แมน ยูไนเต็ด ใกล้ได้ตัว เบนจามิน เซสโก้ กองหน้าชาวสโลวีเนียจาก แอร์เบ ไลป์ซิก นั่นทำให้ รูเบน อโมริม มีทางเลือกในการจัดแนวรุกได้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
เซสโก้ ถือเป็นหน้าเป้าที่อาจจะมาแก้ปัญหาการจบสกอร์ของ "ปีศาจแดง" ได้ หลังจากที่ ราสมุส ฮอยลุนด์ ไม่ตอบโจทย์เกมรุกของ กุนซือเคราดกชาวโปรตุกีส
ตอนนี้ถ้าหาเช็คแนวรุกของ แมนยู ต้องบอกว่ามีความน่าสนใจมากๆ เพราะก่อนหน้านี้ทีมได้ตัว มาเตอุส คุนญ่า และ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ มาร่วมทัพ ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงมากที่ทั้ง 3 คนจะเป็นตัวหลักในแดนหน้าของ "เร้ด เดวิลส์" สำหรับฤดูกาล 2025/2026
จากการวิเคราะห์แท็กติกของ อโมริม และขุมกำลังที่มีอยู่จนถึงตอนนี้ มีความเป็นไปได้ที่ แมนยู จะใช้ 3 แนวทางในการเล่นเพื่อให้สอดคล้องกับแนวรุกใหม่ และเพิ่มความอันตรายในการจบสกอร์มากยิ่งขึ้น
- 3 ประสานลงพร้อมกันกระซวกตาข่าย
สำหรับแท็กติกแรกถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะนำมาใช้ในฤดูกาลนี้ เพราะแนวรุกใหม่ทั้งสามคนมีศักยภาพสอดคล้องกับแผนที่ อโมริม ต้องการ
คุนญ่า และ เอ็มเบอโม่ จะโดนถ่างไปยืนเป็นตัวรุกทางริมเส้น โดยใช้ระบบ 3-4-2-1 ซึ่งนี่ถือเป็นเอกลักษณ์ของ อโมริม โดยมี เซสโก้ เจ้าของส่วนสูง 195 เซนติเมตร รับบทบาทหน้าเป้า แทนที่ ฮอยลุนด์
ระบบการเล่นแบบนี้จะทำให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส กัปตันทีมชาวโปรตุกีส ต้องถอยลงมาต่ำในบทบาทมิดฟิลด์ตัวลึก แทนที่จะยืนเป็นเพลย์เมกเกอร์ ตามปกติที่เขามักจะเล่นเป็นประจำ
บทบาทแบบนี้ของ แฟร์นันด์ส เป็นสิ่งที่แฟนผีโปรเจกต์คงเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ และยังได้เห็นในช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่นด้วย เนื่องจากศักยภาพของเจ้าตัวที่สามารถตัดเกมได้ดีควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์เกมรุก และยังสามารถทำหน้าคุมจังหวะการเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเล่นในบทบาทแบบไหนก็ตาม
แท็กติกแรก ระบบ 3-4-2-1: อ็องเดร โอนาน่า : เลนี่ โยโร่, มาตไตส์ เดอ ลิกต์, ลีซานโดร มาร์ตีเนซ : อาหมัด ดิยัลโล่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มานูเอล อูการ์เต้, แพทริค ดอร์กู : ไบรอัน เอ็มเบอโม่, มาเตอุส คุนญ่า : เบนจามิน เซสโก้
- กัปตันบรูโน่ รับบทบาทเบอร์ 10 เหมือนเดิม
ระบบการเล่นแบบนี้มีความเป็นไปได้ที่ อโมริม จะนำมาใช้ เพราะเขาอยากให้ กัปตันบรูโน่ รับบทบาทเพลย์เมกเกอร์ เพราะเซนต์บอลของนักเตะสามารถสร้างสรรค์เกมรุกให้อันตรายมากยิ่งขึ้น
สำหรับแท็กติกนี้อาจจะนำมาใช้ในเกมที่ต้องพบกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่า โดยจะใช้กองกลางตัวรับสองคน อาจจะเป็น อูการ์เต้, ค็อบบี้ เมนู หรือ กาเซมีโร่ ลงมาคุมแผงมิดฟิลด์ และปล่อยให้ แฟร์นันด์ส มีอิสระในเกมเล่นเกมรุกอย่างเต็มที่
มีความเป็นไปได้ว่า การมีนักเตะที่มีความคิดสร้างสรรค์อย่าง แฟร์นันด์ส ยืนอยู่ด้านหลังกองหน้าโดยตรง อาจช่วยสร้างโอกาสให้กับ เซสโก้ ได้มากกว่าการปล่อยให้ เอ็มเบอโม่ กับ คุนญ่า รับบทบาทสร้างสรรค์เกมจากริมเส้น
ประเด็นสำคัญอย่างหนึ่งของแผนการเล่นนี้คือ อาจต้องมีการดร็อปหนึ่งในแข้งใหม่ตัวหลักของทีมไว้ที่ม้านั่งสำรอง ซึ่งอาจเป็น คุนญ่า หรือ เอ็มเบอโม่
เมื่อพิจารณาศักยภาพทั้งสองคนจะเห็นได้ว่า คุนญ่า เป็นแนวรุกที่มีสไตล์การเล่นแบบเพลย์เมกเกอร์ ส่วน เอ็มเบอโม่ เป็นนักเตะที่ทำประตูได้เฉียบคมมากกว่า แต่หากมองอีกมุมไม่ว่าคนใดคนหนึ่งจะเป็นตัวสำรอง แต่พวกเขายังอาจจะเป็นอาวุธลับในฐานะซูเปอร์ซับได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากถูกส่งลงสนามระหว่างเกม
เนื่องจากศักยภาพของ คุนญ่า และ เอ็มเบอโม่ สามารถลงมาสร้างความแตกต่างในเกมรุกด้วยการพาบอลทะลุทะลวงขึ้นหน้า และประสานงานกับ เซสโก้ ได้อย่างลงตัว
แท็กติกสอง ระบบ 3-4-2-1 ; อ็องเดร โอนาน่า : เลนี่ โยโร่, มาตไตส์ เดอ ลิกต์, ลีซานโดร มาร์ตีเนซ ; อาหมัด ดิยัลโล่, มานูเอล อูการ์เต้, กาเซมีโร่, แพทริค ดอร์กู : บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ไบรอัน เอ็มเบอโม่ ; เบนจามิน เซสโก้
- หน้าคู่รื่นรมย์
แผนการเล่นแบบนี้มีความเป็นไปได้ที่น้อยมากๆ เนื่องจาก อโมริม แทบไม่เคยแสดงท่าทีว่าจะเปลี่ยนแปลงระบบการเล่น 3-4-2-1 เลย เนื่องจากเป็นแผนการเล่นที่เขาถนัด และใช้เป็นหลักมาโดยตลอด
กัปตันบรูโน่ จะยืนคู่กับ อูการ์เต้ ในแดนกลาง ขณะที่ คุนญ่า จะได้รับบทบาทเป็นผู้เล่นหมายเลข 10 เพียงคนเดียวในระบบ 3-4-1-2 ที่มีการปรับเล็กน้อย ซึ่งจะส่งผลให้ เอ็มเบอโม่ ต้องถูกโยกไปยืนเป็นวิงแบ็กฝั่งขวาแทน
แม้อาจดูไม่น่าเป็นไปได้นัก แต่ในความเป็นจริง แนวรุกชาวแคเมอรูน เคยรับบทบาทคล้ายกันนี้มาแล้วหลายครั้งสมัยอยู่กับ เบรนท์ฟอร์ด และด้วยความขยัน ทุ่มเทของนักเตะซึ่งถือว่าสำคัญมากสำหรับผู้เล่นแนวรุก จึงไม่น่ามีปัญหาในการปรับตัวให้รับผิดชอบเกมรับมากขึ้น
นอกจากนี้ อโมริม ยังชื่นชอบวิงแบ็กที่สามารถเติมเกมรุกได้ดี ซึ่ง เอ็มเบอโม่ คุณสมบัติอย่างที่เขาต้องการครบถ้วนด้วย ดังนั้นสาวก "เร้ด อาร์มี่" อาจะได้เห็นอะไรแปลกใหม่แบบนี้ในบางเกมก็ได้
หากมีการใช้ระบบการเล่นแบบนี้จริงๆ นั่นจะทำให้มีพื้นที่ว่างในแดนหน้า 2 ตำแหน่ง ซึ่ง เซสโก้ ยืนเป็นตัวหลักอยู่แล้ว ส่วนอีกคนที่จะมายืนคู่กันอาจจะเป็น โจชัว เซิร์กซี หรือ ฮอยลุนด์ ถ้าหากเจ้าตัวยังอยู่ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต่อไป
ในขณะเดียวกัน เอ็มเบอโม่ ซึ่งสามารถเล่นได้หลากหลายในแนวรุก อาจจะถูกดันขึ้นไปยืนเคียงข้าง เซสโก้ ก็ได้ และนั่นจะทำให้ ดิยัลโล่, ดีโอโก้ ดาโลต์ หรือ นุสแซร์ มาซราวี ได้รับโอกาสสอดแทรกในตำแหน่งวิงแบ็กฝั่งขวา
เช่นเดียวกับ คุนญ่า ที่เคยเล่นสวมบทบาทหน้าเป้าในช่วงปรีซีซั่น และก็เคยเล่นตำแหน่งนี้สมัยอยู่กับ วูล์ฟส์ แต่สำหรับ สตาร์ชาวบราซิเลียน ต้องบอกว่าเขามีศักยภาพและประสบการณ์โดดเด่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกมากกว่า
สำหรับระบบการเล่นแบบหน้าคู่ถือว่าเหมาะกับ กองหน้าชาวสโลวีเนีย เลยทีเดียว เพราะนักเตะคุ้นเคยกับการเล่นแบบนี้ร่วมกับ โลอิส โอเพนด้า ตอนที่อยู่กับ แอร์เบ ไลป์ซิก
แท็กติกสอง ระบบ 3-4-1-2 ; อ็องเดร โอนาน่า : เลนี่ โยโร่, มาตไตส์ เดอ ลิกต์, ลีซานโดร มาร์ตีเนซ ; ไบรอัน เอ็มเบอโม่, มานูเอล อูการ์เต้, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, แพทริค ดอร์กู ; มาเตอุส คุนญ่า ; โจชัว เซิร์กซี, เบนจามิน เซสโก้
✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄