ไม่ได้ก็ดีแล้ว! ลิเวอร์พูลเจอจุดบอดต้องแก้หลังแพ้จุดโทษพาเลซ

ไม่ได้ก็ดีแล้ว! ลิเวอร์พูลเจอจุดบอดต้องแก้หลังแพ้จุดโทษพาเลซ
ลิเวอร์พูล พลาดการครอบครองโล่การกุศลอาถรรพ์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ เมื่อพ่ายแพ้ คริสตัล พาเลซ ในการดวลจุดโทษ หลังเสมอกัน 2-2

และต่อไปคือสิ่งที่ผู้ชมทางบ้านอย่างผมอยากจะบอก !!!

1. พลพรรคหงส์แดงเปิดฉากอย่างเร้าใจยิ่งนัก เมื่อชิงจังหวะขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็วดีนักแล

ความน่าตื่นตาตื่นใจอยู่ตรงที่การประสานงานทางฝั่งซ้ายของ โดมินิค โซบอสไล, โคดี้ คักโป, ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ และ อูโก้ เอกิติเก้ ก่อนหัวหอกตัวใหม่จะจบสกอร์ได้เฉียบคมระดับบาดหินขาดเลยทีเดียว

นาทีนั้นคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรสำหรับพวกเขาที่จะกำราบแชมป์ เอฟเอ คัพ

2.แม้น เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ จะทำเสียจุดโทษจนถูกตีเสมอเป็น 1-1 แต่ ลิเวอร์พูล ก็ยังมีโชค เมื่อลูกเปิดของ เจเรอมี่ ฟริมปง aka ป่งป๊ง มันผิดเหลี่ยมลอยเข้าประตูไปอย่างสวยงาม

เกมรุกของพวกพรี่ๆ เขาดูวูบวาบดีนะครับ แถมด้วยศักยภาพทีมที่สูงกว่าจึงครองบอลบุกมากกว่าตามเชิง ขณะที่ คริสตัล พาเลซ ยังคงเน้นเกมรับอย่างอดทนพลางรอจังหวะโต้กลับแบบฉาบฉวย

หลังขึ้นนำ 2-1 แม้จะถอนคันเร่งลงไปบ้าง แต่ผมก๋ยังมองว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

3.กระทั่งครึ่งหลังนี่แหละ

ฟอร์มการเล่นของ ลิเวอร์พูล แผ่วลงไปอย่างชัดเจน

ประการหนึ่งเหมือนว่าพละกำลังของผู้เล่นจะยังไม่ค่อยเต็มถังเท่าไหร่

ประการหนึ่งต้องชื่นชมการแก้เกมของ โอลิเวอร์ กราสเนอร์ กุนซือปราสาทเรือนแก้วที่ปรับกลยุทธ์ให้ลูกทีมเข้าบดบี้ในแดนกลางเร็วและหนักขึ้น ไม่ใช่ถอยไปปิดพื้นที่อย่างเดียวจนสามารถยึดจุดยุทธศาสตร์ตรงกลางได้สำเร็จ

ครึ่งหลังจึงกลายเป็น พาเลซ ที่บุกหนักพลางหาจังหวะยิงอย่างได้น้ำได้เนื้อมากกว่า ก่อนที่จะตีเสมอได้สำเร็จ

4. ฟอร์มการเล่นของ โม ซาล่าห์ ตกลงไปนะครับ

มิหนำบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์เกมรุกยังตกเป็นของ โฟลเรียน เวียร์ตซ์ มากกว่าระดับถูกขโมยความโดดเด่นไปเลยทีเดียว

นอกจากนี้การปราศจาก ไรอัน กราเฟนแบร์ค มาเริ่มส่งผลกระทบ หลังจากที่เกมผ่านไปจนถึงครึ่งหลัง เพราะมิดฟิลด์ตัวกลาง 2 คนอย่าง โดมินิค โซโบ กับ เคอร์ติส โจนส์ ออกอาการอ่อนล้าจนต้องปนับหมากใหม่เป็น 4-2-2-2 ขยับเอา ซาล่าห์ กับ คักโป เข้ามาข้างใน โดยไม่มีกองหน้าตัวเป้า

ปรับหมากแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น สุดท้ายจึงต้องมาตัดสินกันที่การยิงเป้า

5. มองโลกในแง่ดีสำหรับเด็กหงส์

เกมชิงโล่ที่มีระดับความเข้มข้นมากกว่าเกมอุ่นเครื่องทั่วไปก็ทำให้ท่านเจ้าอาวาสแห่งวัดห้วยหงส์แดงมองเห็นจุดบกพร่อง เพื่อนำไปปรับปรุง และแก้ไข ก่อนที่ศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่นะเริ่มต้นขึ้นในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้า

เท่านั้นไม่พอ

เมื่อไม่ได้ครอบครองโล่การกุศล = ไม่ถูกอาถรรพ์เล่นงานนะจ๊ะ 55555

จริงๆ มันก็เป็นเรื่องสถิตินั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องลี้ลับอะไรหรอก เพียงแต่สถิติมันดันบอกว่าทีมที่ได้โทรฟี่นี้ไปครองในรอบ 14 ปีล่าสุด สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น

คือ แมนฯ ซิตี้ ในฤดูกาล 2018/19

ฉะนั้น...ไม่ได้ก็ดีแล้ว



ที่มาของภาพ : Reuters
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport