ลิเวอร์พูล รับรู้ถึงศักยภาพของ อูโก้ เอกิติเก้ มาตั้งแต่สมัยเล่นให้กับ แร็งส์ ในลีก เอิง ฝรั่งเศส ตอนฤดูกาล 2021/22 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาทำไป 10 ประตูจากการลงเล่น 24 นัด
ขณะนั้น นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด พยายามเซ็นสัญญากับ เอกิติเก้ ทั้งตอนตลาดหน้าหนาวและหน้าร้อนของปี 2022
อย่างไรก็ตาม เป็น ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ที่คว้าตัวไปครอบครองด้วยสัญญายืมตัวหนึ่งฤดูกาล พร้อมเงื่อนไขซื้อขาดที่ราคา 35 ล้านยูโร
ท่ามกลางแนวรุกที่ประกอบไปด้วย เนย์มาร์, ลิโอเนล เมสซี่ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ทำให้โอกาสการลงสนามของ เอกิติเก้ มีจำกัด เขาลงเป็นตัวจริงนัดเดียวในช่วง 3 เดือนแรกที่นั่น
แล้วตลอดทั้งฤดูกาล 2022/23 เอกิติเก้ ยิงได้เพียง 3 ประตูจากการลงเล่น 25 นัดบนเวทีลีก เอิง
เมื่อ หลุยส์ เอ็นรีเก้ เข้ามา เอกิติเก้ ถูกมองว่าไม่เป็นที่ต้องการ เขาถูกจัดไปอยู่ในกลุ่มผู้เล่นส่วนเกิน (Bomb Squad) ของทีม
มกราคม 2024 เอกิติเก้ ยืมตัวไปยัง ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต จากนั้นฝีเท้าของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
และจากผลงานตลอดฤดูกาล 2024/25 22 ประตูกับ 12 แอสซิสต์ ส่งผลให้ชื่อ เอกิติเก้ ไปเข้าตาทีมยักษ์ใหญ่หลายทีม
เชลซี สำรวจความเป็นไปได้ในการย้ายทีมมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แต่ก็ตัดสินใจไปให้ความสนใจกับ เลียม ดีแลป และ ชูเอา เปโดร แทน
อาร์เซน่อล เป็นอีกหนึ่งทีมที่มอง เอกิติเก้ เช่นกัน แต่ความสนใจก็ไม่ได้คืบหน้า เพราะพวกเขาเทใจไปที่ วิคเตอร์ โยเคอเรส
ช่วงใกล้ตอนกลางเดือนกรกฎาคม นิวคาสเซิ่ล คือทีมแรกที่ยื่นข้อเสนอมากกว่า 75 ล้านยูโรไปยัง แฟร้งค์เฟิร์ต และพวกเขาก็มั่นใจว่าจะปิดดีลนี้ได้
เมื่อทราบแบบนั้น ลิเวอร์พูล ก็เร่งดำเนินการ พร้อมกับยื่นซองแรกที่มากกว่า 80 ล้านยูโรในอีกไม่กี่วันถัดมา แล้ว นิวคาสเซิ่ล ก็ถอนตัว และไม่ได้ยื่นรอบที่สองกลับไปใหม่
ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แม้เป็นทีมที่ เอกิติเก้ เชียร์มาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อ แมนยู ติดต่อไปยังตัวแทนนักเตะ ก็ได้รับคำปฏิเสธจาก เอกิติเก้ กลับมา
โดย แมนยู ไม่เคยยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการ และลดระดับความสนใจอย่างรวดเร็วเมื่อทราบว่า เอกิติเก้ สนใจเพียงแค่การย้ายไป ลิเวอร์พูล เท่านั้น
ความปรารถนาของ เอกิติเก้ ที่ต้องการย้ายมา เมอร์ซี่ย์ไซด์ คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ได้เปรียบ
เพราะแม้ว่า แฟร้งค์เฟิร์ต จะเป็นทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งกร้าวบนโต๊ะเจรจา และไม่มีความจำเป็นต้องขายนักเตะ แต่ด้วยท่าทีที่ชัดเจนของตัวผู้เล่นเองก็เพียงพอที่จะผลักดันให้ดีลนี้เกิดขึ้นได้ในที่สุด
ข้อเสนอรอบสองของ ลิเวอร์พูล ที่ยื่นไปรวมตัวเลขแอดออนส์ที่ 79 ล้านปอนด์ แบ่งเป็นก้อนแรก 69 ล้านปอนด์ และโบนัสจากความสำเร็จของทีมบวกกับผลงานส่วนตัวอีก 10 ล้านปอนด์ ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
...
จากที่เคยอยู่ในเรดาร์มาตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ลิเวอร์พูล ก็ได้ติดต่อไปคุยกับตัวแทนของ เอกิติเก้ แบบจริงจังตอนเดือนมกราคม ปี 2025
ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของการแย่งชิงตัว
ลิเวอร์พูล รู้สึกว่าการเตรียมการล่วงหน้าหลาย ๆ เดือนแบบนี้ เป็นกระบวนการที่คล้ายกับการเซ็นสัญญา หลุยส์ ดิอาซ จาก ปอร์โต้ ในเดือนมกราคม 2022 ซึ่ง สเปอร์ส เกือบที่จะปิดดีล ดิอาซ ไปได้แล้ว
การเจรจาเร่งตัวขึ้นตอนใกล้ปิดฤดูกาล 2024/25 เมื่อเฮดโค้ชอาร์เน่อ ได้อธิบายวิสัยทัศน์ของตัวเองให้ เอกิติเก้ ได้รับรู้ว่า เขามองเห็นศักยภาพในตัวผู้เล่นคนนี้และเชื่อว่าจะเข้ากับทีมชุดที่เพิ่งคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาได้อย่างไร
การพูดคุยนั้น อาร์เน่อ บอกชัดเจนว่า เขามอง เอกิติเก้ เป็นกองหน้าหมายเลข 9 ที่มีพลังงานสูง ทะลุทะลวงแนวรับดี สามารถถอยลงมาเชื่อมเกมได้เมื่อจำเป็น
จุดนี้เองที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จูงใจ เอกิติเก้ ให้เลือกย้ายมาเล่นที่ถิ่นแอนฟิลด์
การชี้เป้าไปที่ เอกิติเก้ เกิดจากข้อมูลเชิงลึก และการทำงานของทีมวิจัยที่มี วิลล์ สเปียร์แมน เป็นผู้อำนวยการ
แม้สถิติการทำประตูซีซั่นที่แล้วจะไม่ได้สูงมากนัก แต่ ลิเวอร์พูล ไม่ได้มองเรื่องนั้นเป็นหลัก
เอกิติเก้ มีเรื่องที่ดีในด้านอื่น ๆ และนักวิเคราะห์ ลิเวอร์พูล เชื่อว่า เอกิติเก้ มีศักยภาพที่คล้ายกับ เออร์ลิง ฮาร์ลันด์ และ เอ็มบัปเป้ ในช่วงอายุไล่เลี่ยกัน
ลิเวอร์พูล เชื่อว่า เอกิติเก้ ยังมีอะไรในตัวที่ยังไม่ถูกดึงออกมาใช้ และในอนาคต เอกิติเก้ จะมีมูลค่ามากกว่าเงินที่พวกเขาจ่ายไป ซึ่งไม่ต่างจากดีลคว้า ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เข้ามา
พร้อมกับทราบดีว่าตอนนี้ เอกิติเก้ ยังไม่ใช่นักเตะที่สมบูรณ์แบบ แต่เชื่อว่าหากยังพัฒนาฝีเท้าแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ แล้วล่ะก็ เอกิติเก้ จะกลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดของโลกได้
...
กลยุทธ์ของ ลิเวอร์พูล ในการคว้าตัว เอกิติเก้ ไม่ใช่แค่การทุ่มเงินซื้อ แต่เป็นการทำงานเหมือนกับการเล่นหมากรุกที่ต้องคิดล่วงหน้าหลายตา พวกเขาวางแผนล่วงหน้าตั้งแต่เนิ่น ๆ เข้าใจศักยภาพที่แท้จริงของผู้เล่นด้วยข้อมูลเชิงลึก
และที่สำคัญที่สุดคือ การที่โค้ชเข้าไปนำเสนอวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ซึ่งทำให้ผู้เล่นตัดสินใจเลือกพวกเขา แทนที่จะเป็นคู่แข่งรายอื่น ๆ
ย้อนไปกรณี เวียร์ตซ์ มันก็แบบนี้แหละ...
HOSSALONSO