไม่สามารถตัดสินบทจบได้ด้วยเกมเพียงนัดเดียว 3 นัด 5 นัด หรือ 10 นัด แต่มันคือเกมยาว 38 นัด

ไม่ได้ตัดสินบทสรุปด้วยเวลาเพียงสัปดาห์เดียว เดือนเดียว หรือ 2 เดือน 3 เดือน แต่ว่ากันในหลัก 9-10 เดือน

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นอย่างนั้นเสมอไปในบั้นปลาย

จากร้ายอาจกลายเป็นดี จากดีอาจพลิกเป็นร้าย หรือจากที่ร้ายอยู่แล้วดันกลายเป็นหายนะไปเลยก็ได้ไม่รู้หรอก

เพียงแต่สำหรับอารมณ์ร่วมของแฟนบอลแล้ว มันมักจะว่ากัน ณ เวลานั้น ๆ นาทีนั้น ๆ เกมนั้น ๆ

เราอยู่กับปัจจุบันมากที่สุด อินกับผลการแข่งขันที่เพิ่งจบไปมากที่สุด ใจจดจ่ออยู่กับรูปเกมที่เพิ่งได้เห็นมากที่สุด

ก็แน่นอน เราอาจกังวลอยู่กับมัน กับสิ่งที่เพิ่งได้เห็นไป

ไม่ใช่เรื่องแปลก.. เพราะอนาคตมันอยู่ข้างหน้า ยังมองไม่เห็น ยังจับต้องไม่ได้ และอีกอย่างบางอารมณ์มันก็ไม่ได้เอื้อให้เราคิดถึงอนาคตอันสดใสสักเท่าไหร่

ประมาณว่าเอาปัจจุบันให้รอดก่อนเถอะ แค่นี้กูก็กลุ้มกับทีมรัก 3 เวลาหลังอาหารแล้ว

อารมณ์ร่วมของแฟนบอลมันก็อยู่ที่ตรงนั้นนาทีนั้น ดีใจ ผิดหวัง ชื่นใจ กังวล แพสชั่นรุนแรงในวันที่เกิดเหตุ เกิดเรื่อง หรือเพิ่งได้รับผลการแข่งขัน

เป็นธรรมชาติของคนเป็นแฟนบอลนั่นแหละครับ เราอยากเห็นทีมรักดีที่สุด พร้อมที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุด เก่งที่สุด

เมื่อพื้นฐานความปรารถนาเป็นอย่างนั้น ลองไปถามแฟนบอลแต่ละทีมดูก็จะพบว่า ต่อให้ในสายตาของคนอื่น ๆ ทีมของพวกเขาจะดูพร้อมมาก ๆ แล้ว แต่ในความรู้สึกของพวกเขา ทีมรักก็ยังมีจุดบกพร่องอยู่ร่ำไป

อาร์เซน่อลที่ขุมกำลังแน่นเปรียะทั้งตัวจริงตัวสำรอง ได้หัวหอกอย่าง วิคตอร์ เยอเคเรส มาเสริมเป็นจิ๊กซอว์สำคัญ ได้ มาร์ติน ซูบิเมนดี มาปักแดนกลาง แต่กูนเนอร์สหลายคนก็ยังบ่นว่าเป็นห่วงปีกซ้ายยังไม่เวิร์ก

แมนฯ ซิตี้ ที่ปิดตลาดเร็วได้คนที่ต้องการมาครบ ซิติเซนส์บางคนก็ยังไม่มั่นใจว่าดีพอจริงไหม กลัวภาพหลอนจากซีซั่นก่อนจะกลับมาอีกครั้ง บ้างเริ่มไม่แน่ใจว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผ่านพ้นยุคทองของตัวเองไปหรือยังด้วยซ้ำ

เชลซีเล่า ได้แชมป์สโมสรโลก เสริมนักเตะแข็งแกร่ง เกมอุ่นเครื่องยังดีต่อเนื่อง แต่ท่ามกลางความมั่นใจและความหวัง สาวกสิงโตน้ำเงินครามบางส่วนก็ยังห่วงผู้รักษาประตู ห่วงแบ๊กขวา และห่วงความอินดี้ของผู้จัดการทีม

ลิเวอร์พูลก็มองเห็นหลายจุดทีเดียว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สเปอร์ส นิวคาสเซิ่ล เอฟเวอร์ตัน ฯลฯ ก็เช่นกัน

ไม่มีใครสมบูรณ์แบบได้ทันเวลา และในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น ไม่เคยมีทีมฟุตบอลทีมไหนสมบูรณ์แบบ

เราต้องการความพร้อมที่สุด แน่นอนที่สุด อุ่นใจที่สุด แต่เมื่อทีมก้าวไปถึงจุดหนึ่ง เราก็ยังรู้สึกต้องการจุดอื่น เมื่อทีมก้าวไปถึงจุดอื่นนั้นได้อีก เราก็ยังรู้สึกว่าขาดจุดอื่น ๆ อีก

เป็นธรรมดา.. บางทีความสนุกก็อยู่ตรงนี้เหมือนกัน ตรงที่เมื่อเวลาผ่านไปแล้วเราได้ย้อนกลับมาดูอารมณ์ของตัวเองอีกครั้ง เราอาจจะอดขำตัวเองไม่ได้ว่า เออแฮะ ตอนนั้นอาการเราหนักขนาดนั้นเลยหรือ

ผมเชื่อว่าจนถึงเวลานี้ที่อีกเพียงไม่ถึงสัปดาห์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ก็จะเปิดฉากขึ้น แต่ละทีมต่างก็ยังมีโจทย์ของตัวเองให้ขบคิด แก้ไข ปรับปรุง

ใครทำได้ดีที่สุดก็ได้เปรียบทีมอื่น ๆ เหมือนออกตัวดีกว่าในการวิ่ง 100 เมตร

เพียงแต่ในความได้เปรียบนั้นมันก็ยังไม่ได้หมายถึงคุณจะเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกอยู่ดี

อาจถูกแซงหล่นมาที่สอง อาจถูกเบียดหลุดไปที่สาม อาจหกล้มอมบ๊วย หรืออาจวิ่งนำเข้าป้ายแบบม้วนเดียวจบก็ได้

ในทางกลับกัน การออกตัวไม่ดีทำให้เสียเปรียบนั้นใช่แน่ แต่ถ้าไม่ยอมแพ้เสียอย่างคุณก็ยังอาจแซงเข้าเส้นชัยได้

นั่นคือการเปรียบเทียบกับวิ่ง 100 เมตร แล้วนับประสาอะไรกับการวิ่งมาราธอนที่ยังมอบโอกาสให้กับคุณอีกมากตลอดเส้นทาง 42.195 กิโลเมตร

ในวันที่แย่ ๆ และอะไรก็ดูไม่น่าไว้วางใจไปเสียหมด เราเองก็อย่าลืมเว้นที่ว่างสักนิดให้กับอนาคตบ้าง ว่ามันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เรากังวลก็ได้

อนาคตที่ดีขึ้นใช่จะไม่มีอยู่จริง

เราอาจจะลืมไปว่าเมื่อฤดูกาลหนึ่งฟาดแข้งกันยาวนาน ทุกทีมต่างมีโอกาสได้ปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่ผิดให้กลับเป็นถูก

ความย่ำแย่ที่เห็นในวันนี้ อาจไม่ได้อยู่อย่างนั้นแล้วในเดือนหน้า สองเดือนข้างหน้า หรือห้าเดือนข้างหน้า

เหมือนเดิมที่เคยเห็นมา.. ผมเห็นคอมเมนต์ถอดใจ ยอมแพ้ และดูถูกทีมตัวเองในทุก ๆ ครั้งที่ผลการแข่งขันหรือผลงานในสนามของทีมรักไม่ถูกใจ

เป็นเหมือนกันทุกทีมครับ ไม่ว่าจะทีมลุ้นแชมป์ ลุ้นพื้นที่ยุโรป หรือหนีตกชั้น

ช่วงปรีซีซั่นนี้ก็ได้เห็น ฤดูกาลยังไม่ทันเริ่มเลย บางคนบางทีมยอมแพ้แล้ว เพียงแค่เจอคำถามและอุปสรรคที่ไม่ว่าอย่างไรคนทำงานทุกคนในทีมก็ต้องพยายามหาคำตอบและผ่านมันไปให้ได้

จะไม่อยู่เคียงข้างกันหน่อยหรือ โค้ชเขายังสู้ นักเตะเขายังลุย ทีมงานยังพยายามคิดจนหัวแทบระเบิดและวิ่งวุ่นตัวเป็นเกลียวเพื่อคลี่คลายปัญหาเหล่านั้น แต่บางคนยกธงขาวแล้ว แรงกว่านั้นยังดูถูกทีมซ้ำลงไปอีก

มันก็ไม่ได้มีเราเพียงทีมเดียวเสียหน่อยที่เจอปัญหาหรือมีอุปสรรค ทีมอื่น ๆ เขาก็มีของเขาเหมือนกัน มากบ้างน้อยบ้างตามแต่จะมี

เพราะไม่เคยมีใครสมบูรณ์แบบที่สุดอย่างไรเล่าครับ

ตังกุย



ที่มาของภาพ : reuters
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport