สภาพแวดล้อมแบบไหนที่สามารถผลิตนักฟุตบอลระดับโลกได้ ?
บางที "การไม่มีสิ่งเร้า" คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เติบโตขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลระดับโลก โดยมีแรงสนับสนุนจากคุณพ่อคุณแม่ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เป็นปัจจัยควบคู่กันไป
ตอนเป็นเด็กในย่านพูลไฮม์ ชานเมืองโคโลญจน์ เขาไม่ได้รับอนุญาตให้มีทีวีที่บ้าน
แทนที่จะได้นั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่น เวียร์ตซ์ กับ ยูเลียนเน่ พี่สาวกลับใช้พื้นที่ตรงนั้นเล่นฟุตบอลด้วยกัน
แทนที่จะเล่นวิดีโอเกม เวียร์ตซ์ เลือกออกไปเล่นนอกบ้าน
แทนที่จะเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถยนต์ ครอบครัว เวียร์ตซ์ มักใช้จักรยานเป็นพาหนะ
"ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากออกไปข้างนอกและออกกำลังกาย" เวียร์ตซ์ กล่าวกับแม็กกาซีน บุนเดสลีกา เมื่อปีก่อน
"แต่ผมก็มีความสุขมาก ๆ กับเรื่องนั้นน่ะนะ"
แน่นอนว่า ลิเวอร์พูล ก็คงมีความสุขไม่ต่างกับ เวียร์ตซ์ เช่นกัน
เพราะหากเขาไม่ได้เติบโตมาในแบบนั้น เวียร์ตซ์ ก็คงไม่มีทางเป็นเพลย์เมคเกอร์ อย่างที่เขาเป็นอยู่ทุกวันนี้
เขาคงไม่มีทางกลายเป็นยอดนักเตะบนเวทีฟุตบอลยุโรป และไม่มีทางได้มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ในฐานะดีลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลด้วยสถิติค่าตัวที่อาจพุ่งสูงถึง 116 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวชีวิต เวียร์ตซ์ ไม่ได้มีแค่เรื่อง -การไม่มีทีวี-
สิ่งที่ชัดเจนว่าช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเขาในวัยเด็ก คือการที่คุณพ่อเป็นประธานสโมสรฟุตบอล Grün-Weiss Brauweiler
ฮันส์-โยอาคิม คุณพ่อเปิดโอกาสให้ ฟลอเรียน กับ ยูเลียนเน่ ซึ่งปัจจุบันเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แวร์เดอร์ เบรนเมน ได้เล่นฟุตบอลในสนามของสโมสรอย่างอิสระเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน
ส่วน คาริน คุณแม่ทราบดีว่าควรทำอย่างไรให้ลูกชายตัวเองไม่หลงระเริง
ครั้งหนึ่ง มีเอเจนซี่ส่งของขวัญมาให้ ฟลอเรียน สมัยเป็นวัยรุ่น เพื่อหวังจะชักจูงเซ็นสัญญา แต่ คาริน ตอบสนองด้วยการส่งพัสดุนั้นกลับคืนไปโดยไม่มีการเปิดดูแม้แต่นิดเดียว
ครอบครัว เวียร์ตซ์ มองว่า การมีเอเจนต์ไม่ใช่เรื่องจำเป็น และจนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ยังดูแลลูกชายคนนี้เองเช่นเดิม
เวียร์ตซ์ มีพี่น้องทั้งหมด 9 คน โดยคนอื่น ๆ เป็นพี่น้องที่มาจากครอบครัวเก่าของพ่อและแม่
พี่น้องทุกคนต่างรู้มาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ แล้วว่า น้องชายคนนี้คือคนที่มีพรสวรรค์ด้านฟุตบอลเหนือใคร ๆ
เรื่องราวของ เวียร์ตซ์ ไม่ได้มีเนื้อหาของนักเตะที่เอาชนะข้อจำกัดหรือก้าวข้ามความคาดหวังเพื่อไปยังจุดสูงสุด
แต่เป็นเรื่องราวของเด็กคนหนึ่งที่เดินนำหน้าคนอื่นอยู่เสมอ และถูกลิขิตเพื่อเดินหน้าไปสู่ความยิ่งใหญ่
"วันเกิดอายุ 18 แม่เอากระดาษโน้ตสมัยประถมให้ผมดู" เวียร์ตซ์ เคยเล่าไว้ใน Werks11
"คุณครูให้พวกเราเขียนว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร สิ่งเดียวที่ผมเขียนก็คือ นักฟุตบอล"
"ผมอยากเป็นนักฟุตบอลมาตลอด และตั้งแต่ยังเด็ก ผมก็เริ่มเตะทุกอย่างที่เห็น ไม่ว่าจะเป็นลูกโป่ง ลูกบอล หรืออะไรก็ตามที่วางอยู่ในบ้าน"
เวียร์ตซ์ ดูเหมือนจะมีเส้นทางที่แน่นอนในการขึ้นมาเป็นนักเตะโคโลญจน์ ชุดใหญ่ มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาอยู่มาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ
กระทั่งปี 2020 เขาตัดสินใจไปอยู่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จนก่อให้เกิดข้อถกเถียง เพราะ "ห้างขายยา" คือคู่ปรับร่วมแคว้นของ "ทีมแพะบ้า"
โคโลญจน์ กล่าวหาว่าการย้ายทีมครั้งนี้เป็นการละเมิดข้อตกลงแบบลูกผู้ชายระหว่างสองสโมสร ที่ต่างฝ่ายต่างจะไม่แย่งชิงนักเตะเยาวชนของกันและกัน
แต่ เลเวอร์คูเซ่น มองว่า เวียร์ตซ์ ซึ่งสัญญากับ โคโลญจน์ กำลังใกล้จะหมดลงนั้น เป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์มากเกินกว่าจะเมินเฉย
แหล่งข่าวใน เยอรมนี รายหนึ่งเปิดเผยกับ เทเลกราฟ ว่า "สโมสรเยอรมันทุกทีมต่างก็ต้องการตัว ฟลอเรียน ทุกทีมติดต่อกับครอบครัวของเขาแล้ว"
"แต่ครอบครัว เวียร์ตซ์ ต้องการอยู่ในภูมิภาคเดิม นั่นคือเหตุผลสำคัญว่าทำไมเขาถึงไม่ไป บาเยิร์น มิวนิค”
เวียร์ตซ์ วัย 16 ปีย้ายมา เลเวอร์คูเซ่น ในฐานะแข้งเยาวชน แต่เพียงไม่กี่สัปดาห์ก็ถูกโปรโมตขึ้นมาอยู่ทีมชุดใหญ่ภายใต้การทำทีมของ ปีเตอร์ บอสซ์ และการซ้อมเพียงครั้งเดียวก็ทำให้เทรนเนอร์รายนี้ เชื่อเลยว่า เวียร์ตซ์ คือเพชรแท้
"ตอนอายุ 16 เขาไม่เสียบอลแม้แต่ครั้งเดียว" บอสซ์ กล่าวกับ Asystent Trenera นิตยสาร โปแลนด์
"ผมมองดูเขาแล้วแทบไม่เชื่อสายตาเลย นี่มันอะไรกันเนี่ย?"
"จังหวะที่ยากที่สุด เขาก็เอาตัวรอดได้ด้วยการสัมผัสบอลเพียงครั้งเดียว ว้าว! ฟังผมให้ดี เขาจะกลายเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกสักวันหนึ่ง"
"เขาจะคว้า บัลลงดอร์ แน่นอน”
...
เวียร์ตซ์ ในวัย 17 ปี 15 วัน ทำลายสถิตินักเตะอายุน้อยสุดที่ลงเล่นบนเวที บุนเดสลีกา ที่เคยเป็นของ ไค ฮาแวร์ตซ์
แล้วไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เขาก็สร้างประวัติศาสตร์อีกรอบ ด้วยการเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในลีกสูงสุด เยอรมนี
ซึ่งจากจุดนั้นเป็นต้นมา เวียร์ตซ์ ก็เติบโตและพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาต่อเนื่องในทุก ๆ ปีที่ลงเล่น
อย่างไรก็ดี เส้นทางของ เวียร์ตซ์ มีอุปสรรคครั้งใหญ่ คือได้รับบาดเจ็บตรงหัวเข่าถึงขั้นเอ็นไขว้หน้า (ACL) ขาดเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2022
อาการบาดเจ็บนี้มันถึงขั้นทำลายอาชีพนักฟุตบอลได้เลย แต่การฟื้นตัวของเขานั้น ออกมาน่าประทับใจพอ ๆ กับความสร้างสรรค์ที่เขาแสดงให้เห็นในสนาม
ช่วงสองซีซั่นที่ผ่านมา เวียร์ตซ์ ลงเล่นไปมากกว่า 100 นัดทั้งในนามสโมสรและทีมชาติ
ในสายตาของใครหลายคน เขาคือนักเตะที่ดีที่สุดของวงการฟุตบอลเยอรมนี
เวียร์ตซ์ คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ บุนเดสลีกา ประจำฤดูกาล 2023/24 ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญกับการพา เลเวอร์คูเซ่น ของ ชาบี อลอนโซ่ คว้าแชมป์ลีกหนแรกของสโมสร
และช่วงสิ้นสุดฤดูกาล 2024/25 เขาก็ได้รับเสียงโหวตจากนักเตะเพื่อนร่วมอาชีพจำนวน 216 คนให้เป็นผู้เล่นที่น่าประทับใจที่สุดของ เยอรมนี
...
แล้วอะไรที่ทำให้ เวียร์ตซ์ เก่งขนาดนั้น? แล้วอะไรทำให้เขามีค่าสูงขนาดที่ ลิเวอร์พูล ยอมทุ่มเงินก้อนโต?
คำถามนี้ อาจตอบได้จากสถิติง่าย ๆ ที่ว่าเขาทำไป 34 ประตูกับ 35 แอสซิสต์จากช่วงสองฤดูกาลหลัง
แต่คำตอบที่ลึกซึ้งและดีกว่านั้นก็คือ การได้ดูเขาเล่นผ่านสายตาตัวเอง
กับบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุก เวียร์ตซ์ มีทุกอย่างที่คนเล่นตำแหน่งนี้พึงจะมี
ไม่ว่า การวิ่งแบบไม่ลดละ, การจ่ายบอลที่ดี, การยิงที่ทรงพลัง, การเคลื่อนที่อันชาญฉลาด และการเลี้ยงบอลอันนุ่มนวลราววาดศิลปะ
เวียร์ตซ์ คือหนึ่งในนักฟุตบอลพรสรรค์ที่หาได้ยากที่สามารถร่ายมนต์บนผืนหญ้าราวกับศิลปิน แล้วก็ยังเล่นเกมรับราวกับสัตว์นักล่า
ฤดูกาล 2024/25 เขาเป็นผู้เล่นที่เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งมากสุดใน บุนเดสลีกา และขณะเดียวกันเขาก็เป็นผู้เล่นที่แย่งบอลบนพื้นที่แดนบนได้มากสุดด้วยเช่นกัน
การผสมผสานระหว่างทักษะเกมรุกและเกมรับแบบนี้ ทำให้ เวียร์ตซ์ เหมาะกับระบบ ลิเวอร์พูล อย่างสมบูรณ์แบบ
"ฟลอเรียน ตอนนี้คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลก" อลอนโซ่ กล่าวไว้เมื่อเดือนพฤษภาคม
เรื่องนอกสนาม เวียร์ตซ์ เป็นคนที่สุขุม และไม่ชอบอะไรที่มันฉูดฉาด
จริง ๆ แล้ว เขาเรียบง่ายขนาดที่บางครั้งก็ถูกเย้าหยอกด้วยซ้ำ
ใน เยอรมนี มีมุกล้อเลียน เวียร์ตซ์ อยู่เรื่องหนึ่งซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ชอบเท่าไหร่
มันมีต้นตอมาจากคลิปในโซเชียลมีเดียที่เขาเผยว่า ชื่นชอบมันฝรั่งธรรมดา ๆ
เรื่องทั้งหมดเริ่มจากวิดีโอที่ เวียร์ตซ์ ถูกขอให้จัดอันดับเมนูอาหารที่ทำจากมันฝรั่ง
แล้วเขาก็เลือกมันต้มธรรมดา ๆ เป็นอันดับหนึ่งเหนือกว่าเมนูยอดนิยมอย่าง เฟรนช์ฟรายหรือมันฝรั่งทอดกรอบ
ถึงกระนั้น เวียร์ตซ์ เคยกล่าวไว้เมื่อปีที่แล้วว่า "มันถึงจุดที่ผมรู้สึกว่า...ไม่ตลกแล้วนะ"
แต่แน่นอนว่า การชอบกินมันฝรั่งของ เวียร์ตซ์ ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเฮดโค้ชอาร์เน่อ หรือแฟนบอล ลิเวอร์พูล
เพราะสำหรับทุกคนที่ แอนฟิลด์ สิ่งที่สำคัญที่สุดมีเพียงอย่างเดียวคือ การได้เห็น เวียร์ตซ์ แสดงพรสวรรค์อันน่าทึ่งออกมา และเดินหน้าก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของวงการฟุตบอล
เรียบเรียงจาก Meet Florian Wirtz: Not allowed a TV but he has a passion for potatoes, Sam Dean Telegraph
HOSSALONSO