โอซีเมน, เอกิติเก้, โยเคเรส, เซสโก้ : 4 หน้าเป้าตัวจริงที่ทีมใหญ่ควรเซ็นซัมเมอร์นี้

โอซีเมน, เอกิติเก้, โยเคเรส, เซสโก้ : 4 หน้าเป้าตัวจริงที่ทีมใหญ่ควรเซ็นซัมเมอร์นี้
วิเคราะห์ 4 กองหน้าหมายเลข 9 ที่ครบเครื่องทั้งสปีด ความคม และความแข็งแกร่ง ทั้ง โอซีเมน, เอกิติเก้, โยเคเรส และ เซสโก้ ใครคือตัวเลือกที่เหมาะสุดในตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้ ท่ามกลางวิกฤตกองหน้าขาดแคลนในยุคฟุตบอลสมัยใหม่

ผู้เล่นหมายเลข 9 หรือหน้าเป้าในปัจจุบันค่อนข้างหายาก ยิ่งถ้าเป็นประเภทโป้งปิดบัญชียิ่งแทบไม่ค่อยเห็น แต่ก็ใช้ว่าจะไม่มี และผู้เล่นแบบนี้ที่หลายทีมพยายามเสาะหาเพื่อนำตัวมาเพิ่มประสิทธิภาพในการถล่มประตูคู่แข่ง

สำหรับตลาดพ่อค้าแข้งในช่วงซัมเมอร์นี้ ต้องยอมรับว่าหลายสโมสรมีความพยายามที่จะคว้าตัวกองหน้าขนานแท้มาเสริมแกร่ง แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะนักเตะเหล่านี้มีค่าตัวค่อนข้างสูง

ปัจจุบันตลาดนักเตะจะเปิดจนถึงต้นเดือนกันยายน และนี่คือ 4 หน้าเป้าที่ได้รับการจับตามองเป็นพิเศษ พร้อมเหตุผลว่าทำไมพวกเขาเหล่านี้ถึงได้รับความสนใจจากหลายสโมสร 

1. วิคเตอร์ โอซีเมน

ต้องยอกมรับว่า วิคเตอร์ โอซีเมน เป็นกองหน้าที่ได้รับการจับตามองจากหลายสโมสรชั้นนำ แต่จนหลายจนรอดเขาก็ยังไม่ได้ย้ายไปเล่นกับทีมใหญ่จนกระทั่งในเวลานี้ !!

สถานการณ์ของนักเตะค่อนข้างแปลก เพราะเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว โอซีเมน คือหนึ่งในกองหน้าที่เนื้อหอมที่สุดของยุโรป แต่การย้ายไปเล่นในลีกซาอุดีอาระเบีย และเชลซีกลับล่มเหลวไม่เป็นท่า 

ขณะที่ทางฝั่ง นาโปลี นั้น นักเตะก็ไม่มีที่ว่างในทีมอีกต่อไป เนื่องจาก อันโตนิโอ คอนเต้ เทรนเนอร์จอมแข็งกร้าว ตัดสินใจคว้าตัว โรเมลู ลูกากู กองหน้าคู่บุญ มาแทนที่ สตาร์ดาวยิงชาวไนจีเรีย เรียบร้อยแล้ว

ส่วนในรายของ กาลาตาซาราย ที่สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการดึงตัวนักเตะมาร่วมทัพแบบยืมตัว และเขาก็ตอบแทนได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการซัดไป 26 ประตูจาก 30 นัดในลีก พาทีมคว้าแชมป์ซูเปอร์ลีก ตุรกี ด้วยการทิ้งห่าง เฟเนร์บาห์เช่ ถึง 11 คะแนน

อย่างไรก็ตาม การย้ายไปค้าแข้งในลีกแดนไก่งวงแบบถาวรคงไม่น่าเกิดขึ้น เพราะแม้ว่าค่าตัวของ โอซีเมน จะต่ำกว่าค่าฉีกสัญญาจำนวน 130 ล้านยูโร (ราว 5,070 ล้านบาท) แต่ค่าเหนื่อยของเขาค่อนข้างสูงเกินกว่าที่สโมสรจะจ่ายไหว

แล้วทีมไหนที่จะได้นักเตะชั้นดีแบบนี้ไปร่วมทัพล่ะ ?

ต้องยอมรับว่า โอซีเมน เป็นกองหน้าที่ครบเครื่องอย่างแท้จริง เขามีทั้งความรวดเร็ว และกะจังหวะการวิ่งแซงคู่แข่งได้ดี นอกจากนี้ยังครองบอลได้เหนียวแน่น ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้ดี เล่นแบบไม่มีอาการเหนื่อยล้า และดุดันในการไล่กดดันแนวรับ ที่สำคัญก็คือเป็นจอมถล่มประตูทั้งการยิงด้วยเท้าและลูกโหม่ง 

ตลอด 4 ฤดูกาลกับ นาโปลี นั้น โอซีเมน แสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมออย่างโดดเด่น โดยมีค่าเฉลี่ยการยิงประตูอย่างน้อย 0.54 ลูก (ไม่รวมจุดโทษ) ต่อการเล่น 90 นาทีในทุกซีซั่น ขณะเดียวกันยังมีค่าความเป็นไปได้สำหรับโอกาสในการยิงประตู หรือค่า "xG" (ไม่รวมจุดโทษ) อยู่ที่ 0.48 ต่อ 90 นาที (ในซีซั่น 2021/2022)  กระนั้นในฤดูกาล 2022-2023 ค่า xG พุ่งสูงขึ้นเป็น 0.66 ต่อ 90 นาที 

โดยรวมแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า โอซีเมน เป็นกองหน้าที่สร้างความอันตรายได้อย่างสม่ำเสมอ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้สโมสรชั้นนำอยากได้ตัวเขาไปร่วมทัพ 

2. อูโก้ เอกิติเก้ 

เส้นทางอาชีพของ อูโก้ เอกิติเก้ แม้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นแต่ก็ได้ผ่านอะไรเยอะแยะมากมาย โดยนักเตะโด่งดังจากการเป็นแข้งดาวรุ่งสมัยเล่นให้กับ แร็งส์ ตามด้วยการย้ายไปร่วมทัพ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ด้วยค่าตัวมหาศาล

สำหรับการเล่นให้ "เปแอสเช" นักเตะต้องพบกับช่วงเวลายากลำบากเนื่องจากตอนนั้นสโมสรเป็นทีมรวมดาวสาวสยามเพราะมีนักเตะระดับโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และ เนย์มาร์ อยู่ในทีม สุดท้ายก็ต้องย้ายไปอยู่กับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ซึ่งทำให้เขากลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง

 แม้จะไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงท่ามกลางแนวรุกระดับโลกช่วงที่เล่นในกรุงปารีสได้ แต่ แฟร้งค์เฟิร์ต ได้มอบความอดทน, พื้นที่ และเวลาเพื่อให้ เอกิติเก้ ได้ค้นพบศักยภาพของตัวเอง 

สุดท้าย "อินทรีแดงดำ" ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า เพราะนักเตะมีบทบาทสำคัญในการพาทีมกลับไปเล่นศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก  ในฤดูกาลหน้า และถ้าสโมสรได้ค่าตัวเขาจำนวน 100 ล้านยูโร (ราว 3,900 ล้านบาท) ก็จะเป็นการสร้างกำไรมหาศาลถึงประมาณ 84 ล้านยูโร (ราว 3,276 ล้านบาท) ภายในเวลาปีเดียวเท่านั้น

การเล่นกับ แฟร้งค์เฟิร์ต นักเตะโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับระบบการเล่นสวนกลับ โดยเขามีอิสระในการเคลื่อนที่ไปได้ทั่วบริเวณแนวรุก สิ่งนี้ช่วยให้นักเตะได้แสดงศักยภาพทางเทคนิค และลีลาการเล่นที่แพรวพราวออกมาอย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งสำคัญของเจ้าตัวอย่างแท้จริง 

แม้จะมีรูปร่างสูงโปร่ง และการครองบอลที่ค่อนข้างนุ่มนวล แต่ เอกิติเก้ เป็นผู้เล่นที่มีสปีดต้นที่รวดเร็วเกินคาด ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาเข้ากับสไตล์การเล่นของ แฟร้งค์เฟิร์ต ได้อย่างลงตัว 

กระนั้นสิ่งที่น่ากังขาในตัวของ เอกิติเก้ ก็คือเขาเป็นจอมจบสกอร์ที่ดีแค่ไหน โดยเฉพาะการเลือกยิงประตูซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์และกูรูลูกหนังวิจารณ์เป็นประจำ โดยสถิติการยิงประตูของนักเตะต่ำกว่าค่า xG ถึง 3.9 จากการแข่งขันในทุกรายการเมื่อซีซั่น 2024/2025 ถือว่าแย่ที่สุดในบรรดาแข้งบุนเดสลีกาทั้งหมดในฤดูกาลดังกล่าว 

ถึงไม่ใช่กองหน้าที่สมบูรณ์แบบแต่ เอกิติเก้ ก็ซัดไป 22 ประตู และค่า xG ที่สูงของเขาก็บ่งชี้ให้เห็นถึงพรสวรรค์ในการหาพื้นที่อันตรายได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้เจ้าตัวยังโดดเด่นในเรื่องการสร้างโอกาสด้วย 

สตาร์ชาวฝรั่งเศส เป็นหนึ่งใน 5 หน้าเป้าที่มีค่าเฉลี่ยในการยิงประตูอย่างน้อย 0.2  (ไม่รวมจุดโทษ) ค่า xG (0.67) และ แอสซิสต์ที่คาดหวังได้ 0.2 ต่อเกมในบุนเดสลีกา พร้อมกับทำได้ 8 แอสซิสต์ตลอดทั้งซีซั่น 

แม้ว่า เอกิติเก้ ยังไม่ใช้หน้าเป้าที่สมบูรณ์แบบ แต่ผลงานของเขาเป็นการแสดงให้เห็นว่านี่คือกองหน้าที่น่าตื่นเต้นเช่นกัน 

3. วิคตอร์ โยเคเรส

แม้จะไม่ได้เล่นกับสโมสรหนึ่งในห้าลีกชั้นนำของยุโรปก็ตาม แต่ วิคตอร์ โยเคเรส ถือเป็นกองหน้าที่ได้รับการกล่าวขวัญอย่างมากตลอดช่วงระยะเวลาประมาณ 12 เดือนที่ผ่านมา

หลายคนอาจลืมไปว่า โยเคเรส เคยเล่นในระดับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ กับ โคเวนทรี ซิตี้ มาแล้วเมื่อฤดูกาล 2022/2023 และไม่มีสโมสรในพรีเมียร์ลีกแสดงความเชื่อมั่นที่จะดึงตัวเขามาร่วมทีม สุดท้ายก็เป็น สปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่มองเห็นศักยภาพของเขา

การตัดสินใจควักกระเป๋า 20 ล้านปอนด์ (ราว 880 ล้านบาท) กลายเป็นดีลที่คุณค่าที่สุดของ สปอร์ติ้ง และถ้าหากสโมสรตัดสินใจขายเขาในช่วงซัมเมอร์นี้ มีความเป็นไปได้สุงที่ค่าตัวจะพุ่งปรี๊ดกว่า 4 เท่า และมีหลายทีมที่สนใจ อาทิเช่น อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมีโอกาสที่จะได้ตัวเขาไปใช้บริการ 

กองหน้าทีมชาติสวีเดนรายนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในโปรตุเกส เขามีบทบาทสำคัญในการนำ สปอร์ติ้ง ลิสบอน คว้าแชมป์พรีเมร่า ลีกา 2 สมัยติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1954 

โยเคเรส ตะบันไป 68 ประตูจากการเล่นทุกรายการตลอดช่วง 2 ซีซั่นที่ผ่านมา โดยไม่มีนักเตะคนไหนที่ทำประตูได้มากกว่า 22 ประตูในลีกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2023/2024 

สำหรับฤดูกาลล่าสุด นักเตะคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดด้วยการซัดไป 39 ประตูในลีก ซึ่งมากกว่านักเตะคนอื่นถึงสองเท่า แม้จำนวนประตูเหล่านั้นมีการยิงจุดโทษ 12 ลูก ส่วนจำนวนประตูจากการเล่นโอเพ่นเพลย์มีถึง 27 ลูก เหนือกว่า วานเจลิส พาฟลิดิส (16 ลูก) อันดับ 2 ถึง 11 ประตู

กระนั้นสิ่งที่ทำให้ โยเคเรส เป็นที่สนใจอย่างมากไม่ใช่แค่เรื่องการทำประตูเท่านั้น แต่บทบาทในสนามของเขาที่มอบให้กับทีม โดยนักเตะเป็นผู้เล่นกองหน้าประเภทที่เล่นได้ครบเครื่อง และกล้าท้าทายแนวรับคู่แข่งตลอดเวลา 

โยเคเรส มีสถิติการเลี้ยงบอลมากสุดเป็นอันดับ 3 (130)  ในลีกสูงสุดแดนฝอยทอง เมื่อซีซั่น 2024/2025 เป็นรองแค่ อัลบาโร่ การ์เรราส (132) และ นิโกล่าส์ โอตาเมนดี้ (131) ซึ่งการเป็นกองหลังย่อมมีพื้นที่ว่างมากกว่าจึงทำให้ทำผลงานในจุดนี้ได้ดีกว่า 

ขณะเดียวกัน โยเคเรส ยังพาบอลขึ้นหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยจำนวน 128 ครั้งในการเลี้ยงบอลขึ้นหน้าอย่างน้อย 10 เมตร ซึ่งก็มีเพียง การ์เรเรส และ โอตาเมนดี้ เท่านั้นที่เหนือกว่า

สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างโอกาสให้กับตัวเอง โดยนักเตะเลี้ยงบอลจนไปจบด้วยการยิงประตูถึง 50 ครั้งมากกว่าผู้เล่นคนอื่นในลีกถึง 15 ครั้งเมื่อซีซั่นล่าสุด 

นอกจากนี้ โยเคเรส ยังมีบทบาทอีกหลายด้าน รวมทั้งคุณภาพในการสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีม โดยที่เห็นได้อย่างเด่นชัดนั่นก็คือการทำแอสซิสต์จากการเล่นโอเพ่นเพลย์มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในลีกด้วยจำนวน 60 ครั้ง 

4.  เบนจามิน เซสโก้

กองหน้าที่มีข่าวกับหลายทีมอีกรายนั่นก็คือ เบนจามิน เซสโก้ หลังนักเตะได้รับการจับตามองจากสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป ที่หวังจะดึงตัวไปไล่ล่าตาข่ายคู่แข่งในช่วงซัมเมอร์นี้

เซสโก้ สร้างชื่อจากการเล่นให้ เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ในออสเตรีย และจากนั้นก็สร้างชื่อกับการเล่นให้ แอร์เบ ไลป์ซิก ในลีกชั้นนำอย่างบุนเดสลีกา แม้จำนวนประตูจะไม่ได้โดดเด่นจนถึงขั้นตาลุกวาว  แต่ก็ไม่ธรรมดาเมื่อซัดไป 27 ประตูในลีกตลอด 2 ฤดูกาล

หัวหอกทีมชาติสโลวีเนีย ซัดไป 13 ประตูกับการเล่นให้ ไลป์ซิก ในลีกเมื่อซีซั่น 2024/2025 ถือเป็นผลงานต่ำกว่ามาตรฐานเมื่อจบอันดับที่ 7 ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นบุนเดสลีกาเมื่อปี 2016 แต่ เซสโก้ ยังคงแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่น่าตื่นตาตื่นใจ 

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดเกี่ยวกับ เซสโก้ คือการเล่นที่ครบเครื่องทั้งๆ ที่อายุแค่ 22 ปีเท่านั้น ด้วยความสูงเกือบ 2 เมตร รูปร่างสูงใหญ่ แต่นี่คือหนึ่งในกองหน้าที่เร็วที่สุดในบุนเดสลีกา ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าตัวยังเล่นได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการยืนติดกับกองหลังตัวสุดท้ายคู่แข่ง หรือการลงไปยืนต่ำเพื่อเชื่อเกมเพราะเขาเป็นนักเตะที่มีเทคนิคดีเยี่ยม

แน่นอนว่าคุณภาพอันหลากหลายของ เซสโก้ จึงสะท้อนให้เห็นจากรูปแบบการทำประตูที่หลากหลายเช่นกัน

 ในบรรดานักเตะ 12 รายที่ทำได้ 12 ประตูขึ้นไปในลีกสูงสุดเมืองเบียร์เมื่อซีซั่น 2024/2025 มีเพียง ไมเคิ่ล โอลิเซ่ จากบาเยิร์น มิวนิค เท่านั้น ที่ยิงประตูจากในกรอบเขตโทษคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า (66.7 เปอร์เซนต์) เซสโก้ (76.9 เปอร์เซนต์) ซึ่งนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจในการยิงไกล และคุณภาพในการจบสกอร์ของนักเตะ

นอกจากนี้ เซสโก้ ได้เปรียบในเรื่องความสูง ทำให้เขาทำผลงานได้โดดเด่นในการเล่นลูกกลางอากาศ โดยบรรดากองหน้า 25 รายต้องดวลลูกโด่งอย่างน้อย 60 ครั้ง ในบุนเดสลีกา ฤดูกาลล่าสุด และ เซสโก้ มีอัตราชนะสูงที่สุด (57.4 เปอร์เซนต์) ซึ่งยิ่งน่าประทับใจมากเข้าไปอีกเมื่อพิจารณาจากการที่เขาต้องขึ้นปะทะมากถึง 122 ครั้ง 

ส่วนค่า xG ไม่รวมจุดโทษของ เซสโก้ อยู่ที่ 0.31 ต่อการลงเล่น 90 นาทีในซีซั่นล่าสุด โดยเป็นการบ่งบอกว่าเขาต้องพัฒนาในเรื่องการหาตำแหน่งจบสกอร์ เพราะตัวเลขดังกล่าวทำให้เขารั้งอยู่อันดับ 25 จากกองหน้าทั้งหมดที่ลงเล่น 1,000 นาทีขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม ในบรรดา กองหน้าที่อายุ 22 ปีทั่วโลก แทบไม่มีใครที่ครบเครื่องมากไปกว่า เซสโก้ อีกแล้ว ด้วยเหตุนี้ทำให้ค่าตัวของเขาอาจสูงลิ่ว แต่ในขณะเดียวกันศักยภาพของนักเตะก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ

TOMMY TEE.



ที่มาของภาพ : Reuters
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport