แม้ทุ่มเงินกว่า 6,600 ล้านบาท คว้า เวียร์ตซ์ กับ ฟริมปง ร่วมทีม แต่ ลิเวอร์พูล ยังเดินหน้าเสริมทัพได้อย่างมั่นใจแบบไม่ผิดกฎ PSR หรือ กฎกำไรและความยั่งยืน เพราะมีแผนบริหารงบแบบมืออาชีพ ทั้งการเฉลี่ยจ่ายค่าตัว–ปล่อยนักเตะทำกำไร–ใช้จ่ายอย่างสมดุลหลังแทบไม่ลงทุนปีก่อน
ตลาดซัมเมอร์นี้ "หงส์แดง" ขยับตัวเสริมทัพอย่างรวดเร็ว โดย อาร์เน่อ สล็อต กุนซือชาวดัตช์ ต้องการสร้างความแข็งแกร่งให้กับทัพ "หงส์แดง" เพื่อป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และมองหาความสำเร็จมากกว่านั้นในฟุตบอลถ้วยทั้งในเมืองผู้ดี และบนเวทียุโรป
ลิเวอร์พูล ได้ตัว เวียร์ตซ์ และ ฟริมปง มาแล้ว แถมกำลังจะได้ มิลอส เคอร์เคซ แบ็กซ้ายจาก บอร์นมัธ ซึ่งคาดว่าค่าตัวน่าจะประมาณ 40 ล้านปอนด์ (ราว 1,760 ล้านบาท) เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 20 สมัย ยังไม่หยุดจับจ่ายใช้สอย ทั้งๆ ที่กำลังจะใช้งบเกือบ 200 ล้านปอนด์ (ราว 8,800 ล้านบาท)
เหตุผลที่ทำให้ "เดอะ เร้ดส์" สามารถทุ่มเงินสร้างทีมได้ขนาดนี้เพราะพวกเขาแทบไม่ได้ใช้เงินเลยในช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้วซึ่งนั่นถือว่าช่วยได้มาก
ยิ่งในยุคที่มีกฎ "กำไรและความยั่งยืน" หรือ PSR (Profit and Sustainability Rules) และการตัดจำหน่ายค่าใช้จ่าย (การทยอยตัดค่าใช้จ่ายของสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน) ทำให้ทีมสามารถครอบคลุมต้นทุนเบื้องต้นในการทำธุรกิจกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้การที่ ลิเวอร์พูล สามารถสร้างรายได้จากการขาย เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ควีวิน เคลเลเฮอร์, แนท ฟิลลิปส์ และ จาเรลล์ ควอนซาห์ (หรืออาจจะมีเพิ่มในอนาคต) จำนวน 63.5 ล้านปอนด์ (ราว 2,794 ล้านบาท) ช่วยทำให้งบการเงินของ "เดอะ เร้ดส์" ไม่เสียสมดุลมากนัก
สำหรับบัญชีในปี 2025 จะแสดงตัวเลขแบบเต็มจำนวน ขณะที่ค่าตัวเบื้องต้นของ เวียร์ตซ์ อยู่ที่ 100 ล้านปอนด์ (ราว 4,400 ล้านบาท) ไม่รวมแอดออนที่เกี่ยวพันกับฟอร์มการเล่น (ราว 16 ล้านปอนด์) ซึ่งจะมีการแบ่งจ่ายตลอดระยะเวลา 5 ปีของสัญญานักเตะ เช่นเดียวกับค่าตัวของ ฟริมปง จำนวน 29.5 ล้านปอนด์ (ราว 1,298 ล้านาท) จะถูกเฉลี่ยจ่ายในแบบเดียวกัน ซึ่งวิธีการนี้จะนำมาใช้ในกรณีของ เคอร์เคซ ด้วย
ด้วยวิธีการดังกล่าวทำให้ ลิเวอร์พูล ยังสามารถทุ่มเงินสร้างทีมต่อไปได้
ในกรณีที่ "หงส์แดง" สนใจ มาร์ค เกฮี ต้องบอกว่าอาจจะยากหน่อย เนื่องจาก คริสตัล พาเลซ ไม่ได้มีปัญหาด้านการเงินทำให้ไม่กดดันเรื่องการขาย ปราการหลังทีมชาติอังกฤษรายนี้
อย่างไรก็ตาม "ดิ อีเกิ้ลส์" ก็อาจเสี่ยงเสีย เกฮี ไปแบบฟรีๆ ในช่วงซัมเมอร์หน้า เนื่องจากนักเตะไม่ต้องการขยายสัญญาใหม่กับสโมสร และนั่นทำให้ทีมอาจต้องคิดเรื่องการขายเจ้าตัวในช่วงซัมเมอร์นี้หรือตลาดพ่อค้าแข้ง รอบ 2 เดือนมกราคม โดยตัวเลขน่าจะอยู่ประมาณ 50 ล้านปอนด์ (ราว 2,200 ล้านบาท)
มีขาเข้าก็ต้องมีขาออกเพื่อความสมดุลของงบการเงิน โดยนอกเหนือจากนักเตะที่ย้ายออกไปแล้ว ลิเวอร์พูล ยังมีผู้เล่นอีกหลายคนที่เตรียมโดนปล่อยตัว ที่เห็นได้ชัดก็คือ ดาร์วิน นูนเญซ ซึ่งผลงานไม่เข้าตาหลังอยู่กับทีมมา 2 ซีซั่น โดย แอตเลติโก มาดริด กับ นาโปลี แสดงความสนใจอยากได้ตัว
สำหรับ แอต.มาดริด ให้ความสนใจ สตาร์ทีมชาติอุรุกวัยอย่างมาก แต่พวกเขามี ฮูเลียน อัลวาเรซ อยู่แล้ว และการตกลงคว้าตัว นูนเญซ อาจเกินขีดความสามารถทางการเงินของ "ตราหมี" กระนั้นถ้าพวกเขาใช้วิธียื่นเงินพร้อมแนบ อัลวาเรซ อยู่ในข้อเสนอ งานนี้ "หงส์แดง" อาจให้ความสนใจก็ได้
อีกรายที่มีแววใกล้อำลาถิ่นแอนฟิลด์ก็คือ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เพราะนักเตะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการโอกาสลงสนามมากขึ้น แต่คงยาก ยิ่งตอนนี้ทีมมี เวียร์ตซ์ เข้ามาร่วมทัพ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสอดแทรกเข้ามาอยู่ในทีมตัวจริง
ดังนั้นถ้าหาก ลิเวอร์พูล ได้ตัวเลขค่าตัวที่เหมาะสมทั้งในรายของ นูนเญซ และ เอลเลียตต์ พวกเขาก็พร้อมจำหน่ายออกไปทันที เพื่อเตรียมงบสำหรับการเสริมทัพในตำแหน่งที่ โค้ชอาร์เน่อ ต้องการ
ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม "หงส์แดง" ยังคงอยู่ในสถานะที่มั่นคงในเรื่องกฎ PSR ซึ่งต้องขอบคุณการขายนักเตะออกไป และการดำเนินธุรกิจอย่างชาญฉลาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
การที่ ลิเวอร์พูล ใช้ประโยชน์จากโมเดลที่เน้นการพึ่งพาตัวเอง, การขายนักเตะอย่างชาญฉลาด และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการที่แทบไม่เสริมทัพเมื่อซีซั่นล่าสุด แต่ก็ยังสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างยิ่งใหญ่
TOMMY TEE.