ในวันแบบนี้ ฟุตบอลมันไม่สำคัญ แต่หัวใจของ ลิเวอร์พูล ยังรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
แค่การที่นักเตะ ลิเวอร์พูล ลงสนามที่ ดีพเดล เพื่อพบกับ เปรสตัน ได้ นั่นก็ถือเป็นชัยชนะในหัวจิตหัวใจของพวกเขาในตัวไปแล้ว
เพราะในช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความรู้สึก โดยเฉพาะเมื่อ ดีโอโก้ โชต้า จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
สนามเงียบสงบ... บรรยากาศเหมือนเกมปรีซีซั่นธรรมดา ๆ
ริมเส้นฝั่งหนึ่ง นักเตะผู้มาเยือนต่อบอลกันด้วยความคล่องแคล่วในรูปแบบฝึกซ้อมส่งบอลแบบล้อมวง
ขณะที่ ซิปเค่ ฮุลชอฟฟ์ มือขวา อาร์เน่อ คอยดูแลใกล้ชิดและตะโกนคำสั่งอย่างแข็งขัน
แสงแดดอบอุ่นพาดผ่านอัฒจันทร์ฝั่ง บิลล์ แชงคลี่ ค็อป ซึ่งอัดแน่นด้วยแฟนบอลชุดแดง
รายชื่อผู้เล่นก็เต็มไปด้วยความน่าสนใจ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ ที่ได้ลงเฝ้าเสานัดแรก ส่วนดาวรุ่งจากอะคาเดมี่อย่าง ริโอ เอ็นกูโมฮา และเทรย์ นายโอนี่ ก็ได้รับโอกาสโชว์ศักยภาพ
แต่ท่ามกลางสิ่งเหล่านั้น เสียงเพลง Souvenir จากวง Orchestral Manoeuvres in the Dark ที่เปิดคลออยู่ทั่วสนาม กลับแต่งแต้มอารมณ์ของวันให้เศร้าหมอง
"คุณจะเข้าใจเอง มันไม่สำคัญแล้วในตอนนี้" บทหนึ่งจากเนื้อเพลงกระแทกใจผู้คนอย่างลึกซึ้ง
ใช่... ไม่มีอะไรจะจริงไปกว่านั้นอีกแล้ว
บนจอสกอร์ ภาพของ โชต้า กับ อันเดร ซิลวา เพื่อนร่วมทีมที่เป็นดั่งพี่น้อง ปรากฏขึ้นอย่างเงียบงัน พวกเขาเพิ่งจากโลกนี้ไปเพียง 10 วันจากอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
แต่นี่คือ ลิเวอร์พูล ทีมที่พยายามยืนหยัดแม้ในยามหัวใจแตกสลาย
การที่ทีมมาที่นี่ได้ ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาเข้มแข็งเพียงใด
แม้โลกจะต้องเดินหน้าต่อหลังความสูญเสีย แต่กับคน 21,289 ชีวิตที่มารวมตัวกันในสนามประวัติศาสตร์แห่งนี้ คำถามหนึ่งยังค้างคาคือ เมื่อความโศกเศร้ากลืนกินทุกสิ่ง... ฟุตบอลยังสำคัญอยู่อีกหรือ?
ก่อนเกม อาร์เน่อ ให้สัมภาษณ์เพียงครั้งเดียวกับ LFC TV
"ไม่มีอะไรดูสำคัญอีกเลย เมื่อเรานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น"
"แต่เราคือสโมสรฟุตบอล เรายังต้องฝึกซ้อม เรายังต้องลงแข่ง ไม่ว่าเราจะอยากทำหรือไม่ก็ตาม"
"มันยากเหลือเกินที่จะหาคำพูดที่เหมาะสม เพราะเราต้องถามตัวเองเสมอว่า อะไรคือสิ่งที่ควรทำ เรากลับมาซ้อมได้ไหม? เราจะหัวเราะอีกครั้งได้หรือเปล่า? หรือแม้แต่โมโหเมื่อมีการตัดสินผิดพลาด?"
"ผมบอกพวกเขา... จงรับมือกับสถานการณ์นี้แบบที่โชต้าทำ เขาเป็นตัวของตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะคุยกับผม เพื่อนร่วมทีม หรือใครก็ตาม เขาไม่เคยเปลี่ยน"
"ฉะนั้น พวกเราก็จงเป็นตัวของเราเอง อยากหัวเราะก็หัวเราะ อยากร้องไห้ก็ร้องไห้ อย่าฝืนความรู้สึกของตัวเองเลย"
...
ความรู้สึกนั้นยังคงสดใหม่ ราวกับบาดแผลที่ยังไม่ทันได้ตกสะเก็ด
ใกล้ถึงเวลาแข่ง แฟนบอลเริ่มตะโกนชื่อ โชต้า พร้อมเสียงปรบมือที่ดังกระหึ่ม และเมื่อเข็มนาฬิกาขึ้นเลข 20 หมายเลขเสื้อที่โชต้าเคยสวมใส่ และสโมสรลิเวอร์พูล ตัดสินใจเลิกใช้เพื่อเป็นเกียรติ พวกเขาร้องเพลงต่อเนื่องนานเก้านาที
บนสนาม นักเตะพยายามเล่นให้ดีที่สุด ท่ามกลางอารมณ์ที่ยากจะควบคุม
พิธีการก่อนเกมยิ่งสะเทือนอารมณ์ เบน ไวท์แมน กัปตันทีม เปรสตัน เดินถือพวงหรีดสีขาวไปยังหน้าอัฒจันทร์ทีมเยือนอย่างเงียบ ๆ สะท้อนถึงความเคารพอันลึกซึ้งที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้กัน
จากนั้นเกมก็เริ่มต้นขึ้น ทั้งสองทีมเล่นอย่างมืออาชีพ
ลิเวอร์พูล ออกนำจาก คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ ประตูสองจาก ดาร์วิน นูนเญซ ก่อนที่ เลียม ลินด์ซี่ย์ จะยิงตีไข่แตกให้ เปรสตัน ได้เฮบ้าง
แล้วท้ายเกม โคดี้ กัคโป มายิงปิดเกมในช่วงท้าย ท่ามกลางเสียงเฮที่กลบไม่มิดความรู้สึกคิดถึงใครบางคน
กัคโป ชี้นิ้วขึ้นฟ้าหลังยิงได้ มันเป็นภาพที่เราคุ้นเคยที่เป็นของ โชต้า และครั้งนี้...มันยิ่งเจ็บกว่าครั้งไหน ๆ
ทันทีที่เสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้น นักเตะ ลิเวอร์พูล เดินไปยืนเรียงแถวหน้าอัฒจันทร์ฝั่งทีมเยือน
แฟนบอลร้องเพลงให้ โชต้า อีกครั้ง มันคือช่วงเวลาที่งดงาม ลึกซึ้ง และสะเทือนใจอย่างที่สุด
สนามเริ่มว่างลง เสียงเพลง Souvenir ดังขึ้นอีกครั้งเป็นรอบที่สอง
ในวันที่ฟุตบอลอาจไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ความเป็นหนึ่งเดียวกัน ต่างหาก... ที่คือทุกอย่าง
HOSSALONSO