หากจะมองหานักเตะสักคนที่มีเค้าลางความละม้ายคล้ายคลึงกับ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ไม่ใช่แค่รูปร่างหรือสรีระ แต่รวมไปถึงลีลาการเล่นและจังหวะเคลื่อนไหวในสนาม ชื่อของ อูโก้ เอกิติเก้ คือคนแรกที่ผุดขึ้นมาจากการสรรหาในทีมงานวิเคราะห์ลิเวอร์พูล
คำถามในตอนนี้คือ ตกลงแล้ว นิวคาสเซิ่ล อยากได้ เอกิติเก้ มาเล่นเป็นคู่หู อิซัค หรือแท้จริงแล้วเป็นฝั่ง ลิเวอร์พูล เองที่วางแผนจะดึงทั้งสองคนมาเล่นร่วมกัน?
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ประเด็นที่น่าสนใจคือ ทั้งสองคนนี้เหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
อิซัค ในวัย 25 ปีกำลังเข้าสู่ช่วงพีคและได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในยุโรป
กองหน้าสวีดิช ยิงใน พรีเมียร์ลีก ไป 23 ประตู เป็นรองแค่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (29)
ผลงานรวม 62 ประตูจาก 109 นัดให้ นิวคาสเซิ่ล ถือว่ายอดเยี่ยม
ขณะที่ เอกิติเก้ อ่อนกว่า อิซัค 2 ปี ในวัย 23 ปีอาจยังดูไม่สุกงอมเท่าอีกฝ่าย แต่ผลงานตรงพื้นที่สุดท้ายเป็นเหตุผลว่าทำไม ลิเวอร์พูล ถึงยอมทุ่มเงินดึงเข้ามา
ในฤดูกาล 2024/25 เอกิติเก้ ยิงใน บุนเดสลีกา ไป 15 ประตู เป็นตัวเลขที่มีแค่ 5 คนเท่านั้นที่ทำได้มากกว่า และยังแอสซิสต์ไป 8 ครั้ง มากกว่า อิซัค ที่ทำได้ 6 ครั้งจากจำนวนนัดที่น้อยกว่า 1 เกมด้วย
อย่างไรก็ตาม หากดูจากอัตราการเปลี่ยนโอกาสเป็นประตู อิซัค จะยิงได้ 1 ประตูจากทุก ๆ การยิง 4.1 ครั้ง ขณะที่ เอกิติเก้ ต้องยิงถึง 7.6 ครั้งถึงจะได้ 1 ประตู
แม้ค่า xG (expected goals) ต่อ 90 นาทีจะเท่ากันที่ 0.66 แต่ เอกิติเก้ ยิงได้น้อยกว่า อิซัค ถึง 0.24 ประตูต่อเกม แสดงให้เห็นว่าเรื่องจบสกอร์ยังมีความคมที่ไม่เท่ากัน
...
สิ่งที่ทำให้ ลิเวอร์พูล มองหาทั้ง อิซัค และ เอกิติเก้ ก็เพราะสไตล์การเล่นของทั้งคู่มีความคล้ายกัน
อิซัค กับ เอกิติเก้ เป็นนักเตะรูปร่างบาง แต่มีความเร็วสูง วิ่งทะลุแนวรับได้ดี เรื่องความสูง เอกิติเก้ เตี้ยกว่าไม่เกิน 2 เซนติเมตร
สถิติบอกว่า พวกเขาไม่ได้มีดีแค่ยิงประตู แต่ยังถอยลงต่ำ เชื่อมเกม และเลี้ยงบอลในพื้นที่แคบได้ดีอีกด้วย
สถิติการเลี้ยงบอลเฉลี่ยต่อเกมในลีกฤดูกาลที่แล้ว เอกิติเก้ ทำได้ 1.6 ครั้ง อิซัค ทำได้ 1.2 ครั้ง
แล้วเมื่อเปรียบเทียบกับ ดาร์วิน นูนเญซ นั้น ดาวยิงอุรุกวัย ทำได้เพียง 0.3 ครั้ง
นอกจากนี้ เอกิติเก้ ยังเล่นลูกกลางอากาศได้ดีกว่า โดยชนะการดวลลูกกลางอากาศ 46.2% ขณะที่ อิซัค ทำได้ 32.1%
ทั้งสองคนเคยถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เธียร์รี อองรี ในแง่สไตล์การวิ่ง โดย ไมกาห์ ริชาร์ดส์ เคยพูดไว้ในรายการ The Rest is Football ว่า
"เขา(อองรี) บอกว่า เอกิติเก้ ไม่ใช่นักเตะที่แย่ ปัญหาก็คือบางครั้งเขาจะโชว์การเล่นที่น่าทึ่งได้ แต่ในอีก 1 นาทีหลังจากนั้นเขาก็อาจจะทำเรื่องที่เป็นพื้นฐานได้แย่เหมือนกัน"
"เขาพูดต่อว่าถ้าเกิด เอกิติเก้ ปรับปรุงและแก้ไขได้ถูกจุดแล้วล่ะก็ เขาก็อาจจะไปได้ไกลมาก ๆ เลย"
...
แฟนลิเวอร์พูล ทุกคนคงฝันหวานถ้าได้เห็นทั้ง เอกิติเก้ และ อิซัค มาอยู่ ลิเวอร์พูล ด้วยกัน
การปล่อย ดาร์วิน ออกและมีสองคนนี้เป็นตัวเลือกในมือของเฮดโค้ชอาร์เน่อ ถือว่ายอดเยี่ยมสุด ๆ แถม อิซัค ยังสามารถเป็นพี่เลี้ยงที่ดีให้ เอกิติเก้ ได้ด้วย
แม้ เอกิติเก้ อาจไม่ปลื้มถ้าต้องนั่งสำรอง แต่เขาจะได้เรียนรู้จากศูนย์หน้าระดับยุโรปอย่าง อิซัค และพัฒนาฝีเท้าไปอีกขั้น
ถึงแม้ตอนนี้ยังมีแนวโน้มว่า อิซัค น่าจะอยู่กับ นิวคาสเซิ่ล ต่อไป แต่ฝันของแฟนหงส์ก็ยังไม่ผิด
เมื่อการเสริมทัพของ ลิเวอร์พูล นำโดย ฟลอเรียน เวียร์ตซ์, เจเรมี่ ฟริมปง และ มิลอส เคอร์เคซ ที่มาเติมสปีดทั้งแนวรุกและแนวรับ
ทีมชุดนี้ก็ดูพร้อมแล้วสำหรับการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก
และหากได้ อิซัค เพิ่มเข้ามาอีกคน ลิเวอร์พูล ก็อาจกลายเป็นทีมที่น่ากลัวที่สุดในยุโรปทันที ด้วยกองหน้าระดับท็อปสองคนให้เลือกใช้งาน
ซึ่งหนึ่งในนั้นอาจเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกเวลานี้ก็เป็นได้
...
อีกคำถามคือ แล้วเหตุผลอะไรที่ เอกิติเก้ เหมาะสมกับทีมของ อาร์เน่อ ?
จากการดูด้วยตาเปล่าและวิเคราะห์ด้วยข้อมูล เอกิติเก้ คือผู้เล่นประเภท Dual-Threat
กล่าวคือ เป็นกองหน้าที่ทั้ง ยิงประตูเองได้ และจ่ายบอลให้เพื่อนยิงได้ดี
เขาเป็นนักเลี้ยงบอลคล่องแคล่วและลื่นไหล(elegant) เล่นได้ดีเมื่อมีพื้นที่ สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ และรู้จังหวะในการเข้าโจมตีในกรอบเขตโทษ
มีเพียงผู้เล่น 4 คนจาก 5 ลีกใหญ่ยุโรป เท่านั้นที่มีค่าสถิติ non-penalty xG + xA (โอกาสยิงและแอสซิสต์รวมโดยไม่รวมจุดโทษ) ดีกว่า เอกิติเก้ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
โดย 4 คนนั้นคือตัวท็อปอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (32.4), ราฟินญ่า (30.3), โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และคีลิยัน เอ็มบัปเป้ (26.3) ขณะที่ เอกิติเก้ มีตัวเลขที่ 26.0
จุดเด่นของ เอกิติเก้ คือการใช้ความเร็วและการเคลื่อนที่อย่างชาญฉลาดเพื่อหาพื้นที่ทำประตู
ตัวเลขบ่งชี้ว่าเขาคอยดักโอกาสอยู่ในพื้นที่อันตราย โดยมีถึง 8 ประตูที่ยิงจากระยะ 6 หลา
อย่างไรก็ดี เขาไม่ใช่กองหน้าที่จบสกอร์ได้คมกริบเสมอไป
ฤดูกาลที่ผ่านมา เขายิงได้น้อยกว่าค่า xG แบบไม่รวมจุดโทษในบุนเดสลีกา (19.3) ถึง 5.3 ประตู ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าคาดการณ์มากที่สุดในลีก
จากข้อมูลของ fbref.com เขามีค่าเฉลี่ยการยิงต่อ 90 นาทีใน บุนเดสลีกา อยู่ที่ 4.0 ครั้ง เป็นรองแค่เพื่อนร่วมทีมเก่าอย่างโอมาร์ มาร์มูช (4.7) แต่สิ่งที่ยังไม่ค่อยดีคือความแม่นยำ โดยมีเพียง 1.5 ครั้งต่อ 90 นาทีที่ยิงตรงกรอบ
อีกหนึ่งข้อมูลของ fbref ผู้เล่นที่สไตล์ใกล้เคียงกับ เอกิติเก้ มากที่สุดในปีที่ผ่านมา คือ อุสมาน เดมเบเล่ ที่แม้จะยืนเป็นศูนย์หน้าตามตำแหน่งในระบบของเปแอสเช แต่ก็ทำได้มากกว่าแค่ยิงประตู
แม้ อาร์เน่อ จะใช้สไตล์การครองบอลและให้ความสำคัญกับการคุมเกมเป็นหลัก แต่ ลิเวอร์พูล ก็ยังคงอันตรายจากการเล่นเกมสวนกลับ
มีเพียง แฟร้งค์เฟิร์ต ท่านั้นที่มี xG จากการสวนกลับสูงกว่า ลิเวอร์พูล ใน 4 ลีกใหญ่ยุโรป (พรีเมียร์ลีก, บุนเดสลีกา, ลาลีกา และเซเรีย อา) เพียงแต่ ลิเวอร์พูล ยิงได้มากกว่าจากสถานการณ์ดังกล่าว
เอกิติเก้ เองก็มีบทบาทสำคัญกับจังหวะเหล่านี้ต่อ แฟร้งเฟิร์ต ไม่ว่ายิงเองหรือจ่ายให้เพื่อนจบสกอร์ โดยมีเพียง ซาลาห์ (10 ครั้ง) ที่มีส่วนร่วมกับประตูจากการสวนกลับมากกว่า (6 ครั้ง)
เอกิติเก้ โดดเด่นในจังหวะสวนกลับ และสามารถพาบอลขึ้นหน้าแล้วจบสกอร์เองได้ ไม่ว่าจะเข้าหรือไม่เข้าก็ตาม
มีเพียง 3 คนในลีกยุโรปที่มีจำนวนการยิงหลังจากพาบอล มากกว่าเขาในฤดูกาล 2024/25 ได้แก่ ลามีน ยามาล (56 ครั้ง), เอ็มบัปเป้ (50) และ เมสัน กรีนวู้ด (45)
ฤดูกาลที่แล้ว เอกิติเก้ คือกองหน้าคนเดียวใน 5 ลีกใหญ่ยุโรป ที่ทั้งพาบอลเข้าเขตโทษได้มากกว่า 50 ครั้ง และสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษมากกว่า 200 ครั้ง
เขาเชื่อมเกมได้ดี โดยเฉพาะบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ค่า xA อยู่ที่ 6.8 ติดท็อป 10 บุนเดสลีกา และใกล้เคียง เวียร์ตซ์ (7.0)
ตำแหน่งเบอร์ 9 ในระบบของ อาร์เน่อ ไม่ได้ต้องการแค่การทำประตู แต่ยังต้องมีพละกำลังและความทุ่มเท
แม้ แฟร้งค์เฟิร์ต จะไม่ใช่ทีมที่เพรสซิ่งหนัก แต่เมื่อทีมไล่บอล เอกิติเก้ คือคนที่รับผิดชอบเป็นผู้นำเพรส และทำได้ดีมาก
จากข้อมูลของ Opta Vision เขาติดท็อป 7 บุนเดสลีกา ในด้านการไล่กดดันในแดนคู่แข่ง และพื้นที่สุดท้าย โดยเฉลี่ยแล้ว เอกิติเก้ เพรสระดับเข้มข้นสูงบนพื้นที่สุดท้ายถึง 15.3 ครั้งต่อ 90 นาที มากที่สุดในทีม แฟร้งค์เฟิร์ต
แน่นอนว่า การเซ็นสัญญาค่าตัวสูงเท่านี้มันมีความเสี่ยง
ย้อนกลับไปซัมเมอร์ปี 2022 ลิเวอร์พูล เคยลงทุนครั้งใหญ่กับกองหน้าดาวรุ่งอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ในวัย 21 ปี หลังจากโชว์ฟอร์มร้อนแรงกับ เบนฟิก้า ในลีก โปรตุเกส
ทว่านับตั้งแต่ตอนนั้นจนมาถึงปัจจุบัน ยังไม่เป็นไปตามแผนที่หวังไว้
แต่สิ่งที่ ลิเวอร์พูล คาดหวังอย่างมากคือ การเซ็นสัญญาครั้งนี้จะเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม
HOSSALONSO