แมนยู เพียงหนึ่งเดียว! เปิดเส้นทางฝัน เอ็มเบอโม่ สู่การสวมเสื้อ “เร้ด เดวิลส์”

แมนยู เพียงหนึ่งเดียว! เปิดเส้นทางฝัน เอ็มเบอโม่ สู่การสวมเสื้อ “เร้ด เดวิลส์”
ย้อนรอยเส้นทางชีวิต ไบรอัน เอ็มเบอโม่ จากเด็กฝรั่งเศสสู่นักเตะแคเมอรูน ก่อนลุยพรีเมียร์ลีกกับ เบรนท์ฟอร์ด และเติมเต็มความฝันวัยเยาว์ด้วยการเซ็นสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด สโมสรในดวงใจอย่างเป็นทางการ

ดาวเตะวัย 25 ปีย้ายจาก เบรนท์ฟอร์ด มาสู่ถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยค่าตัว 65 ล้านปอนด์ (ราว 2,860 ล้านบาท) โดยจะแบ่งจ่ายเป็นสี่งวด และมีค่าแอดออน 6 ล้านปอนด์ (ราว 264 ล้านบาท) พร้อมกับเซ็นสัญญา 5 ปีโดยมีออปชั่นต่อสัญญาได้อีกปี

เอ็มเบอโม่ พิสูจน์ฝีเท้าในพรีเมียร์ลีกมาแล้ว ด้วยศักยภาพในเกมรุกที่แข็งแกร่งและความขยันในการไล่บอลตอนที่ไม่มีบอล ซึ่งคุณสมบัติแบบนี้จะช่วยเสริมความดุดันให้กับแนวรุกของ แมนยูไนเต็ด ได้เป็นอย่างดี

กองหน้าชาวแคเมอรูน เป็นการเสริมทัพที่สาวก "ผีแดง" เฝ้ารอ หลังทำผลงานยิง 20 ประตูให้กับ "เดอะ บีส์" เมื่อในฤดูกาล 2024/2025 ซึ่งถือเป็นฟอร์มสุดพีคบนเส้นทางอาชีพพ่อค้าแข้งของนักเตะ และนำไปสู่การย้ายมาร่วมทัพสโมสรในฝันที่ตามเชียร์มาตั้งแต่เยาว์วัย  

สำหรับเส้นทางชีวิตของ เอ็มเบอโม่ ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งไต่เต้าสร้างชื่อและได้ย้ายมาสู่ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ก่อนจะได้สวมเครื่องแบบ "เร้ด เดวิลส์" เป็นมายังไง ลองค่อยๆ พิจารณากันไปพร้อมๆ กัน 

1. ปฐมบทก้าวเข้าสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ 

เอ็มเบอโม่ ก็เหมือนกับเด็กๆ ทั่วโลก โดยเขาเริ่มเตะฟุตบอลในช่วงเย็นสมัยที่ยังเป็นเด็กน้อยวัยละอ่อนในหมู่บ้านเล็กที่อวาลอน ประเทศฝรั่งเศส นักเตะเริ่มฝึกฝนฝีเท้าเชิงลูกหนังครั้งแรกกับสโมสรซีโอ อาวัลโลเนส์ ซึ่งโค้ชให้คำนิยามตัวเขาว่า "เด็กชั้นยอดที่มีทัศนคติยอดเยี่ยมและรู้ตัวเองว่าต้องการจะไปเล่นที่ไหน" 

 แม้จะใช้เวลาเพียงช่วงสั้นๆ กับ บูร์กว็อง-ฌัลลิเยอ ซึ่งเป็นทีมระดับท้องถิ่นในบ้านเกิดของเขาจนกระทั่งปี 2013 เด็กชายเอ็มเบอโม่ มีโอกาสย้ายไปเล่นให้ ทรัวส์  ในวัย 14 ปี หลังจากนั้นเจ้าตัวก็พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนได้รับการจับตามองในระดับชาติในปี 2018 ด้วยการตะบัน 2 ประตูในเกมรอบชิงศึกคูป์ กองบาร์เดลล่า ซึ่งเป็นศึกเอฟเอ ยูธ คัพ เวอร์ชั่นฝรั่งเศส ที่สนามสต๊าด เดอ ฟร้องซ์ เขาเป็นผู้เล่นคนแรกที่ซัดสองประตูในการแข่งขันรายการนี้นับตั้งแต่ที่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เคยทำได้ โดยลูกแรกเป็นจังหวะวอลเล่ย์สุดงามที่ทำให้หวนนึกถึง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ช่วยให้ ทรัวส์ เฉือนชนะ 2-1 และเป็นการคว้าแชมป์แรกของต้นสังกัดในรอบ 62 ปี ซึ่งนั่นนำไปสู่การได้รับสัญญานักเตะอาชีพครั้งแรกของ เอ็มเบอโม่ 

2. ฟอร์มเฉิดฉายสวนทางผลงานของ ทรัวส์ 

หลายคนเฝ้าติดตามพัฒนาการของ เอ็มเบอโม่ อย่างใกล้ชิด เพราะนักเตะมีแววที่จะเป็นผู้เล่นชั้นนำในอนาคต โดยเขาสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจจนได้รับความสนใจอย่างกว้างข้าง หลังจากนั้นเจ้าตัวก็มีโอกาสก้าวขึ้นไปสู่ทีมชุดใหญ่ของ ทรัวส์ และในแมตช์เดบิวต์มีส่วนช่วยต้นสังกัดชนะ เม็ตซ์ 1-0 ในศึกลีก เอิง ซีซั่น 2017/2018

เอ็มเบอโม่ มีโอกาสได้ลงสนาม 3 เกมในฤดูกาลดังกล่าว โดยเขาสามารถสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นและน่าประทับใจ สวนทางกับฟอร์มของ ทรัวส์ ที่ย่ำแย่จนสุดท้ายต้องร่วงไปสู่ลีก เดอซ์ อย่างน่าเจ็บปวด

อย่างไรก็ตาม การตกชั้นครั้งนั้นกลับเปิดโอกาสให้ เอ็มเบอโม่ ได้แสดงฝีเท้าอย่างเต็มที่ในฤดูกาลถัดมา เขาทำไป 11 ประตูจาก 40 เกม ช่วยให้ ทรัวส์ มีลุ้นเลื่อนชั้นทันที แม้สุดท้ายจะผิดหวังเมื่อต้องแพ้ให้กับ ล็องส์ ในเกมเพลย์ออฟ รอบรองชนะเลิศ ก็ตาม

การยกระดับฟอร์มที่โดดเด่นทั้งๆ ที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นทำให้ เอ็มเบอโม่ มีเส้นทางอาชีพที่สดใสเหลือเกิน และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้นักเตะได้รับความสนใจจากหลายทีมชั้นนำใน ลีก เอิง ที่อยากได้ตัวเขาไปร่วมทัพ

3. สู่เส้นทางสำคัญเดินตามฝันในวัยเยาว์

เอ็มเบอโม่ ตัดสินใจออกไปแตะขอบฟ้า เมื่อเลือกย้ายไปเล่นกับ เบรนท์ฟอร์ด ด้วยค่าตัว 5.4 ล้านปอนด์ (ราว 237.6 ล้านบาท) เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2019 แม้ "เดอะ บีส์" จะเปรียบเสมือนเรือลำเล็ก แต่การนั่งเรือเล็กออกจากฝั่ง กลับกลายเป็นการยกระดับฝีเท้ามากยิ่งขึ้น 

โธมัส แฟร้งค์ กุนซือเบรนท์ฟอร์ด ในขณะนั้น (ปัจจุบันย้ายไปคุม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์) กล่าวถึง เอ็มเบอโม่ ว่า "ไบรอัน เป็นนักเตะที่ เบรนท์ฟอร์ด ต้องการ เขามีความรวดเร็ว แข็งแกร่ง และเอาชนะคู่ต่อสู้ในจังหวะการดวลแบบตัวต่อตัว เขาเข้าถึงกรอบเขตโทษได้ฉับไว และยิงประตูได้ด้วย"

สิ่งเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นอย่างเด่นชัดเหมือนกับตอนเล่นให้ ทรัวส์ โดย เอ็มเบอโม่ ช่วยยิงประตูช่วยทีมให้ทีมคว้าตั๋วเล่นรอบเพลย์ออฟ ศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ซีซั่น 2019/2020 ด้วยการตะบันไป 16 ประตูจากการลงสนาม 47 เกม 

อย่างไรก็ตาม  ฤดูกาลนั้นก็จบลงด้วยความภูมิใจจากผลงานส่วนตัวของ เอ็มเบอโม่ เท่านั้น เพราะต้นสังกัดต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อ เบรนท์ฟอร์ด พ่ายแพ้ "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม 2-1 ในเกมเพลย์ออฟ รอบชิงชนะเลิศ เพื่อคว้าตั๋วสู่พรีเมียร์ลีก 

ในปี 2020 เบรนท์ฟอร์ด เซ็นสัญญากับ ไอแวน โทนีย์ มาร่วมทัพ ทำให้บทบาทของ เอ็มเบอโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยเขาถูกปรับให้เป็นผู้เล่นที่คอยสนับสนุนหน้าเป้า แต่ก็ยังมีส่วนสำคัญในเกมรุก และในที่สุด "ผึ้งน้อย" ก็สมหวัง จัดการคว่ำ สวอนซี ในรอบชิงเพลย์ออฟ คว้าตั๋วสู่ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีได้สำเร็จ 

4. โดดเด่นเป็นสง่าในศึกพรีเมียร์ลีกจนได้ติดธงบ้านเกิดคุณพ่อ

สำหรับฤดูกาลแรกบนเวทีพรีเมียร์ลีกนั้น เอ็มเบอโม่ สร้างผลงานได้อย่างประทับใจ โดยในวัยเพียง 22 ปี เขาจัดการตะบันไป 8 ประตูจากการเล่น 38 เกมให้กับต้นสังกัด  และอาจทำได้มากกว่านั้น หากไม่ใช่เพราะดันแม่นเกินเหตุซัดไปชนเสาและชนคานถึง 7 ครั้ง 

ขณะที่ในเกมเอฟเอ คัพ นักเตะตะบันแฮตทริกแรกในอาชีพหลังจากถูกส่งลงเป็นตัวสำรองในเกมไล่นต้อน พอร์ท เวล 4-1 รอบสาม  ฟอร์มอันยอดเยี่ยมทำให้เจ้าตัวได้รับสัญญาฉบับใหม่ และถูกเรียกตัวติดทีมชาติแคเมอรูน บ้านเกิดเมืองนอนของบิดาบังเกิดเกล้า 

การติดธงทัพ "หมอผี" ทำให้ เอ็มเบอโม่ มีโอกาสได้พบกับ ซามูเอล เอโต้ สุดยอดดาวยิงบาร์เซโลน่า และ อินเตอร์ มิลาน โดยนักเตะได้เป็นตัวแทนให้กับบ้านเกิดของพ่อในศึกฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งน่าเสียดายที่พวกเขาร่วงตกรอบแบ่งกลุ่ม 

ต่อมาในปี 2023 เอ็มเบอโม่ พลาดการลงเล่นในศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บ แต่ในปีเดียวกันนั้นเอง เขาก็กลายเป็นกำลังหลักของเบรนท์ฟอร์ด หลังจาก ไอแวน โทนี่ย์ โดนแบนยาวจากคดีละเมิดกฏการพนันของเอฟเอ 

เอ็มเบอโม่ ก้าวขึ้นมาเป็นคู่หูทรงประสิทธิภาพร่วมกับ โยอัน วิสซ่า โดยพวกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้นักเตะได้รับการเสนอชื่อลุ้นรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคม และ ตุลาคม เลยทีเดียว 

หลังจากนั้นในฤดูกาล 2024/2025 เอ็มเบอโม่ ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นที่โดดเด่นเอาไว้ได้ และได้รับการเสนอชื่อลุ้นรางวัลแข้งยอดเยี่ยมประจำเดือนถึง 3 ครั้ง ที่สำคัญเจ้าตัวตะบันไปถึง 20 ลูก ทำให้รั้งอันดับ 4 ดาวซัลโวลีกร่วมกับ คริส วู้ด สตาร์น็อตติงแฮม ฟอเรสต์  

5. โบยบินสู่ฝันในนามนักเตะแมนยู

ในฐานะหนึ่งในกองหน้าที่มีความเฉียบคมในการจบสกอร์ศึกพรีเมียร์ลีก รวมทั้งเป็นนักเตะที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ขยัน และทักษะการเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยม นั่นทำให้ เอ็มเบอโม่ ตกเป็นเป้าหมายของหมายทีมในยุโรป ช่วงซัมเมอร์ปี 2025

อย่างไรก็ตาม สโมสรเดียวที่ เอ็มเบอโม่ ต้องการย้ายไปร่วมทัพ นั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เท่านั้น เพราะเป็นทีมที่เจ้าตัวชื่นชอบมาตั้งแต่เยาว์วัย และเมื่อโอกาสมาถึงเจ้าตัวรีบคว้าเอาไว้ทันที แม้ สเปอร์ส ที่มี โธมัส แฟร้งค์ กุนซือคู่ใจกุมบังเหียน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานหัวใจที่มีแต่ "ผีแดง" เท่านั้น

การเซ็นสัญญาครั้งนี้คือการเติมเต็มความฝันในวัยเด็กของเขาที่เริ่มต้นจากการสวมเสื้อ "เร้ด เดวิลส์" ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ วิ่งเล่นอยู่บนท้องถนน และในวันนี้ฝันเป็นจริงแล้ว 

ด้วยบุคลิกที่เงียบขรึมแต่มั่นใจ เอ็มเบอโม่ จะนำคุณภาพชั้นยอดมาสู่ถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ซึ่งกุนซือรูเบน อโมริม หวังว่าจะเข้ามาเติมเต็มแนวรุกให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และประสานงานกับ มาเตอุส คุนญ่า กองหน้ารายใหม่ที่เพิ่งย้ายมาเสริมแกร่งซัมเมอร์นี้ ได้อย่างลงตัว

✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄



ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport