ใครจะไปคิด! 5 นักเตะที่เคยถูกมองข้ามตอนเซ็น แต่กลายเป็นตำนานสโมสร

ใครจะไปคิด! 5 นักเตะที่เคยถูกมองข้ามตอนเซ็น แต่กลายเป็นตำนานสโมสร
จากดีลธรรมดาที่ไม่ตื่นตาตอนเปิดตัว สู่เสาหลักของสโมสร! รวม 5 นักเตะชื่อดังอย่าง ซาลาห์, ดร็อกบา, เดอ บรอยน์ ที่เคยถูกแฟนบอลตั้งคำถาม แต่พิสูจน์ตัวเองจนกลายเป็นตำนานของทีมแบบไม่มีใครลืม

นักเตะหลายคนที่ย้ายทีมในช่วงแรกดูเหมือนไม่น่าสนใจ และอาจจะน่าผิดหวัง แต่กลับกลายเป็นผู้เล่นเหล่านั้นคือการเซ็นสัญญาที่สุดยอดที่สุด

ดีลเหล่านี้ล้วนสร้างความประหลาดใจในช่วงเวลานั้น เพราะไม่คิดว่าจะได้ย้ายมาร่วมทีม แถมบางคนค่าตัวแพงเว่อร์ หรือภาพลักษณ์อาจดูไม่เข้ากับสโมสร แต่กลายเป็นว่านักเตะเหล่านี้ คือการลงทุนที่คุ้มค่าของสโมสร 

ลองนึกภาพตอนที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ย้ายมาสวมเครื่องแบบ ลิเวอร์พูล เชื่อว่าแฟนบอลหงส์แดง คงรู้สึกเฉยๆ และไม่คิดว่าทั้งคู่จะเป็นดีลที่กลายเป็นตำนานแห่งถิ่นแอนฟิลด์ 

สำหรับ 5 นักเตะที่เป็นการเซ็นสัญญาที่ดูไม่น่าตื่นเต้นแต่กลายเป็นอัจฉริยะในภายหลังมีใครบ้าง และพวกเขาเหล่านี้สามารถเปลี่ยนสโมสรของพวกเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือมากแค่ไหน ไปพิจารณากันได้เลย 

1. เควิน เดอ บรอยน์

 ต้องยอมรับว่า เดอ บรอยน์ คือเพลย์เมกเกอร์ที่ เชลซี มองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย เพราะพวกเขามีเพชรเม็ดงามอยู่ในมือแท้ๆ แต่ดันเจียระไนไม่เป็นและปล่อยให้ของดีหลุดมือไป จนสุดท้ายเขากลายเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ช่วงที่อยู่กับ "สิงห์บลูส์" นั้น เดอ บรอยน์ โดนมองข้ามตลอด และถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ แวร์เดอร์ เบรเมน ก่อนที่ โวล์ฟสบวร์ก จะเห็นแววซูเปอร์สตาร์ของนักเตะ ก็เลยรับเซ้งมาร่วมทัพ จากนั้นเจ้าตัวก็ค่อยๆ เฉิดฉายในตำแหน่งจอมทัพ 

ผลงานกับ โวล์ฟสบวร์ก มันไปเข้าตา แมนซิตี้ เต็มๆ และนั่นทำให้พวกเขายอมควักกระเป๋า 55 ล้านปอนด์ (ราว 2,420 ล้านบาท) คว้าตัวมาร่วมทัพ เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2015 ซึ่งตอนนั้นบอกได้เลยว่าสาวก "เรือใบสีฟ้า" แทบไม่สนใจแข้งรายนี้ แถมยังมองว่าจะซื้อมาทำไม เนื่องจากนักเตะมีประวัติไม่สวยตอนอยู่ เชลซี

จากวันนั้นจนถึงปัจจุบัน เดอ บรอยน์ คือหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดตลอดกาลของ แมนซิตี้ ความสำเร็จมากมายมหาศาลเป็นเครื่องยืนยันได้ว่านี่คือสุดยอดเพลย์เมกเกอร์ของ "เรือใบสีฟ้า" และของพรีเมียร์ลีกด้วย 

2. โม ซาลาห์ 

ลิเวอร์พูล ควักกระเป๋า 36.3 ล้านปอนด์ (ราว 1,597 ล้านบาท) ให้ โรม่า เพื่อคว้าตัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มาร่วมทัพเมื่อปี 2017 โดยการกลับมาอังกฤษของเขาสร้างความสงสัยให้กับแฟนบอลหงส์แดงว่าจะซื้อนักเตะที่ครั้งหนึ่งเป็นส่วนเกินของ เชลซี มาทำไม

สตาร์ชาวอียิปต์ สร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจช่วงที่เล่นในอิตาลี แต่กระนั้นหลายคนไม่ค่อยเชื่อน้ำยาว่านักเตะจะสามารถโชว์ฟอร์มได้เหมือนเดิมเมื่อย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก เพราะเป็นลีกที่มีความเข้มข้นสูงกว่า

นอกจากนี้สาวก "เดอะ ค็อป" ยังสงสัยว่า ซาลาห์ จะสามารถเล่นร่วมกับ อดัม ลัลลาน่า และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ได้หรือไม่ แต่เพียงไม่กี่เดือนสิ่งเหล่านั้นก็กระจ่างชัด เพราะ "บังโม" ระเบิดฟอร์มโหดกว่าตอนเล่นให้ โรม่า ด้วยซ้ำ

ผลงานตะบันไปถึง 184 ประตูกับ 87 แอสซิสต์จากการเล่น 288 แมตช์ในพรีเมียร์ลีกให้กับ ลิเวอร์พูล พร้อมกับความสำเร็จมากมายสู่ถิ่นแอนฟิลด์ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก

3. ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 เชลซี ซื้อนักเตะที่แฟนบอล "สิงโตน้ำเงินคราม" คงได้แต่นั่งเกาหัวว่าเขาคือใคร เพราะ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ในตอนนั้นยังไม่โด่งดังในวงกว้างมากนัก และนี่คือการเซ็นสัญญาที่ดีเยี่ยมในยุคที่ โรมัน อบราโมวิช ยังเป็นเจ้าของสโมสร

โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทัพพร้อมแจ้งกับบอร์ดบริหารว่าต้องการ ดร็อกบา มาร่วมทัพอย่างมาก โดยพวกเขาก็ไม่ปฏิเสธยินดีจ่ายค่าเสียหายจำนวน 24 ล้านปอนด์ (ราว 1,056 ล้านบาท) ให้กับ โอลิมปิก มาร์กเซย  ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่าสูงมากเมื่อปี 2004

ต้องบอกว่า มาร์กเซย ไม่ได้ต้องการขายนักเตะซึ่งมาแค่ 3.3 ล้านปอนด์ (ราว 145 ล้านบาท) เท่านั้น เมื่อปี 2003 แต่การที่ได้กำไร 20 ล้านปอนด์ (ราว 880 ล้านบาท) ทั้งๆ ที่ใช้งานแค่ปีเดียวมันถือว่าคุ้มค่ามากๆ

ดร็อกบา คือหนึ่งในการลงทุนที่คุ้มค่าของ อบราโมวิช เพราะนักเตะโชว์ฟอร์มระดับโลกช่วยให้ เชลซี คว้าแชมป์ลีก และยังได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย ดังนั้นนี่คือดีลที่บอกเลยว่าเซอร์ไพรส์สำหรับแฟนบอล "สิงห์บลูส์" อย่างแท้จริง 

4. โคล พาลเมอร์

แม้ว่า โคล พาลเมอร์ จะได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในดาวรุ่งพรสวรรค์สูงของวงการฟุตบอลอังกฤษก็ตาม แต่ก็มีเสียงค่อนขอดและเย้ยหยันตอนที่ เชลซี ทุ่มเงิน 45 ล้านปอนด์ (ราว 1,980 ล้านบาท) เพื่อดึงนักเตะมาร่วมทัพเมื่อปี 2023

เหตุผลที่หลายคนเย้น เชลซี ก็เพราะ พาลเมอร์ เป็นนักเตะที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนซิตี้ เมินใช้งาน และนั่นทำให้เขาเลือกย้ายทีม ขณะที่ เชลซี ตอนนั้นก็มีกองหน้าล้นทีม ทำให้เกิดคำถามว่าจะซื้อแข้งดาวรุ่งที่ยังไม่ได้พิสูจน์อะไรเลยมาร่วมทีมทำไม แถมแพงอีกต่างหาก

แม้ พาลเมอร์ จะไม่ค่อยได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ "เรือใบสีฟ้า" แต่การมาอยู่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เจ้าตัวพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นนักเตะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์มากแค่ไหน และกลายเป็น "เดอะ แบก" ของทีมจนคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ ในซีซั่นแรกกับ "สิงห์บลูส์"

สำหรับตอนนี้ พาลเมอร์ เป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในวงการลูกหนังอังกฤษ และในยุโรป แถมข้อสงสัยต่างๆ ที่เกี่ยวกับการตัดสินใจของ เชลซี ไม่มีอีกแล้ว เหลือแค่คำชมในเรื่องความเฉียบคมในการซื้อตัวของพวกเขา

5. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2011 ค่าตัว 20 ล้านปอนด์ (ราว 880 ล้านบาท) ถือเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก แต่ก็เพียงพอที่จะซื้อมิดฟิลด์ชั้นดีที่เล่นเกมรับได้แข็งแกร่ง และเกมรุกดุดันอันตราย

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ทำเรื่องสุดช็อกเมื่อมอบเงินก้อนโตให้ ซันเดอร์แลนด์ เพื่อแลกกับ เฮนเดอร์สัน ซึ่งตอนนั้นเป็นกองกลางที่ไม่ได้มีแววโดดเด่นอะไรมากนัก แต่มีแคแรกเตอร์ที่น่าสนใจเท่านั้น

ในช่วงแรกที่ย้ายมาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ "เฮนโด้" ต้องเจอกับความยากลำบากในการงัดฟอร์มเก่งออกมา โดย เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือในเวลานั้นถึงขนาดเตรียมขายทิ้งให้ ฟูแล่ม ในปี 2012

สุดท้าย เฮนเดอร์สัน สามารถพิสูจน์ตัวเองได้สำเร็จ และพัฒนาศักยภาพจนกลายเป็นกัปตันทีมที่ยิ่งใหญ่ในยุคเจอร์เก้น คล็อปป์ และเป็นคนชูโทรฟี่แชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยแรกในรอบ 30 ปีของทัพ "หงส์แดง" ด้วย 

TOMMY TEE.



ที่มาของภาพ : Reuters
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport