เบื้องหลัง ลิเวอร์พูล คว้าตัว ฟลอเรียน เวียร์ตซ์

เบื้องหลัง ลิเวอร์พูล คว้าตัว ฟลอเรียน เวียร์ตซ์
100 ล้านปอนด์ พร้อมโบนัสตามผลงานอีก 16 ล้านปอนด์ คือจำนวนเงินที่ ลิเวอร์พูล ยอมทุ่มเพื่อคว้าตัว ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ มาจาก ไบเออร์ เลเวอร์คู่เซ่น

การเจรจาเกิดขึ้นครั้งแรกตอนเดือนมีนาคม ตอนที่ ลิเวอร์พูล ได้ขออนุญาต เลเวอร์คูเซ่นเพื่อพูดคุยกับนักเตะเป็นครั้งแรก

แต่ถ้าย้อนไปไกลกว่านั้นความสัมพันธ์ระหว่างนักเตะกับสโมสรมันเกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว

จุดเริ่มต้นขึ้นคือ หลังเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านถล่ม เลเวอร์คูเซ่น 4-0 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 

เวียร์ตซ์ ได้มีโอกาสเยี่ยมชมสนามซ้อมเคิร์กบี้ จากที่ ชาบี อลอนโซ่ ยื่นขอ ลิเวอร์พูล เพื่อใช้ที่นี่เป็นที่วอร์มดาวน์ในวันรุ่งขึ้น

การเยือนครั้งนั้นได้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้แก่ เวียร์ตซ์ และกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมเต็งในการคว้าลายเซ็นของเขา

...

เวียร์ตซ์ และครอบครัวให้ความสำคัญกับโปรเจกต์กีฬามากกว่าผลตอบแทนทางการเงินมาตลอดชีวิตค้าแข้ง 

เขาเคยเลือก เลเวอร์คูเซ่น ตอนปี 2020 ด้วยเหตุผลเช่นเดียวกัน เพราะชื่นชอบสไตล์เกมรุกของ ปีเตอร์ บอสซ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกของสโมสร

สำหรับการย้ายทีมครั้งนี้ เวียร์ตซ์ ตัดสินใจเลือก ลิเวอร์พูล เพราะเชื่อมั่นว่าเป็นทีมที่มีศักยภาพเพียงพอในการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในอนาคตอันใกล้ อีกทั้งยังอยากลองความท้าทายใหม่บนเวที พรีเมียร์ลีก

เฮดโค้ชอาร์เน่อ เป็นปัจจัยสำคัญในการโน้มน้าวใจ เวียร์ตซ์ เขาได้พูดคุยแบบตรงไปตรงมากับดาวเตะวัย 22 ปีว่า เขาจะถูกวางให้เป็นศูนย์กลางในแผนการทำทีม โดยเฉพาะในตำแหน่งหมายเลข 10

"เราคุยกันตั้งแต่ต้น เขาแสดงให้ผมเห็นว่าทีมจะเล่นยังไง และเขามองว่าผมเหมาะกับแนวทางของเขาแค่ไหน"

"เขาอยากให้ผมมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้เพื่อก้าวไปอีกระดับ ซึ่งมันทำให้ผมยิ่งมั่นใจว่าผมอยู่ถูกที่แล้ว และผมพร้อมพิสูจน์ตัวเองทุกสัปดาห์"

คำพูดของ เวียร์ตซ์ ในวันเปิดตัวกับ ลิเวอร์พูล ที่เอ่ยถึงเจ้านายคนใหม่

ความชัดเจนของบทบาทในทีมใหม่นี้ แตกต่างจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนของ บาเยิร์น มิวนิค ที่เขาอาจต้องแชร์บทบาทกับ จามาล มูเซียล่า ซึ่งตัวเองไม่ต้องการ

แม้จะได้รับความสนใจจากบรรดาทีมยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, บาเยิร์น มิวนิค และ เรอัล มาดริด แต่ เวียร์ตซ์ ได้ปฏิเสธข้อเสนอเหล่านั้นไป โดยเฉพาะ บาเยิร์น ที่รู้ดีว่าเจ้าตัวไม่ต้องการย้ายไป มิวนิค ขณะที่ มาดริด ก็ทราบว่าเขาไม่สนใจจะไปค้าแข้งในสเปน แม้จะได้รับคำชื่นชมจาก อลอนโซ่ ก็ตาม

การที่ เจเรมี ฟริมปง เพื่อนสนิทตัดสินใจย้ายมา ลิเวอร์พูล ก่อนหน้านี้ ถือเป็นแรงสนับสนุนทางจิตใจที่สำคัญ เพราะจะช่วยให้เขาปรับตัวเข้ากับชีวิตในเมอร์ซีย์ไซด์ได้ง่ายขึ้น

"ผมตัดสินใจด้วยตัวเองนะครับ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขามีส่วนเล็ก ๆ ในการช่วยผลักดันผมให้มาที่นี่" เวียร์ตซ์ ยอมรับ

ริชาร์ด ฮิวจ์ส ผู้อำนวยการกีฬา ลิเวอร์พูล คือผู้นำในการเจรจา เขาได้อธิบายแผนการของทีมให้ เวียร์ตซ์ และครอบครัวฟังอย่างละเอียด โดยต้องทำให้ดีลนี้เกิดขึ้นภายใต้กรอบงบประมาณของ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (เอฟเอสจี) เจ้าของทีม

แม้จะถูกวิจารณ์ว่าไม่กล้าจ่ายหนักในตลาดนักเตะ แต่ ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นว่าพร้อมทุ่มเต็มที่ หากนักเตะรายนั้นเหมาะสมกับทีม ตัวอย่างคือดีลของ มอยเสส ไกเซโด้, อลิสซง เบ็คเกอร์ และ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์

เลเวอร์คูเซ่น ตั้งค่าตัวไว้ที่ 150 ล้านยูโร แต่ ลิเวอร์พูล ไม่มีความตั้งใจจะจ่ายในราคานั้น การเจรจาระหว่าง ฮิวจ์ส และ ไซมอน โรลเฟส ผู้อำนวยการกีฬา เลเวอร์คูเซ่น จึงเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนแต่เป็นมิตร

ท้ายที่สุด ทั้งสองฝ่ายตกลงกันที่ 116 ล้านปอนด์ โดยลิเวอร์พูลเคยยื่นข้อเสนอมาแล้วที่ 109 และ 113 ล้านปอนด์ก่อนจะปิดดีล

ในวัยเพียง 22 ปี เวียร์ตซ์ ถือว่ายังเป็นดาวรุ่งที่ยังไม่ถึงจุดพีก เขาเล่นได้ทั้งหมายเลข 10, ริมเส้น และกองหน้าตัวต่ำ ซึ่งตำแหน่งถนัดคือจอมทัพบงการเกม

สองฤดูกาลหลังสุด เขาทำได้ 34 ประตูและ 35 แอสซิสต์ และผ่านการวิเคราะห์เชิงลึกจากทีมดาต้าของ ลิเวอร์พูล มาแล้วเรียบร้อย

เขาคือคำตอบของโจทย์สำคัญที่อาร์เน่อ เคยตั้งไว้ว่า "เราต้องหานักเตะที่เก่งกว่าคนที่เรามีอยู่" และดูเหมือนว่า ลิเวอร์พูล จะหาคนคนนั้นเจอแล้ว

การปิดดีลเวียร์ทซ์ตั้งแต่ต้นซัมเมอร์เป็นสิ่งที่มีค่ามาก เพราะจะช่วยให้ทีมและตัวนักเตะเตรียมตัวสำหรับปรีซีซั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนักเตะ ลิเวอร์พูล จะกลับมารายงานตัววันที่ 7 กรกฎาคม ก่อนเปิดฤดูกาลด้วยเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ช่วง 9-10 สิงหาคม

ลิเวอร์พูล เองแม้จะไม่ได้ใช้จ่ายหนักใน 3 ตลาดที่ผ่านมา แต่การกลับไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก, การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และรายได้เชิงพาณิชย์ที่ทำสถิติใหม่ ช่วยให้ทีมมีสถานะทางการเงินแข็งแกร่งและพร้อมลุย

แม้จะได้ เวียร์ตซ์ มาแล้ว แต่ ลิเวอร์พูล ยังไม่หยุดแค่ตรงนี้ พวกเขามีแผนสำรองไว้แต่แรก เช่น ไรอัน แชร์กี้ จากลียง และยังตกลงดีล มิลอส เคอร์เคซ ที่ราคา 40 ล้านปอนด์ ไว้แล้วเรียบร้อย

หากมีนักเตะบางรายอำลาทีม เช่น จาเรลล์ ควานซาห์ หรือ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ก็มีการเสริมกองหลังและกองหน้าตัวเป้าเพิ่มเติมเช่นกัน

การมาของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ไม่เพียงแต่เป็นดีลประวัติศาสตร์ในเชิงมูลค่า แต่ยังสะท้อนถึง วิสัยทัศน์และแผนการระยะยาวของ ลิเวอร์พูล ที่ต้องการคืนสู่ความยิ่งใหญ่ภายใต้ยุคใหม่ของ อาร์เน่อ

เขาคือนักเตะที่สามารถเปลี่ยนเกม ยกระดับแนวรุก และเป็นศูนย์กลางของทีมในอีกหลายปีข้างหน้า

และบางที ดีลนี้... อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง

HOSSALONSO




ที่มาของภาพ : reuters
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport