ออซซี่ ออสบอร์น เจ้าชายแห่งความมืดผู้ภักดีต่อ แอสตัน วิลล่า

ชายผู้ได้รับการเรียกขานว่า Prince of Darkness หรือเจ้าชายแห่งความมืด เกิดที่ แอสตัน, เบอร์มิงแฮม ดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่องอุตสาหกรรมและเป็นแหล่งกำเนิดของ Black Sabbath 

การที่ ออสซี่ เติบโตมาในเมืองที่ฟุตบอลเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมท้องถิ่น และ แอสตัน ก็ไม่ได้ไกลจากสนาม วิลล่า พาร์ค จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ความผูกพันกับสโมสรแห่งนี้จะหยั่งรากลึกอยู่ในตัว 

สมาชิกคนอื่น ๆ ในวง Black Sabbath อย่าง กีเซอร์ บัตเลอร์ มือเบส และ โทนี่ ไอออมมี่ มือกีตาร์นิ้วกุด ก็เป็นสาวกวิลลัน เช่นกัน ซึ่งมันยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างตำนานดนตรีกับสโมสรแห่งนี้

ตลอดหลายปี ออซซี่ ได้แสดงออกถึงการเป็นแฟนบอลแอสตัน วิลล่า อย่างชัดเจน 

เขาเคยให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกที่มีต่อสโมสรอยู่บ่อยครั้ง และถึงแม้จะไม่ได้ปรากฏตัวในสนามบ่อยนักเนื่องจากตารางงานที่อันแน่นและปัญหาสุขภาพ แต่สถานะความเป็นร็อกสตาร์ระดับโลกก็ช่วยส่งเสริมชื่อเสียงของสโมสรแอสตัน วิลล่า ในวงกว้างในหมู่แฟนเพลงทั่วโลก

หนึ่งในเหตุการณ์ล่าสุดที่แฟนบอลวิลล่า และขาร็อกจดจำได้ดีคือการที่ ออซซี่ และ กีเซอร์ ได้ไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัวชุดแข่งฤดูกาล 2024/25 เมื่อช่วงต้นปี 2024 โดยมี เอมิเลียโน่ มาร์ตีเนซ นายด่านอาร์เจนไตน์ ร่วมปรากฏตัวในคลิปโปรโมทด้วย

คลิปนี้แสดงให้เห็นถึงความยินดีและภาคภูมิใจของทั้งสองตำนานเพลงต่อการได้เป็นส่วนหนึ่งของสโมสรที่เขารัก และเป็นเครื่องยืนยันสถานะความเป็นแฟนตัวยงที่สโมสรให้ความเคารพและเชิดชู

ฉะนั้น การที่คอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของ Black Sabbath จัดขึ้นที่ วิลล่า พาร์ค จึงมีความหมายอย่างยิ่ง 

ไม่ใช่แค่เพียงการกลับสู่บ้านเกิดทางดนตรี แต่ยังเป็นการแสดงความผูกพันกับสโมสรที่เขารักมาตลอด

ในคอนเสิร์ต  Back to the Beginning ที่มีพี่จอม "บอ.บู๋ ร่วมเป็นสักขีพยานที่ วิลล่า พาร์ค "ป๋าออซ" ได้ปรากฏตัวท่ามกลางวงดนตรีระดับโลกอย่าง Metallica, Guns N’ Roses, Pantera, Anthrax และแม้กระทั่งสมาชิก Black Sabbath คนอื่นๆ ที่ต่างยินดีที่จะส่งแสงสปอตไลท์ให้กับ ออซซี่ 

เขาสวมชุดดำระยิบระยับ ประทับนั่งบนบัลลังก์สีดำโบกแขนเหนือศีรษะ นำฝูงชนร้อง War Pigs บทเพลงต่อต้านสงครามที่ออกแนวซาตาน ซึ่งเป็นเพลงเปิดตัวอัลบั้ม Paranoid ซึ่งเป็นอัลบัมที่สองของวง เมื่อปี 1970

"Thank you from the bottom of my heart" เขากล่าวกับทุกคนที่นั่น

ภาพลักษณ์ของ ออซซี่ ในคอนเสิร์ตที่ เบอร์มิงแฮม ครั้งนี้ สะท้อนท่าทางที่คุ้นเคยที่สุดของเขาจาก Ozzfest เทศกาลดนตรีที่เขาเป็นผู้นำเกือบทุกปีตั้งแต่ปี 1996 ถึง 2018 

ท่ามกลางแฟนเพลงผู้ศรัทธาจากหลากหลายช่วงวัย ออซซี่ เพียงแค่ยกแขนขึ้นและยิ้มอย่างอ่อนโยน ก็สามารถทำให้ผู้ชมคลั่งไคล้ได้แล้ว

ทั้งเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ ภาพลักษณ์ที่โดดเด่น และทัศนคติอันกร้าวแกร่ง ได้หล่อหลอมให้เมทัลกลายเป็นแนวเพลงที่มีพลังและทรงอิทธิพลที่สุดแนวหนึ่งในโลกดนตรี 

จากยุคแรกเริ่มที่ ออสซี่ เป็นนักร้องนำวง Black Sabbath ร่ายมนต์แห่งสงครามปีศาจและบทเพลงล้ำยุค กระทั่งมาถึงบทบาทอันโดดเด่นจนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเกินพอดีที่ผู้คนต่างหลงรัก

แม้ร่างกายจะถูกกัดกร่อนจากสาเหตุอะไรต่าง ๆ และเมื่อไม่นานมานี้ก็ป่วยด้วยโรคพาร์กินสันสายพันธุ์หนึ่ง ทำให้ประสิทธิภาพในการแสดงของเขาไม่เหมือนในยุครุ่งเรืองช่วงทศวรรษ 1970 แต่ความมานะของ ออซซี่ แม้ในยามที่อ่อนแอลง กลับยิ่งทำให้เขาเป็นที่รักมากยิ่งขึ้น 

สิ่งนี้ชัดเจนอย่างยิ่งเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ณ ดินแดนบ้านเกิดของตัวเอง

...

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ออซซี่ ต้องเผชิญกับพฤติกรรมสุดโต่งมากมาย ทั้งการกัดหัวนกพิราบ และค้างคาวในระหว่างการแสดง ซึ่งสร้างความตกใจและหวาดกลัวให้กับผู้คน และยังตกเป็นเป้าโจมตีของกระแส "ร็อกอันตราย" ที่มองว่าเพลงเฮฟวี่เมทัลเป็นสิ่งเลวร้าย

อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถผ่านพ้นวิกฤตเหล่านั้นมาได้เสมอ และความรักจากแฟนเพลงก็ไม่เคยจางหายไป

เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา ออซซี่ ออสบอร์น ได้จากไปอย่างสงบด้วยวัย 76 ปี 

การจากไปของเขาเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการดนตรีทั่วโลก และแน่นอนว่า รวมถึงแฟนบอล แอสตัน วิลล่า 

ทันทีที่ข่าวการเสียชีวิตของเขาแพร่ออกไป สโมสรแอสตัน วิลล่า ได้โพสต์ข้อความไว้อาลัยผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเพื่อเป็นการรำลึกถึงตำนานผู้ยิ่งใหญ่และแฟนบอลผู้ภักดีของพวกเขา 

"แอสตัน วิลล่า ฟุตบอล คลับ เสียใจเป็นอย่างมากที่ได้รับทราบว่า ออซซี่ ออสบอร์น ศิลปินระดับโลกและเป็น วิลลัน (Villan) ด้วยนั้น ได้เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 76 ปี"

"ออซซี่ คือตำนานแห่งวงการเพลง เขามีอิทธิพลต่อทั้งวงการบันเทิงและวัฒนธรรมอย่างมากจนไม่มีใครที่สามารถจะปฏิเสธได้ และมรดกที่เขาทิ้งเอาไว้จะคงอยู่ไปตลอดกาล"

"ทุกคนที่ แอสตัน วิลล่า ขอเป็นกำลังใจให้กับ ชารอน ซึ่งเป็นภรรยาของเขา, ครอบครัวของเขา, เหล่าเพื่อนๆ ของเขา และแฟนเพลงของเขาที่มากเหลือคณานับในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ด้วย"

"ขอให้ไปสู่สุคตินะ ออซซี่"

แม้วิญญาณจะถูกกระชากออกไป แต่เสียงเพลงและเรื่องราวชีวิตของ ออซซี่ ออสบอร์น จะยังคงอยู่ในใจของผู้คนตลอดกาล...

HOSSALONSO