อูโก้ เอกิติเก้ ดาวยิงดีกรีฉายา “The iron rod” ของแฟร้งค์เฟิร์ต กำลังถูกทีมยักษ์ใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล, แมนยู และอาร์เซน่อลจับตา หลังตะบัน 22 ประตูในซีซั่นเดียว เราขอพาไปเจาะลึก 5 จุดเด่น-จุดด้อย ทำไมเขาอาจคุ้มค่าทุกเพนนี แม้เคยถูกเปแอสเชดอง
หนึ่งในกองหน้าที่ได้ชื่อว่าน่าจับตามองอย่างมากนั่นก็คือ อูโก้ เอกิติเก้ ดาวยิงชาวฝรั่งเศสของไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ซึ่งกำลังเป็นที่หมายปองของหลายทีมในอังกฤษ
เอกิติเก้ ซึ่งมีค่าตัว 85 ล้านปอนด์ (ราว 3,740 ล้านบาท) แสดงผลงานได้อย่างร้อนแรงกับ แฟร้งค์เฟิร์ต และทำให้เขาได้รับความสนใจจากสโมสรชั้นนำในพรีเมียร์ลีก ได้แก่ ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี
ด้วยการที่สมัยนี้กองหน้าหลายเลข 9 พันธุ์แท้มีค่อนข้างน้อย ทำให้ ดาวเตะวัย 23 ปี จึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจพอๆ กับดาวยิงอย่าง เบนจามิน เซสโก้ และ วิคตอร์ โยเคเรส
ก่อนหน้านี้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เคยหน้าตาหมอไม่รับเย็บมาแล้ว 2 ครั้งเมื่อโดน เอกิติเก้ ปฏิเสธพวกเขา 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเกิดขึ้นช่วงตลาดพ่อค้าแข้งรอบ 2 เดือนมกราคม 2022 และอีกครั้งในอีก 7 เดือนถัดมา
ตอนนั้น ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ เลือกย้ายไปอยู่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้น "เปแอสเช" เป็นแหล่งอุดมไปด้วยซูเปอร์สตาร์ได้แก่ ลิโอเนล เมสซี่, เนย์มาร์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สุดท้ายโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ แฟร้งค์เฟิร์ต เมื่อเดือนมกราคม 2024 ก่อนจะย้ายถาวรในช่วงซัมเมอร์ปีเดียวกัน
ช่วงเวลาที่น่าผิดหวังผ่านไปแล้ว และตอนนี้ เอกิติเก้ กลับมาตกเป็นเป้าสนใจอีกครั้ง หลังฟอร์มอันร้อนแรงกับทัพ "อินทรีแดงดำ" ซึ่งตะบันไป 22 ประตูจากการเล่นทุกรายการเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา
แล้วทำไม ดาวเตะเจ้าของฉายา "The iron rod" ซึ่ง ลิโอเนล เมสซี่ ตั้งให้ถึงเนื้อหอม และเหมาะอย่างยิ่งที่ทีมดังในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีควรซื้อตัวไปร่วมทัพ ในช่วงซัมเมอร์นี้
1. เขาเก่งจริงไหม ?
คำตอบง่ายๆ ก็คือ เก่งจริง เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เอกิติเก้ ตะบันไป 15 ประตูกับ 8 แอสซิสต์ในศึกบุนเดสลีกา จากการเล่น 33 เกมใน 34 แมตช์
นอกจากนี้ยังมีการกระซวกตาข่ายอีก 7 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ในการแข่งขันฟุตบอลถ้วย รวมทั้งการแข่งขันยูฟ่า ยูโรปา ลีก ที่นี่ทุกคนคงรู้แล้วว่าทำไมบรรดาทีมในพรีเมียร์ลีกถึงเฝ้าจับตานักเตะรายนี้อย่างใกล้ชิด
สิ่งที่ทำให้แฟนบอลแฟร้งค์เฟิร์ตประทับใจมากๆ ก็คือนักเตะสามารถปรับตัวกับการเล่นได้สบายๆ หลังทีมปล่อย โอมาร์ มาร์มุช คู่หูแดนหน้าไปให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อช่วงตลาดพ่อค้าแข้งรอบ 2 เดือนมกราคมที่ผ่านมา
ทั้งสองคนประสานงานกันได้อย่างสุดยอด แต่หลังจากที่ มาร์มุช ย้ายไปเป็นสมาชิกใหม่ทัพ "เรือใบสีฟ้า" ทำให้ ดิโน่ ท็อพพ์โมลเลอร์ กุนซือแฟร้งค์เฟิร์ต เปลี่ยนแท็กติก และจับ เอกิติเก้ ยืนหน้าเป้าคนเดียว
การต้องแบกรับหน้าที่หนักเพียงคนเดียวไม่ได้ทำให้ ดาวยิงวัยหนุ่ม เสียสมาธิ โดยเขายิง 3 ประตูจาก 2 เกมแรกหลัง มาร์มูช อำลาทีม และยังรักษาสถิติได้ดีจนกระทั่งจบซีซั่น
2. จุดแข็งของเขาคืออะไร ?
การเลี้ยงบอลอาจเป็นจุดแข็งหลักของเขา เอกิติเก้ เพราะเขามีเท้าที่ว่องไว และมีความสามารถในการหลอกล่อเพื่อเลี้ยงบอลผ่านแนวรับในพื้นที่แคบโดยที่ลูกบอลติดเท้าของเขา
เอกิติเก้ ถนัดขวา ซึ่งมีทักษะที่ยอดเยี่ยมและมีความเร็วที่รวดเร็ว ด้วยความสูง 6 ฟุต 3 นิ้ว หรือ 190 เซนติเมตร หลายคนอาจคิดว่าเขาดูเก้งก้างแต่จริงๆ แล้วนักเตะเต็มไปด้วยความสมดุลอย่างน่าเหลือเชื่อ
นักเตะยังมีความหลากหลายในการเล่น โดย เอกิติเก้ สามารถยืนในตำแหน่งหน้าเป้า, กองหน้าตัวต่ำ หรือถ่างออกไปเล่นแนวรุกริมเส้นก็ได้
นอกจากนี้นักเตะยังชอบขยับลงมาต่ำเพื่อคอยเชื่อมเกม และมีความสามารถในการวิ่งตามช่องหรือเลี้ยงบอลตัดเข้ามาจากทางปีกซ้ายก่อนตะบันประตู ซึ่งทั้งหมดนี้คือความพิเศษของเจ้าตัว
เอกิติเก้ มักจะทำได้ดีในการวิ่งเพรสซิ่ง และแย่งบอลกลับคืนได้เร็ว โดยศักยภาพเหล่านี้ทำให้มีการนำไปเปรียบเทียบกับ เธียร์รี่ อองรี แม้ความจริงแล้ว อเล็กซานเดอร์ อิซัค น่าจะเหมาะสมมากกว่า
3. แล้วจุดอ่อนของเขาล่ะ ?
เจ้าตัวยังขาดประสบการณ์อยู่มากและความนิ่ง แม้ฟอร์มจะโดดเด่นเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ดังนั้นนี่คือจุดที่ เอกิติเก้ จำเป็นต้องพัฒนาให้ดีขึ้น
สตาร์ดาวโรจน์ชาวฝรั่งเศส ยังขาดความนิ่งในพื้นที่สุดท้าย โดยซีซั่นที่ผ่านมานักเตะมีโอกาสยิงมากกว่าผู้เล่นคนอื่นในบุนเดลสีกา (117 ครั้ง) แต่กลับทำประตูได้เพียงแค่ 13 เปอร์เซนต์เท่านั้น
ลองเปรียบเทียบกับ 23 เปอร์เซ็นต์ที่ แฮร์รี่ เคน ทำได้จากการยิง 114 ครั้ง แค่นี้ทุกคนคงคงนึกภาพออกว่ามันเป็นความสิ้นเปลืองมากแค่ไหน อย่างไรก็ตามทั้งหมดมันเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจพอๆ กับความแม่นยำ
เอกิติเก้ ชอบยิงประตูจากระยะไกล โดย 24 เปอร์เซ็นต์ของความพยายามของเขานั้นมาจากนอกกรอบเขตโทษ ซึ่งมีโอกาสน้อยที่จะผ่านมือผู้รักษาประตูไปได้ นักเตะอาจดูแข็งแกร่งกว่าที่เห็น แต่ถึงกระนั้นบางครั้งเจ้าตัวก็มักถูกกระแทกจนหลุดจากการครอบครองบอลง่ายเกินไป
อีกจุดที่ต้องไตร่ตรองให้ดีนั่นก็คือการยิงจุดโทษ และอย่ารีบเร่งให้ เอกิติเก้ รับหน้าที่ดังกล่าว เพราะเจ้าตัวพลาดไปสองครั้งในเวลาเพียง 1 เดือนจากการเล่นให้ แฟร้งค์เฟิร์ต เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา
4. สามารถเล่นในพรีเมียร์ลีกได้ไหม ?
บ่อยครั้งนักเตะที่ย้ายมาจากบุนเดสลีกามักเจอกับปัญหาในช่วงแรกเนื่องจากในพรีเมียร์ลีกเน้นความแข็งแกร่งของร่างกาย ลองดู ไค ฮาแวร์ตซ์, ติโม แวร์เนอร์ และ เลออน เบลี่ย์ เป็นตัวอย่างได้เลย
มาร์มูช อาจจะฟอร์มฝืดในช่วงไม่กี่สัปดาห์แต่หลังจากนั้นก็สามารถปรับตัวแต่ก็ยังไม่โดดเด่น ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกถ้า ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ กองกลางพรสวรรค์สูงจะไม่สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในช่วงแรกๆ
สำหรับ เอกิติเก้ บางทีเขาอาจจะต้องใช้ความอดทนอีกซักหน่อย เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมานักเตะยิงประตูได้เป็นเลข 2 หลัก (15 ประตู) ในลีกเพียงแค่ซีซั่นเดียวเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้เขายิงได้ 10 ประตูจากการเล่นให้ สต๊าด เดอ แร็งส์ ทีมในลีกบ้านเกิด เมื่อซีซั่น 2021/2022
ช่วงเวลาที่ค้าแข้งกับ แซงต์-แชร์กแมง นักเตะทำได้แค่ 3 ประตูในลีก เอิง จากการลงสนาม 33 แมตช์ และลงเล่นเป็นตัวสำรองถึง 19 เกม นั่นเป็นการบ่งบอกว่า เอกิติเก้
อย่างไรก็ตาม นักเตะแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับคู่แข่งระดับสูงได้ โดยยิงประตูได้ในการเจอกับบาเยิร์น มิวนิค, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และ แอร์เบ ไลป์ซิก เมื่อฤดูกาล 2024/2025
นอกจากนี้ เอกิติเก้ ยังเคยกระชากหนี เปโดร ปอร์โร่ ก่อนจะยิงประตูจากระยะ 20 หลาในแมตช์ที่ปะทะ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก
ขณะที่ไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น เอกิติเก้ ตะบันไปแฮตทริกใส่ทีมชาติอังกฤษ รุ่นยู 21 ซึ่งทัพ "สิงโตคำรามจูเนียร์" มีกองหลังอย่าง ริโก ลูอิส และ เทย์เลอร์ ฮาร์ดวู้ด-เบลลิส ด้วย
5. คุณค่ากับเม็ดเงินที่ลงทุนไหม ?
ด้วยค่าตัวสูงถึง 85 ล้านปอนด์ (ราว 3,740 ล้านบาท) ถือเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงมาก และสโมสรในพรีเมียร์ลีกควรระวังอาถรรพ์จาก แฟร้งค์เฟิร์ต ให้ดี เพราะมันเคยเกิดขึ้นหลายครั้งก่อนหน้านี้
"อินทรีแดงดำ" มีไหวพริบชั้นยอดในการขายกองหน้าเพื่อทำกำไรมหาศาล แต่ดาวยิงเหล่านั้นกลับต้องดิ้นรนกับการสร้างผลงานให้ต้นสังกัดใหม่ เพราะส่วนใหญ่พวกเขาโชว์ฟอร์มไม่ออกจริงๆ
ลูก้า โยวิช (เรอัล มาดริด 52 ล้านปอนด์), เซบาสเตียง อัลแลร์ (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 42 ล้านปอนด์), ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ (เปแอสเช 77 ล้านปอนด์) และ อันเดร ซิลวา (แอร์เบ ไลป์ซิก 20 ล้านปอนด์) ต่างล้มเหลวไม่เป็นท่าในการย้ายทีม
สำหรับ มาร์มูช ถือว่าทำลายอาถรรพ์จากผลงานกับ แมนซิตี้ แม้อาจจะยังไม่เป็นไปตามที่คาดหวังแต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จสำหรับการเล่นเพียงแค่ไม่กี่เดือนกับ "เรือใบสีฟ้า"
สำหรับ เอกิติเก้ น่าจะมีศักยภาพเหนือกว่า โยเคเรส หากมองเรื่องค่าตัวของทั้งสองคน แต่ถ้าเทียบกับ เซสโก้ ต้องบอกว่าโดดเด่นไม่แพ้กัน เพียงแต่ สตาร์ชาวฝรั่งเศส ค่อนข้างมีความหลากหลายในการเล่นมากกว่า แต่อาจจะเฉียบคมน้อยกว่าเท่านั้น
TOMMY TEE.