วาตารุ เอ็นโด บทบาทเล็กแต่สำคัญ! ปิดทองหลังพระพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2025

วาตารุ เอ็นโด บทบาทเล็กแต่สำคัญ! ปิดทองหลังพระพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2025
วาตารุ เอ็นโด กองกลางตัวรับ ลิเวอร์พูล แม้ลงเล่นน้อยในฤดูกาล 2024/25 แต่มีบทบาทสำคัญทั้งเกมรับและปิดแมตช์ จนกลายเป็นฮีโร่เงาที่ช่วยทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้สำเร็จ

ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล มีกองกลางตัวรับธรรมชาติแค่คนเดียวเท่านั้นก็คือ วาตารุ เอ็นโด ซึ่งแม้จะไม่ค่อยได้ลงสนามเมื่อซีซั่นล่าสุด แต่ดูเหมือนอนาคตของเขาในถิ่นแอนฟิลด์ยังไม่ดับสูญอย่างที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้

เอ็นโด ลงเล่นตัวจริงแค่เกมเดียวในพรีเมียร์ลีกตลอดทั้งซีซั่น 2024/2025 แต่กระนั้นมันก็น่าแปลกเพราะเสียงวิจารณ์ส่วนใหญ่สำหรับผลงานของ สตาร์ทีมชาติญี่ปุ่น ค่อนข้างจะออกมาในเชิงบวก

แม้โอกาสลงสนามจะน้อยนิดแต่กลายเป็นว่า กัปตันทีมชาติญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในผู้เล่นคีย์แมนสำคัญของ ลิเวอร์พูล ที่นำทีมคว้าแชมป์ลีก ทั้งๆ ที่เหลือการแข่งขันอีกตั้ง 4 เกม 

ด้วยบุคลิคที่สุภาพอ่อนน้อม ไม่เคยอิดออดหรือเรียกร้องอะไรมากนัก แต่เมื่อลงสนามพร้อมทุ่มเทสุดตัว เป็นคุณสมบัติที่ทำให้แฟนบอลหงส์แดงชื่นชอมและประทับใจในตัว เอ็นโด ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาเป็นหนึ่งในฮีโร่แห่งถิ่นแอนฟิลด์ 

1. เล่นน้อยแต่สำคัญมาก

เอ็นโด ลงสนามไปทั้งหมด 2,848 นาทีในฤดูกาล 2023/2024 ภายใต้การกุมบังเหียนของ เจอร์เก้น คล็อปป์ รวมทั้งลงเป็นตัวจริง 20 แมตช์ และเล่นในพรีเมียร์ลีก 1,720 นาทีเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามในซีซั่นล่าสุดทุกอย่างลดลงแบบฮวบฮาบ เหลือแค่ 865 นาทีจากการลงสนามในทุกรายการ และได้เล่นแค่ 260 นาทีในเกมลีกภายใต้การกุมบังเหียนของโค้ชอาร์เน่อ สล็อต

ดาวเตะจากแดนอาทิตย์อุทัยลงเล่นหลายนาทีจากจำนวน 4 เกมในศึกคาราบาว คัพ มากกว่าที่เขาเล่น 20 เกมในพรีเมียร์ลีก นอกจากนี้เขาได้ลงตัวจริง 2 เกมในศึกเอฟเอ คัพ รวมทั้งเกมน่าผิดหวังที่โดน พลีมัธ เขี่ยตกรอบด้วย 

สำหรับเกมลีกนั้น เอ็นโด ลงตัวจริงในแมตช์ปะทะ เชลซี ซึ่งตอนนั้นพวกเขาคว้าแชมป์ไปแล้ว และได้เล่นตัวจริงเกมเดียวในแชมเปี้ยนส์ ลีก เกมสุดท้ายรอบ ลีก เฟส ดวล พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ซึ่ง "หงส์แดง" ได้ตั๋วเข้าไปเล่นรอบน็อกเอาต์เรียบร้อยแล้วเช่นกัน

ที่น่าแปลกใจก็คือ เอ็นโด เป็นกองกลางตัวรับธรรมชาติเพียงคนเดียวในทีม ขณะที่ช่วงปลายซีซั่น ไรอัน กราเฟนแบร์ก มิดฟิลด์ตัวหลักเริ่มออกอาการเหนื่อยล้า แต่กระนั้น โค้ชอาร์เน่อ ก็ยังคงไม่กล้าส่ง ดาวเตะเลือดบูชิโด ลงสนามเป็นตัวจริง

แม้ กราเฟนแบร์ก จะโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในบทบาทนี้ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งซีซั่นแรกของฤดูกาล แต่เห็นได้ชัดว่า "เดอะ เร้ดส์" ยังคงต้องการออปชั่นในตำแหน่งเบอร์ 6 เพื่อใช้ในการโรเตชั่นทีม 

แม้ไม่ได้ลงเล่นตามที่คาดหวังเอาไว้ และไม่ถูกใช้งานทั้งๆ ที่ทีมจำเป็นต้องพักกองกลางตัวรับหลังกรำศึกหนักมายาวนาน แต่กระนั้นบทบาทเพียงเล็กๆ น้อยๆ ของ เอ็นโด ยังคงสร้างประโยชน์มหาศาลให้กับทีม 

2. ตัวปิดเกมคุณภาพสูง

การขาดโอกาสลงเล่นตัวจริงทั้งในพรีเมียร์ลีก และแชมเปี้ยนส์ ลีก นั่นแสดงให้เห็นว่า โค้ชอาร์เน่อ ขาดความเชื่อมั่นในตัว เอ็นโด ที่จะส่งลงเป็น 11 ตัวหลักของทีม แต่ในขณะเดียวกันเขากลับมีความเชื่อมั่นในแนวทางที่แตกต่าง

เอ็นโด มักจะโดนส่งลงสนามในช่วงท้ายเกมเป็นประจำ บางแมตช์ลงเล่นช่วงไม่กี่วินาทีก่อนหมดเวลาด้วยซ้ำ โดยเหตุผลเพราะต้องการให้เขาไปทำหน้าที่ปิดเกมเพื่อรักษาผลการแข่งขัน 

บางครั้ง เอ็นโด ถูกส่งลงเล่นเป็นตัวสำรองในขณะที่เกมกำลังชนะ แต่ในบางครั้งเขาลงเล่นเนื่องจากทีมมีปัจจัยสุ่มเสี่ยง และมีโอกาสที่ทีมคู่แข่งจะตีเสมอได้ แน่นอนว่า โค้ชอาร์เน่อ ไม่มีทางส่งนักเตะที่ไม่เชื่อมั่นลงสนามในช่วงเวลาสำคัญแบบนั้นอยู่แล้ว

บทบาทของเขาคล้ายกับตำแหน่ง "โคลเซอร์" ในเกมเบสบอล ซึ่งเป็นตำแหน่งมือขว้างลูกสำรองที่มักจะถูกส่งลงสนามในช่วงท้ายเกมเพื่อหวังเก็บชัยชนะ โดยพวกเขาไม่เคยได้เล่นตัวจริงในเกม แต่หน้าที่ก็คือการปิดเกมเพื่อเก็บชัยชนะ ขณะเดียวกันก็ไม่ปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสพลิกสถานการณ์กลับคืนสู่เกม

ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ เอ็นโด มีโอกาสได้ลงเล่นในลีกรวมแล้ว 20 เกม !!

การที่เขาจบซีซั่นด้วยการเป็นหนึ่งในแข้ง "หงส์แดง" ที่มีคะแนนเฉลี่ยต่อการลงสนามสูงสุด (2.50) เป็นการบ่งบอกว่าหน้าที่ปิดเกมของ เอ็นโด ทำได้ดีมาก โดยเฉพาะเมื่อลองพิจารณาจากแข้งตัวจริงที่ได้คะแนนเฉลี่ยสูงสุดต่อเกมนั่นก็คือ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ทำได้ 2.34 

3. โค้ชอาร์เน่อ กล่าวยกย่อง

เฮดโค้ชชาวดัตช์ มักจะออกมากล่าวชื่นชมผลงานของ เอ็นโด ผ่านการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเป็นประจำ โดยบางครั้งเป็นการตอบสื่อจากญี่ปุ่นโดยตรง หรือบางครั้งก็พูดยกย่องโดยที่ไม่มีใครถาม

"ผมคิดว่า วาตะ มีประโยชน์มากๆ กับเราในฤดูกาลนี้" โค้ชอาร์เน่อ กล่าวถึง เอ็นโด หลังเกมที่ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ "มันไม่สำคัญว่าคุณจะได้ลงเล่นกี่นาที คุณสามารถมีส่วนสำคัญมากๆ แม้ลงเล่นเพียง 2 นาที และคุณอาจจะไม่มีส่วนสำคัญเลยต่อให้เล่นครบ 90 นาที"

"ตามความเห็นของผม สิ่งที่ทำให้ วาตะ มีความพิเศษ ก็คือเราพึ่งพาเขาได้ทุกนาที ไม่ว่าจะแค่ 5, 10, 20 หรือ 25 นาที เขาก็พร้อมแสดงผลงานอย่างเต็มที่ มันฟังดูเหมือนง่าย เพราะถ้าผู้เล่นแทบจะไม่ได้มีเวลาเล่นมากนัก จะต้องมีสภาพจิตใจที่เข้มแข็ง ดังนั้นถ้าหากทีมต้องการคุณ คุณสามารถดึงฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดของคุณออกมา"

"นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วคุณเห็นนักเตะที่ไม่ค่อยได้ลงเล่นมากนักมักเจอความยากลำบากในการเรียกจังหวะหรือคุณภาพของพวกเขาออกมาเนื่องจากลงเล่นน้อย เขามีความสำคัญกับเรา และเขาจะมีความสำคัญในช่วงหลายๆ สัปดาห์ต่อจากนี้ด้วย"

นอกจากนี้หลังเกมที่ทุบ นิวคาสเซิ่ล ในเดือนเดียวกัน นายใหญ่ชาวดัตช์ กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญและความเป็นมืออาชีพของ เอ็นโด้ ว่า "ผมชื่นชอบเขามากในฐานะนักฟุตบอลแต่ในฐานะคนๆ หนึ่งด้วย เพราะไม่สำคัญว่าทีมต้องการให้เขาเล่นกี่นาที เขาก็พร้อมลงไปแสดงผลงาน"

"นี่คือเหตุผลที่เขาโชว์ฟอร์มได้ดีเสมอ และเป็นสิ่งที่ทำให้เขาดูพิเศษ ผมเคยพูดมาหลายครั้งแล้วก่อนหน้านี้ ผมทำงานร่วมกับนักเตะที่อยู่ในสถานการณ์คล้ายกับเขามากมาย แต่พวกเขาไม่ได้ทุ่มเทพลังในการซ้อมในวันรุ่งขึ้นหลังจบเกมเพราะพวกเขาไม่ค่อยได้ลงเล่น หรือลงสนามสองวันต่อเกม"

"มันไม่สำคัญว่าเขาจะได้ลงเล่นหรือไม่ เพราะเขาพร้อมทุ่มเทอย่างเต็มที่ในทุกครั้งที่ฝึกซ้อม และผลลัพธ์จากการทำแบบนั้น ทุกครั้งที่ทีมต้องการเขา เขาสามารถแสดงผลงานออกมาได้ทันที" โค้ชอาร์เน่อ ระบุ

4. เล่นได้หลากหลาย

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของ เอ็นโด ก็คือความสามารถที่หลากหลาย โดยเขาลงเล่น 229 นาทีจาก 860 นาทีในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก และเล่นได้ดีที่สุดในบทบาทเซนเตอร์แบ็กในเกมปะทะ เซาธ์แฮมป์ตัน ศึกคาราบาว คัพ 

สถิติแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เอ็นโด ลงสนามในหลากหลายตำแหน่ง และผลงานของเจ้าตัวก็ไม่ธรรมดา เพราะมันสร้างกระแสฮือฮาในโลกโซเชียลอย่างมาก เวลาที่เจ้าตัวโพสต์จำนวนตัวเลขที่น่าประทับใจจากการลงเล่นเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

มิดฟิลด์จากแดนปลาดิบ วัย 32 ปี มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการผ่านบอล, เสียบสกัด และตัดบอล ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญที่คุณต้องการจากผู้เล่นตำแหน่งกองกลางซึ่งลงสนามมาเพื่อช่วยปิดเกม 

การเล่นที่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบ และเล่นร่วมกันเป็นทีมของ เอ็นโด เมื่อฤดูกาล 2024/2025 ทำให้เขาได้รับการจดจำอย่างมาก และยังเป็นที่รักของสาวก "เดอะ ค็อป" ด้วย 

5. ความเป็นมืออาชีพสูง 

หนึ่งในสิ่งที่ เอ็นโด แสดงให้เห็นมาตลอดก็คือความเป็นมืออาชีพ เพราะไม่ว่าเขาจะได้ลงเล่นกี่นาที หรือเป็นแค่ตัวสำรอง นักเตะไม่เคยออกมาเรียกร้องหรือแสดงอาการไม่พอใจอะไรทั้งนั้น

แฟนบอลหงส์แดง มักจะเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของ เอ็นโด ยืนอยู่ริมสนามก่อนถูกเปลี่ยนตัวลงเล่น และนักเตะพร้อมทุ่มเทเกินร้อยเพื่อทำตามสิ่งที่ "บอสอาร์เน่อ" สั่งได้อย่างเที่ยงตรงทุกกระเบียดนิ้ว

หลายครั้งที่นักเตะอาชีพมักแสดงอาการไม่พอใจเวลาถูกส่งลงเล่นช่วงท้ายเกม บางรายซึ่งได้ชื่อว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ลูกหนัง (ไม่ขอเอ่ยนาม)  ไม่พอใจที่เป็นตัวสำรองโดยจบเกมรีบเดินเข้าอุโมงค์ไม่จับมือกับคู่แข่ง แต่สำหรับ เอ็นโด ไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนั้นเลย

ยิ่งไปกว่านั้น เอ็นโด ไม่เคยให้สัมภาษณ์หรือออกมาเรียกร้องผ่านสื่อเกี่ยวกับโอกาสลงสนาม รวมทั้งกดดันสโมสรเพื่อให้ส่งเขาลงตัวจริง แต่เจ้าตัวก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ตามบทบาทที่ตัวเองได้รับ 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่สาวก "เดอะ ค็อป" รัก เอ็นโด มาก และอยากเห็นเขาอยู่กับทีมต่อไป !!!

TOMMY TEE.



ที่มาของภาพ : Reuters
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport