กราเฟนแบร์ก ปรับตำแหน่งเปลี่ยนชีวิต! สล็อตพาหงส์ซิวแชมป์-กู้แดนกลางลิเวอร์พูล

กราเฟนแบร์ก ปรับตำแหน่งเปลี่ยนชีวิต! สล็อตพาหงส์ซิวแชมป์-กู้แดนกลางลิเวอร์พูล
บทวิเคราะห์ กราเฟนแบร์ก โชว์ฟอร์มสุดแจ่มหลัง อาร์เน่ สล็อต ปรับตำแหน่งเป็นกองกลางตัวรับ ช่วย ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2024/25 พร้อมคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของลีก

ไรอัน กราเฟนแบร์ก ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมากๆ ในตำแหน่งกองกลางตัวรับถือได้ว่าเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฤดูกาล 2024/2025 โดย อาร์เน่ สล็อต กุนซือชาวดัตช์ เป็นคนที่มอบโอกาสนี้ให้กับเขาจนโชว์ฟอร์มสุดยอดให้กับ ลิเวอร์พูล

แนวทางการเล่นของ กราเฟนแบร์ก สร้างความตื่นตาตื่นใจอย่างมาก โดยเฉพาะทักษะการครองบอล และการผ่านบอลที่แม่นยำ รวมทั้งเทคนิคการเอาตัวรอดในยามคับขัน เป็นหนึ่งในจุดสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้

สตาร์ชาวดัตช์ วัย 23 ปี ซึ่งคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยม พรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาล 2024/25  เป็นหนึ่งในแข้งที่สร้างความฮือฮาอย่างมาก จากการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง และแน่นอนว่า กราเฟนแบร์ก ได้ดิบได้ดีขนาดนี้ต้องยกเครดิตให้กับความกล้าของ โค้ชอาร์เน่อ !!

- กล้าเสี่ยงในการปรับตำแหน่งใหม่

การปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ครั้งแรกของ โค้ชอาร์เน่อ เมื่อเข้ามารับงานกุมบังเหียนสโมสรใหม่ก็คือการสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการใช้งานอดีตดาวเตะอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค

ประเด็นที่มีการพูดถึงกันมาในช่วงตลาดพ่อค้าแข้งช่วงซัมเมอร์ก็คือการที่ "หงส์แดง" โดน มาร์ติน ซูบิเมนดี้ มิดฟิลด์ตัวรับชาวสแปนิช ปฏิเสธอย่างไม่ใยดี แต่นั่นเป็นการแสดงให้เห็น 2 สิ่งที่ อาร์เน่อ ต้องการ ได้แก่ กองกลางตัวรับขนานแท้ และเขาไม่คิดใช้งาน วาตารุ เอ็นโด ในตำแหน่งนี้

ตำแหน่งดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากๆ ฤดูกาลล่าสุด แต่ กุนซือชาวดัตช์ กล้าได้กล้าเสียด้วยการเลือกใช้แผนพิเศษในการใช้งาน กราเฟนแบร์ก ซึ่งย้ายมาร่วมทีมในตำแหน่งกองกลางบ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ และเคยเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับแค่ 45 นาทีในยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ และแค่เกมเดียวตอนอยู่ที่ เยอรมนี

สิ่งที่ดูเหมือนเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะสั้นกลับพัฒนาขึ้นมาอย่างน่าประทับใจในช่วงหลายเดือนแรกของซีซั่น 2024/2025 จนกลายมาเป็นองค์ประกอบสำคัญของการลุ้นแชมป์ และความก้าวหน้าของ ลิเวอร์พูล ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ช่วงครึ่งซีซั่นแรก กราเฟนแบร์ก ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมากๆ โดยเฉพาะในเกมที่ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมทั้ง เชลซี และแมตช์ที่บุกเสมอ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ด้วย 

นอกจากนี้ ดาวเตะชาวดัตช์ ยังคุมจังหวะการเล่นในแดนกลางได้อย่างยอดเยี่ยมบนเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก ยกตัวอย่างเกมไล่ต้อน เอซี มิลาน, ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และแมตช์กระซวก เรอัล มาดริด ซึ่งเขาจัดการ ลูก้า โมดริช และ เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า จนอยู่หมัด 

สิ่งเหล่านี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า กราเฟนแบร์ก ไม่ใช่นักเตะพรสวรรค์ และความสามารถในการปรับตัวเท่านั้น แต่ต้องยกความดีความชอบให้กับความกล้าในการตัดสินใจ และการฝึกซ้อมของ โค้ชอาร์เน่อ ด้วยเช่นกัน 

- การตัดสินใจครั้งสำคัญจากเฮดโค้

 การตัดสินใจของ โค้ชอาร์เน่อ ในการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง กราเฟนแบร์ก ให้ลงมายืนต่ำในแผงมิดฟิลด์เป็นแท็กติกที่มีผลกระทบอย่างมากในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก หรือไม่ ? คำตอบก็คือความสำเร็จของ "หงส์แดง" ในซีซั่นนี้

ในช่วงระหว่างซีซั่น กราเฟนแบร์ก ยกระดับฝีเท้าขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในตำแหน่งกองกลางตัวรับราวกับว่าเขาเป็นนักเตะที่ใช้เวลาตลอดอาชีพในการเล่นตำแหน่งที่อยู่ด้านหน้าแนวรับ ทั้งการตัดบอลและการเสียบสกัดที่แม่นยำ ทำให้เขาได้รับคำชื่นชมอย่างมาก

สิ่งเหล่านี้เป็นหนึ่งในคุณสมบัติชั้นยอดที่มีอยู่ในตัวของดาวเตะชาวดัตช์รายนี้ รวมทั้งความสามารถในการครองบอลภายใต้แรงกดดัน, การผ่านบอลแบบคืบหน้า และการพาบอลเข้าไปในพื้นที่ว่าง

นอกจากนี้ทุกๆ คนคงได้เห็นความแข็งแกร่งในการเล่นลูกกลางอากาศ นอกจากนี้นักเตะยังมีความสามารถในการปรับตัวได้อย่างสุดยอดด้วย โดยบางครั้ง โค้ชอาร์เน่อ เคยจับเขาลงไปทำหน้าที่เซนเตอร์แบ็กจำเป็นในแมตช์ที่ "เดอะ เร้ดส์" ต้องการเล่นเพื่อผลการแข่งขัน

ตลอดทั้งฤดูกาล กราเฟนแบร์ก เล่นได้อย่างเข้าขากับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ โดยทั้งคู่ได้เล่นตัวจริงร่วมกัน 34 เกมจาก 37 แมตช์ในลีก โดยมี 3 แมตช์ที่ไม่ได้เล่นด้วยกัน เนื่องจากทีมคว้าแชมป์ไปเรียบร้อยแล้ว  การลงสนามเยอะขนาดนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า กราเฟนแบร์ก มีร่างกายที่แข็งแกร่ง โดยนักเตะไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่ลงสนามครบ 90 นาทีจากการลงสนาม 37  แมตช์ในพรีเมียร์ลีก

หลังจบฤดูกาลสาวก "เดอะ ค็อป" ลืมไปแล้วว่าพวกเขาเคยกังวลเรื่องตำแหน่งกองกลางตัวรับช่วงปรีซีซั่น โดยเขาเป็นมิดฟิลด์ที่ตัดบอลได้ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก และยังติดอันดับ 5 ในลีกเรื่องการแย่งบอลคืนด้วย 

ความสามารถรอบด้านของ กราเฟนแบร์ก มีส่วนสำคัญกับความสำเร็จของทีมทั้งการส่งบอลแม่นยำ, การเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จ และการผ่านบอลแบบคืบหน้า ต้องยอมรับว่านี่คือนักเตะที่คอยทำหน้าที่ทั้งคอยป้องกันและช่วยเหลือทีม ราวกับวาทยกรหรือคอนดัคเตอร์ที่คอยควบคุมวงออร์เคสต้า ไปพร้อมๆ กับเก็บกวาดทำความสะอาดไปในตัว

 - กราเฟนแบร์ก สามารถพัฒนาให้ดียิ่งกว่านี้ได้อีกไหม ? 

อาจจะรู้สึกไม่ค่อยดีซักหน่อยหากวิจารณ์ผลงานของ กราเฟนแบร์ก แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่นักเตะยังต้องพัฒนานั่นก็คือการยิงประตู โดยเขาไม่สามารถยิงประตูได้เลยในทุกรายการ และทำได้เพียง 4 แอสซิสต์เท่านั้น

นี่คือประเด็นที่น่าสนใจมากๆ สำหรับฤดูกาล 2025/2026 ว่า กราเฟนแบร์ก จะพัฒนาเรื่องการยิงประตูให้ดีขึ้นได้หรือไม่ แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับ นายใหญ่ชาวดัตช์ ในการยกระดับเรื่องจากจบสกอร์ให้กับลูกทีมเพื่อนร่วมชาติให้ได้

หลายคนอาจคิดว่าการที่เขาทำหน้าที่ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับทำให้โอกาสยิงประตูค่อนข้างน้อย แต่ โรดรี้ แสดงให้เห็นแล้วตอนที่เล่นให้ แมนซิตี้ รวมทั้งนักเตะอีกหลายๆ คนที่สวมบทบาทนี้และสามารถยิงประตูสำคัญให้กับต้นสังกัดของพวกเขา

สำหรับทีมที่มีความโดดเด่นในเรื่องเกมรุกอย่าง ลิเวอร์พูล แถมกำลังจะได้ผู้เล่นอย่าง ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ยิ่งทำให้เกมบุกของ "หงส์แดง" อันตรายมากยิ่งขึ้น นั่นอาจจะเป็นโอกาสดีที่ กราเฟนแบร์ก จะยิงประตูได้เพิ่มขึ้น

 แน่นอนว่า กราเฟนแบร์ก จำเป็นต้องเรียนรู้ในหลายๆ เรื่อง เพราะปัจจุบันความต้องการมิดฟิลด์ตัวรับมีการเปลี่ยนแปลงไปจากสมัย โคล้ด มาเกเลเล่ แต่กระนั้น "กราฟ" พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเหมาะกับเกมลูกหนังสมัยใหม่

เรื่องที่น่าสนใจในซีซั่นใหม่ก็คือ โค้ชอาร์เน่อ จะตัดสินใจลงทุนกับตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับในช่วงซัมเมอร์นี้หรือไม่ เพื่อขยับ กราเฟนแบร์ก ขึ้นไปเล่นสูงขึ้น และทำให้เขามีโอกาสยิงประตูมากขึ้น.....เวลาเท่านั้นที่จะบอก !!!

TOMMY TEE.



ที่มาของภาพ : Reuters
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport