ช่วงปรีซีซั่นของลิเวอร์พูลเต็มไปด้วยนักเตะใหม่และการปรับเปลี่ยนที่น่าสนใจ และมีหลายแมตช์ที่ "เดอะ เร้ดส์" ลงสนามในเกมอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาล นั่นทำให้แฟนบอลหงส์แดงได้เรียนรู้ และเห็นอะไรหลายอย่างในช่วงที่ผ่านมา
ทัพ "หงส์แดง" เริ่มต้นปรีซีซั่นด้วยการลับแข้งกับ เปรสตัน นอร์ธเอนด์ ตามด้วยปะทะกับ สโต๊ค ซิตี้ (ปิดสนาม) จากนั้นก็เดินทางไปทัวร์ทวีปเอเชีย ก่อนจะกลับมาที่แอนฟิลด์เพื่อลับแข้งกับ แอธเลติก บิลเบา 2 เกม (ในวันเดียว)
ตามด้วยการเดินทางไปที่สนามเวมบลีย์ เพื่อปะทะ คริสตัล พาเลซ ในศึกคอมมิวนิตี้ ชิลด์ และหลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่การฟาดแข้งในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างเป็นทางการ
อาร์เน่อ สล็อต กุนซือชาวดัตช์ ได้ใช้ขุมกำลังเชิงลึกของทีมอย่างเต็มที่ และสาวก "เดอะ ค็อป" น่าจะได้เห็นเขาเริ่มให้ผู้เล่นลงสนามใกล้เคียงกับ 90 นาทีมากขึ้น เมื่อบอร์นมัธ จะบุกมาเยือนในเกมเปิดฤดูกาล
ช่วงปรีซีซั่นนี้ทั้งนักเตะใหม่และดาวรุ่งโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจ และนี่คือ 8 สิ่งที่แฟนบอลลิเวอร์พูลได้เรียนรู้จากเกมอุ่นเครื่องตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันในช่วงซัมเมอร์นี้
- อย่าเพิ่งตัด โซโบ ออกจาก 11 ตัวจริง
การเซ็นสัญญาขอ งฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ทำให้เกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับบทบาทของ โดมินิค โซโบซไล ในฤดูกาล 2025/2026 โดยหลายคนมองว่าตำแหน่งตัวจริงของเขาค่อนข้างน่าเป็นห่วง
แฟนบอลหงส์แดง อาจจะมองข้ามการทำงานหนัก และการรับบทบาทปิดทองหลังพระของ กัปตันทีมชาติฮังการี ที่ทำมาตลอดเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการตัดเกมสวนกลับของคู่แข่ง และการวิ่งไล่ปิดพื้นที่แบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
"โซโบ" มีจุดเด่นที่ ไรอัน กราเฟนแบร์ก กับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ไม่มี และถือเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่พา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา และผลงานดังกล่าวก็แสดงให้เห็นในช่วงปรีซีซั่นซัมเมอร์ นั่นแปลว่านักเตะสามารถรักษามาตรฐานเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
การที่ โซโบซไล ต้องเจอกับสถานการณ์แข่งขันภายในทีม อาจจะมีผลดีในการช่วยกระตุ้นให้เขาพยายามยกระดับฟอร์มการเล่นขึ้นมาอีก เพื่อโอกาสในการยึดตัวจริงในทัพ "หงส์แดง"
- ฟริมปง รวดเร็วและหลากหลายทางฝั่งขวา
แน่นอนว่า เจเรมี่ ฟริมปง ไม่ได้มีดีแค่ความรวดเร็วว่องไวเท่านั้น แต่จังหวะที่เขาเร่งเครื่องและพุ่งทะยานขึ้นทางริมเส้นต้องบอกเลยว่าน่าสนใจมากๆ เพราะมีนักเตะไม่กี่คนที่จะไล่ตามเขาทัน
คอลูกหนังคงเคยเห็น สตาร์ชาวดัตช์ เล่นตำแหน่งแบ็กขวากันแล้ว รวมทั้งการรวมบทาทวิงแบ็ก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่หลายคนคาดไว้ และเขาคงถูกใช้งานในบทบาทนี้ตลอดทั้งฤดูกาล ความยืดหยุ่นเหล่านี้สิ่งที่ โค้ชอาร์เน่อ ชื่นชอบ
จังหวะเปิดบอลครอสให้ เทรย์ ไนโอนี่ ทำประตูในเกมชนะ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส อะไรผลงานที่น่าประทับใจมากๆ และเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีจุดเด่นแค่ความเร็วในการกระชากบอลเท่านั้น แต่การเปิดบอลก็ทำได้ดีเช่นกัน
การที่ต้องต่อสู้กับ คอเนอร์ แบรดลี่ย์ เพื่อแย่งตำแหน่งฟูลแบ็กขวาตัวจริง คงเป็นหนึ่งในสิ่งที่สาวก "เดอะ ค็อป" คงรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าใครจะสามารถยืนหนึ่งในตำแหน่งนี้ได้
- ฟูลแบ็กเน้นดันเกมสูง
ช่วงปรีซีซั่นถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการทดลองแท็กติกใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ สำหรับ ลิเวอร์พูล มีการลงทุนในตำแหน่งฟูลแบ็กทั้งสองฝั่ง ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจมากๆ
สิ่งแฟนบอล "หงส์แดง" เห็นในช่วงปรีซีซั่นก็คือตำแหน่งฟูลแบ็กจะขยับเข้าไปด้านในของแนวปีก และดันขึ้นสูงเข้าไปในแดนคู่แข่งเมื่อได้ครองบอล พร้อมกับคุมพื้นที่ว่างระหว่างเซนเตอร์แบ็กกับฟูลแบ็กของคู่แข่ง
แนวทางการเล่นแบบนั้นสาวก "เดอะ ค็อป" คงได้เห็นกันแล้วในเกมกับ โยโกฮาม่า โดย กราเฟนแบร์ก ถอยลงมาตรงกลางระหว่างเซนเตอร์แบ็ก ซึ่งเป็นรูปแบบที่ ลิเวอร์พูล เริ่มใช้ช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้ว
การที่ไม่มี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำหน้าที่สร้างสรรค์เกมบุกอีกต่อไป แฟนบอลหงส์แดงน่าจะได้เห็นการเติมเกมจากฟูลแบ็กรูปแบบใหม่ และการโจมตีที่มาจากหลากหลายมุมและตำแหน่งมากยิ่งขึ้น
- การมาของ เอกิติเก้ ส่งสัญญาณความหวังใหม่ในแดนหน้า
สาวก "เดอะ ค็อป" ได้เห็นการฝึกซ้อมและการลงสนาม 45 นาทีในเกมอุ่นเครื่องของ อูโก้ เอกิติเก้ กันไปแล้ว โดยสิ่งที่นักเตะแสดงออกมาให้เห็นถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคตของเขากับ ลิเวอร์พูล
สภาพร่างกายของ เอกิติเก้ เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง และมีความมั่นใจทุกครั้งที่ได้ครองบอล แถมยังแสดงการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้ดีมากๆ แน่นอนว่าด้วยช่วงเวลาเพียงนิดเดียวแต่นักเตะสามารถปรับตัวได้ดีเยี่ยม ซึ่งถือว่าเกินกว่าที่แฟนหงส์แดงจะคาดคิดเลยทีเดียว
เรื่องที่น่าสนใจก็คือ ดาวเตะอนาคตไกลชาวฝรั่งเศส จะสามารถดันตัวเองไปอยู่ในตำแหน่ง 11 ตัวจริงได้เร็วมากแค่ไหน โดยเฉพาะถ้าหาก ลิเวอร์พูล เซ็นสัญญากับ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ได้สำเร็จ
กระนั้น จากผลงานเพียงบางส่วนที่แสดงออกมาให้เห็น มันทำให้ กองหน้าเจ้าของเสื้อหมายเลข 22 คนใหม่ของทีม สามารถฝากความหวังเอาไว้ได้พอสมควรเลยทีเดียว
- เจ้าหนูริโอ ตัวเลือกน่าสนใจในตำแหน่งปีกซ้าย
ใครจะไปคิดว่า ริโอ เอ็นกูโมฮา อายุเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น เพราะฟอร์มการเล่นของนักเตะช่างดูกล้าหาญ เต็มไปด้วยความมั่นใจ และไม่หวาดกลัวคู่แข่งเวลาต้องดวลกัน ราวกับว่าเจ้าหนูคนนี้เป็นนักเตะอาชีพที่มีประสบการณ์สูง
เอ็นกูโมฮา กลายเป็นหนึ่งในดาวจรัสแสงของ "เดอะ เร้ดส์" ในช่วงปรีซีซั่นนี้ แม้ โค้ชอาร์เน่อ จะพยายามเน้นย้ำนักเตะให้มีความ "คงเส้นคงวา" เพื่อโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ แต่ฟอร์มของเจ้าตัวต้องบอกว่าสามารถเป็นออปชั่นในตำแหน่งปีกซ้ายได้สบายๆ
หาก ลิเวอร์พูล ตัดสินใจไม่หานักเตะคนใหม่เข้ามาแทนที่ตำแหน่งของ หลุยส์ ดีอาซ ซึ่งย้ายไปเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค ช่วงซัมเมอร์นี้ เจ้าหนูวัย 16 ปี มีโอกาสมากยิ่งขึ้นในตำแหน่งนี้
ไม่มีเหตุผลอะไรที่สาวก "เดอะ ค็อป" จะไม่เห็น เอ็นกูโมฮา มีบทบาทในตำแหน่งปีกซ้ายตลอดทั้งฤดูกาลใหม่นี้
- ลิเวอร์พูล ต้องเสริมทัพในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กใหม่
จากกรณีที่ โจ โกเมซ โดนส่งตัวกลับอังกฤษตั้งแต่ช่วงออกทัวร์เอเชีย เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวาย ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเปราะบางในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กของทีม
สำหรับตอนนี้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ อิบราฮิม่า โกนาเต้ เป็น 2 กองหลังตัวกลางชุดใหญ่ที่ฟิตสมบูรณ์เท่านั้น เพราะทีมปล่อย จาเรลล์ ควอนซาห์ ไปให้กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เรียบร้อยแล้ว
ในช่วงทัวร์ปรีซีซั่นจะเห็นได้ว่า โค้ชอาร์เน่อ ใช้วิธีการทดลองให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, คอสตาส ซิมิกาส, ไรอัน กราเฟนแบร์ก และ วาตารุ เอ็นโด ลงมาทำหน้าที่เติมเต็มตำแหน่งดังกล่าว แต่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
หากคิดถึงสถานการณ์ที่ย่ำแย่ในกรณีที่เกิดการบาดเจ็บเพียงแค่ 1–2 คน ก็อาจทำให้แผงหลังต้องใช้คู่เซนเตอร์แบ็กที่ไม่คาดคิดอีกครั้ง ซึ่งไม่มีใครอยากให้มันเกิดซ้ำรอยเดิมที่เคยเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ซีซั่นก่อนหน้านี้
แฟนบอลลิเวอร์พูล มั่นใจได้เลยว่าสโมสรจะลงทุนในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กแน่นอน โดยเป้าหมายหลักของทีมก็คือ มาร์ก เกฮี แนวรับจอมแกร่งจาก "ดิ อีเกิ้ลส์" คริสตัล พาเลซ
- เปิดพื้นที่ให้โดนสวนกลับมากเกินไป
ในช่วงปรีซีซั่นแฟนบอลคงเห็นแล้วว่า "หงส์แดง" ขาดผู้เล่นบางรายหรือมีการทดลองตำแหน่งที่ไม่ถนัด แต่จุดที่ ลิเวอร์พูล เปิดพื้นที่ให้คู่แข่งสวนกลับได้นั้น ไม่ได้หลุดจากสายตาของกุนซือชาวดัตช์แน่นอน
โค้ชอาร์เน่อ ให้สัมภาษณ์หลังเกมที่แพ้ เอซี มิลาน ที่ฮ่องกงว่า ลิเวอร์พูล โดนคู่แข่งสวนกลับมาเกินไป โดยเหตุผลสำคัญเพราะทีมเปิดพื้นที่ว่างมากเกินไปนั่นจึงเป็นจุดอ่อนที่ทำให้คู่แข่งโจมตีได้ตลอด
มิลาน สามารถเจาะแนวรับได้บ่อยครั้งทันทีที่แย่งบอลได้ โดยอาศัยพื้นที่หลังฟูลแบ็กที่ดันสูง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าระบบเกมรับของ ลิเวอร์พูล ยังไม่พร้อมสำหรับการรับมือจังหวะสวนกลับ
แน่นอนว่า นายใหญ่หัวใสจากแดนกังหันลม คงไม่ปล่อยให้คู่แข่งหาช่องยิงได้ง่ายขนาดนี้อีกต่อไป และนี่คือสิ่งที่จะต้องเร่งปรับปรุงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนเปิดฤดูกาลใหม่
- เวียร์ตซ์ ผู้เปลี่ยนเกมตัวจริง
การตัดสินใจทุ่มเงินเป็นสถิติสโมสรจำนวน 116 ล้านปอนด์ (ราว 5,104 ล้านบาท) เพื่อคว้า ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ มาร่วมทัพ ถือว่าเป็นดีลที่มีความสำคัญมาก เพราะนี่คือนักเตะที่สามารถเปลี่ยนเกมของ "หงส์แดง" ได้ตลอดเวลา
เวียร์ตซ์ เป็นนักเตะที่มีอิทธิพลกับเกมของ "เดอะ เร้ดส์ มากๆ จากผลงานในช่วงปรีซีซั่น นั่นแสดงให้เห็นว่าสโมสรได้เพชรเม็ดงามที่จะมาช่วยทำให้ทีมมีมิติการเล่นเกมรุกที่อันตรายและหลากหลายมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในการลงสนามของ เพลย์เมกเกอร์ชาวด๊อยท์ช จนถึงตอนนี้ คือความนิ่งในการเล่น เขาแสดงใหเห็นว่าไม่ได้รู้สึกกดดันเวลาที่ตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่บีบคั้น และทุกการขยับหรือจ่ายบอลของเขา ล้วนเต็มไปด้วยความแม่นยำและคุณภาพ
เจ้าของเสื้อหมายเลข 7 คนใหม่ จะเป็นนักเตะที่แฟนบอลทุกคน โดยเฉพาะสาวก "เดอะ ค็อป" จะได้สนุกกับการชมลีลาของเขาในฤดูกาลนี้ และที่สำคัญเพื่อนร่วมทีมที่อยุ่รอบข้างจะได้รับประโยชน์จากการมี เวียร์ตซ์ อยู่ในสนาม
TOMMY TEE.