อดีตแข้งลิเวอร์พูลยังปัง! 10 นักเตะเก่าซิวแชมป์กับต้นสังกัดใหม่ซีซั่น 2024/25

อดีตแข้งลิเวอร์พูลยังปัง! 10 นักเตะเก่าซิวแชมป์กับต้นสังกัดใหม่ซีซั่น 2024/25
อดีตนักเตะ ลิเวอร์พูล ยังคงเปล่งประกาย! รวม 10 แข้งเก่าที่อำลาถิ่นแอนฟิลด์แต่คว้าแชมป์กับต้นสังกัดใหม่ในฤดูกาล 2024/2025 ไม่ว่าจะเป็น ฟีร์มีโน่, โซลันกี้, ชากิรี่, ฟาบินโญ่ หรือดาวรุ่งอย่าง คลาร์กสัน–สจ๊วร์ต ที่โชว์ฟอร์มเด่นทั้งในยุโรปและเอเชีย

เหตุผลเดียวที่นักเตะอำลา ลิเวอร์พูล ก็เพราะพวกเขาไม่มีโอกาสได้ลงสนาม อย่างไรก็ตาม มีนักเตะ 10 รายที่อำลาถิ่นแอนฟิลด์ และยังมีดีพอที่จะช่วยต้นสังกัดใหม่คว้าแชมป์เมื่อฤดูกาล 2024/2025

"หงส์แดง" เป็นสโมสรที่เต็มไปด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ดีเอ็นเอเหล่านี้จะฝังลึกอยู่ในตัวผู้เล่นทุกคน แม้พวกเขาย้ายทีมไปแล้วก็ยังคงมีสิ่งเหล่านี้ติดตัวไปด้วยเสมอ

แม้ว่าผู้เล่นหลายคนที่อยู่กับ "เดอะ เร้ดส์" วาดฝันจะประสบความสำเร็จกับทีม แต่เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่ต้องการ การย้ายไปเล่นให้กับสโมสรอื่นก็เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในอาชีพ่อค้าแข้ง และยังมีศักยภาพมากพอที่จะช่วยทีมอื่นประสบความสำเร็จได้สำหรับ 10 นักเตะของ ลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นชุดใหญ่หรือแข้งดาวรุ่ง ที่โบกมือลาถิ่นแอนฟิลด์ แต่สามารถนำต้นสังกัดใหม่ผงาดคว้าแชมป์ได้ทั้งในอังกฤษ, ยุโรป และเอเชีย ได้เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ซึ่งเป็นใครก็บ้างไปพิจารณากันได้เลย 

1. เซอร์ดาน ชากิรี่ - แชมป์ลีก สวิส และ สวิส คัพ 

หลังจากประสบความสำเร็จในอาชีพมาอย่างยาวนานกับการค้าแข้งกับ 6 สโมสร โดยช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว ชากีรี่ ตัดสินใจอำลา ชิคาโก้ ไฟเออร์ เพื่อกลับไปค้าแข้งให้กับ บาเซิ่ล สโมสรในลีกบ้านเกิด 

สตาร์ลูกหนังวัย 33 ปี อาจไม่ได้รวดเร็วว่องไวเหมือนแต่ก่อน แต่เขายังคงมีเท้าซ้ายสุดอันตรายสำหรับกองหลังคู่แข่งทุกทีม โดยมีเพียงแค่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ วิคตอร์ โยเคเรส ที่มีส่วนในการทำประตูมากกว่าเขาช่วงซีซั่น 2024/2025

ชากรี่ ตะบันไป 21 ประตูกับ 22 แอสซิสต์จากการเล่น 39 เกมให้กับ บาเซิ่ล รวมทั้งการตะบันแฮตทริกในเวลา 9 นาทีเกมชนะ ลูกาโน่ โดยศักยภาพชั้นยอดของเขาสามารถนำทีมผงาดคว้าแชมป์ลีกแดนนาฬิกาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014

2. โดมินิค โซลันกี้ - แชมป์ ยูโรปา ลีก

โซลันกี้ มีเส้นทางอาชีพนักเตะที่ค่อนข้างยากลำบาก แต่เจ้าตัวได้พบกับจุดสูงสุดในอาชีพเมื่อสามารถนำ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรปา ลีก เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

กองหน้าชาวอังกฤษ วัย 27 ปี ลงเล่นตัวจริงให้กับ "ไก่เดือยทอง" ในเกมนัดชิง ที่เมืองบิลเบา โดยทีมของกุนซือแอนจ์ ปอสเตโคกลู หักปากกาเซียเฉือนชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ซึ่งทำให้ทีมคว้าโทรฟี่แชมป์สมัยแรกในรอบ 17 ปี

ความจริงแล้ว โซลันกี้ ต้องพบกับความยากลำบากในซีซั่นแรกกับ สเปอร์ส หลังย้ายมาจาก บอร์นมัธ ด้วยค่าตัว 65 ล้านปอนด์ (ราว 2,860 ล้านบาท) แต่เจ้าตัวยกระดับฝีเท้ามากขึ้นด้วยการซัดไป 16 ประตูกับ 8 แอสซิสต์ จากการเล่น 45 เกมในทุกรายการ เมื่อฤดูกาล 2024/2025

3. ซิมง มิโญเลต์ - เบลเยียม คัพ 

ซิมง มิโญเลต์ คว้าแชมป์แรกในช่วงระหว่าง 6 ปีที่เล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ด้วยการได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019 แต่ไม่ได้ลงสนามแม้แต่นาทีเดียวในเกมฟุตบอลถ้วยใบโตยุโรปซีซั่นนั้น เพราะ อลีสซง เบ็คเกอร์ ยึดมือ 1 ถาวร

หลังจากนั้น มิโญเลต์ ตัดสินใจโบกมือลาถิ่นแอนฟิลด์ เพื่อกลับไปค้าแข้งให้ คลับ บรูช สโมสรในลีกประเทศเบลเยียม และได้รับโอกาสลงเฝ้าเสาเป็นตัวหลักของทีมอย่างต่อเนื่อ

นายทวารชาวเบลเยียม มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการช่วย คลับ บรูช เฉือนชนะ อันเดอร์เลชท์ 2-1 ผงาดคว้าแชมป์ เบลเยียม คัพ ในซีซั่นล่าสุด นอกจากนี้เขายังมีส่วนนำทีมทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย แต่โดน แอสตัน วิลล่า ถลุงยับสกอร์รวมแพ้ 1-6

4. เลห์ตัน คลาร์กสัน - แชมป์ สกอตติช คัพ 

สำหรับ เลห์ตัน คลาร์กสัน เป็นหนึ่งในนักเตะที่ ลิเวอร์พูล ส่งไปเล่นแบบยืมตัว และประสบความสำเร็จในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเขาเป็นมิดฟิลด์แห่งอนาคต และน่าจะไปได้สวยกับชีวิตพ่อค้าแข้ง

หลังจากที่ใช้เวลาช่วงฤดูกาล 2022/2023 ไปเล่นแบบยืมตัวกับ อเบอร์ดีน ก่อนจะย้ายถาวร และตอนี้เขาลงสนามให้ทีมไปแล้ว 132 แมตช์จากการเล่นเป็นเวลาเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น 

ช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพนักเตะของเขามาถึงเมื่อเดือนพฤษภาคม หลังจาก อเบอร์ดีน จบซีซั่นด้วยการมีแต้มตามหลัง เซลติก ทีมแชมป์สกอตติช พรีเมียร์ชิพ ถึง 39 คะแนน แต่ เดอะ ดอนส์ สามารถคว่ำ "ม้าลายเขียวขาว" ในการดวลจุดโทษ นัดชิง สกอตติช คัพ  

5. นาธาเนียล ไคลน์  - แชมป์ เอฟเอ คัพ

แม้ว่า นาธาเนียล ไคลน์ ไม่ได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศ ศึกเอฟเอ คัพ ก็ตาม แต่เขามีโอกาสลงสนาม 3 แมตช์ตลอดเส้นทางที่ทัพ "ดิ อีเกิ้ลส์" กรุยทางไปสู่เมกะลูกหนัง เวมบลีย์ 

ไคลน์ เริ่มต้นได้ดีกับอาชีพที่ ลิเวอร์พูล หลังย้ายจาก เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อปี 2015 โดยเขาต้องใช้เวลาส่วนใหญ่รักษาอาการบาดเจ็บ และยังเจอกับมรสุมอื่นๆ ถาโถมตั้งแต่ปี 2017-2020 ขณะเดียวกัน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยกระดับฝีเท้าจากดาวรุ่งขึ้นไปเป็นตัวหลักในตำแหน่งแบ็กขวา นั่นทำให้เขาต้องย้ายกลับ พาเลซ ช่วงซัมเมอร์ปี 2020

ปัจจุบัน อดีตฟูลแบ็กทีมชาติอังกฤษ อายุ 34 ปีแล้ว และเขาก็ดีใจสุดขีดที่ได้ฉลองความสำเร็จกับต้นสังกัดในสนามเวมบลีย์ หลังนำ พาเลซ คว้าแชมป์แรกในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร แม้เจ้าตัวทำได้แค่เชียร์เพื่อนร่วมทีมอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองก็ตาม 

6. นาบี เกอิต้า - แชมป์ ฮังกาเรียน ลีก

มีหายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ค่อยดีนักตอนที่อยู่กับ แวร์เดอร์ เบรเมน แต่ เฟเรนซ์วารอส กล้าเสี่ยงที่จะดึง นาบี เกอิต้า มาร่วมทัพแบบยืมตัวในช่วงระหว่างปี 2025 และนั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริงๆ

สตาร์ทีมชาติกีนี ยิงประตูไม่ได้เลยกับการเล่นให้กับ "นกนางนวล" อย่างไรก็ตามกับการเล่น เฟเรนซ์วารอส ทุกอย่างมีแต่ดีกับดี โดยเขาได้ลงเล่นเพียงแค่ 10 แมตช์ และทำ  2 แอสซิสต์ แต่ก็เพียงพอนำต้นสังกัดชั่วคราวคว้าแมป์ลีกสูงสุดประเทศฮังการี

แถม เฟเรนซ์วารอส เกือบคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ด้วย แต่น่าเสียดายที่ดันไปพ่ายจุดโทษให้กับ ปาคช์ ซึ่งจบอันดับ 3 ในลีก ในเกมนัดชิงฟุตบอลถ้วย โดย เกอิต้า เป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ลงเล่นในแมตช์นั้น

7. จอร์แดน รอสซิเตอร์ - แชมป์เนชั่นแนล ลีก  เพลย์ออฟ

ครั้งหนึ่งสาวก "เดอะ ค็อป" เคยนำเขาไปเปรียบเทียบกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด โดย จอร์แดน รอสซิเตอร์ ใช้เวลาช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของซีซั่นล่าสุดในการเล่นแบบยืมตัวกับ โอลด์แฮม ซึ่งเขาช่วยทีมกลับคืนสู่เวลทีฟุตบอลลีกอีกครั้ง

รอสซิเตอร์ จะหมดสัญญากับ ชรูว์สบิวรี่ ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยเขาเพิ่งย้ายมาเล่นแบบยืมตัวจนจบฤดูกาล ซึ่งท้ายที่สุดนักเตะช่วย โอลด์แฮม คว้าชัยชนะที่เวมบลี่ย์ ในเกมเนชั่นแนล ลีก รอบเพลย์ออฟ 

ดาวเตะชาวอังกฤษ วัย 28 ปี ลงสนามให้กับ โอลด์แฮม 24 แมตช์ แต่เขาลงเล่นแค่ 6 นาทีเท่านั้นในการเพลย์ออฟนัดชิงที่ชนะ  เซาธ์เอนด์  3-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ พร้อมคว้าสิทธิ์ขึ้นไปเล่นศึก อีเอฟแอล ลีก ทู ประเทศอังกฤษ 

8. เลย์ตัน สจ๊วร์ต - แชมป์ดิวิชั่น 2 ลีกสวิส 

นี่คือหนึ่งในผลผลิตจากอะคาเดมี่ ลิเวอร์พูล โดย เลย์ตัน สจ๊วร์ต อำลา เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ เมื่อปี 2023 หลังจากที่นักเตะได้รับโอกาสลงสนามทีมชุดใหญ่เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากลงเล่นแค่ 16 เกมในช่วง 18 เดือนให้กับสโมสรจากแลงคาเชอร์ นักเตะย้ายทีมอีกครั้งโดยเซ็นสัญญายืมตัวกับ เอฟซี ธูน ทีมในระดับดิวิชั่น 2 ลีกแดนนาฬิกา ก่อนที่จะร่วมทัพแบบถาวรในช่วงซัมเมอร์นี้

ท่ามกลางทัศนียภาพอันงดงามของภูมิภาคเบอร์นีส โอเบอร์แลนด์ ดาวเตะเลือดผู้ดี วัย 22 ปีได้ลงสนาม 15 แมตช์ และยิงได้ 4 ประตู พร้อมช่วยให้ เอฟซี ธูน กลับขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020

9. โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ - แชมป์ เอเชียน แชมเปี้ยนส์ ลีก

อัล อาห์ลี เป็นหนึ่งในสี่สโมสรยักษ์ใหญ่ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยพวกเขาลงทุนทั้งการสร้างสนาม และการซื้อนักเตะระดับโลกมาร่วมทัพ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ สตาร์จอมลีลาชาวบราซิเลียน

สำหรับเงินที่พวกเขาลงทุนไปมันตอบแทนกลับมาอย่างคุ้มค่าให้กับ อัล อาห์ลี ซึ่งผงาดคว้าแชมป์เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีลิต ซึ่งเทียบเท่ากับแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ หรือยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 

"บ็อบบี้" เคยโดนตัดออกจากทัพ อัล อาห์ลี ในเกมซาอุดี โปร ลีก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และถึงแม้จะมีความสนใจในการย้ายทีม แต่ ดาวเตะจากแดนแซมบ้า ตัดสินใจอยู่กับต้นสังกัดจนกระทั่งจบซีซั่น

นั่นหมายความว่า ฟีร์มีโน่ จะลงเล่นได้แค่เฉพาะในเกม เอฟเอซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้น แต่เขาลงตัวจริงทั้งหมด 7 แมตช์หลังถูกตัดออกจากทีมในเกมลีก พร้อมกับซัดไป 4 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ในเวลานั้น 

10. ฟาบินโญ่ - ซาอุดี โปร ลีก และ ซาอุดี คัพ

อีกหนึ่งสตาร์ชาวบราซิลจาก ลิเวอร์พูล ที่ย้ายไปขุดบ่อน้ำมันในประเทศซาอุดีอาระเบีย และประสบความสำเร็จมากมายเมื่อฤดูกาล 2024/2025 ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเพราะได้ทั้งเงิน และได้ทั้งแชมป์ด้วย

ดาวเตะวัย 31 ปี ผงาดคว้าดับเบิลแชมป์ร่วมกับ อัล อิตติฮัด โดยเป็นตัวหลักของทีม และมีส่วนสำคัญกับความสำเร็จในฤดูกาลล่าสุด หลังปราบ อัล กาดซิยาห์ ด้วยสกอร์ 3-1 ในเกมรอบชิงศึกฟุตบอล คิงส์ คัพ 

ฟาบินโญ่ ประสานงานร่วมกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ ฮุสเซ็ม อาอูอาร์ ในแผงมิดฟิลด์ ส่วนในแดนหน้ามี คาริม เบนเซม่า กับ สตีเว่น เบิร์กไวจ์น ที่ทำหน้าที่กระซวกตาข่ายคู่แข่ง 

TOMMY TEE.



ที่มาของภาพ : Reuters
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport