ลิเวอร์พูล ปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีกแบบไร้ชัย 4 นัดติด หลังเปิดบ้านเสมอ คริสตัล พาเลซ 1-1 โดย โม ซาลาห์ ซัดประตูแบ่งแต้มพร้อมสร้างสถิติใหม่ร่วมกับตำนานพรีเมียร์ลีก ด้าน กราเฟนแบร์ก ปิดท้ายซีซั่นด้วยใบแดง
ลิเวอร์พูล แชมป์ พรีเมียร์ลีก ไม่อาจมอบชัยชนะให้กับแฟนบอลในเกมปิดซีซั่นที่ แอนฟิลด์ ได้ แต่อย่างน้อยขุนพล หงส์แดง 10 ชีวิตแสดงสปิริตนักสู้ไล่ตีเสมอ คริสตัล พาเลซ สำเร็จด้วยสกอร์ 1-1 ในการฟาดแข้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ค.โดย ไรอัน กราเฟนแบร์ก ได้ใบแดงทิ้งทวน ขณะที่ โม ซาลาห์ ซัดแบ่งแต้มให้ทีมรอดพ้นจากความขายหน้าพร้อมทั้งสร้างสถิติได้สำเร็จ
1. แชมป์จัดทัพชุดใหญ่ออกศึก-เทรนต์ แค่สำรอง
อาร์เน่อ สล็อต กุนซือ ลิเวอร์พูล จัดทีมชุดที่ดีที่สุดลงสนามในเกมทิ้งทวนซีซั่นเปิดบ้านปะทะกับ คริสตัล พาเลซ แชมป์ เอฟเอ คัพ
นายใหญ่ดัตช์จัดให้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่เตรียมย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวนั่งเป็นสำรอง ขณะที่ เฟเดริโก้ เคียซ่า ซึ่งส่อแววหมดอนาคตทั้งๆที่เพิ่งถูกเซ็นสัญญาเมื่อช่วงซัมเมอร์ไม่มีส่วนร่วมกับทีมในเกมนี้
เทียบจากเกมล่าสุดที่ออกไปแพ้ ไบรท์ตัน 3-2 หงส์แดง ซึ่งยังไม่ชนะนับตั้งแต่คว้าแชมป์ปรับโผตัวจริงสี่รายโดย แอนดี้ โรเบิร์ตสัน , เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ , หลุยส์ ดิอาซ และ เคอร์ติส โจนส์ ได้ออกสตาร์ต
2. อินทรีไม่โกงปรับโผสี่รายบุกถิ่นแชมป์
คริสตัล พาเลซ เปลี่ยนทีมตัวจริงรวมสี่รายเช่นกันในการบุกมาปะทะกับแชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อเทียบจากเกมล่าสุดที่พวกเขาเฝ้าบ้านสยบ วูล์ฟส์ 4-2
ดิ อีเกิ้ลส์ ในฐานะแชมป์ถ้วยน็อกเอาต์บุกมาวัดฝีเกือกกับ หงส์แดง เป็นการชิมลางก่อนทำศึก คอมมิวนิตี้ ชิลด์ รูดม่านก่อนเปิดซีซั่นหน้าด้วยการส่ง ไทริค มิทเชลล์ , ไดจิ คามาดะ , เอเบเรชี่ เอเซ่ และ ฌอง ฟิลิปป์ มาเตต้า กลับมาออกสตาร์ตเป็นตัวจริง
จากโผดังกล่าวหมายความว่า อดัม วาร์ตัน กับ มาร์ค เกฮี สองคีย์แมนไม่มีส่วนร่วมในเกมปิดซีซั่นเนื่องจากบาดเจ็บ
3.หงส์ยังไม่ฟื้น-แบรดลีย์ พลาดเข้าตาบอส
แม้จะได้เล่นใน แอนฟิลด์ นัดสั่งลาซีซั่น แต่ ลิเวอร์พูล ยังเรียกฟอร์มแชมป์อวดแฟนบอลไม่ได้ แถมโดนทีมเยือนสอยตาข่ายนำหน้า 1-0 อีกต่างหากจากจังหวะที่ คอเนอร์ แบรดลีย์ ผ่านบอลขึ้นหน้าพลาดแล้วโดนโต้จนทำให้ อิสไมล่า ซาร์ หลุดมาซัดพา อินทรีผงาดฟ้า ออกนำตั้งแต่นาทีที่ 9
นอกจากนี้ หงส์แดง น่าจะเสียประตูเพิ่มอีกสองลูกด้วยซ้ำจากลูกยิงของ ฟิลิปป์ มาเตต้า ดีที่ว่ากองหน้าเลือดน้ำหอมล้ำหน้าทั้งสองหน ไม่เช่นนั้นกองเชียร์ เดอะ ค็อป คงปวดหัวหนักกว่าที่เห็น
จะอย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่านับตั้งแต่คว้าแชมป์ได้ ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มได้ตกลงไปอย่างเห็นได้ชัด และสะกดคำว่าชนะไม่เป็นรวมสี่เกม และเก็บได้แค่สองแต้ม
พร้อมกันนี้ แบรดลีย์ เด็กปั้นของทีมอีกรายที่มีโอกาสได้รับช่วงต่อจาก อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ก่อความผิดพลาดจนทีมเสียประตูซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะส่งผลเสียให้เจ้าตัวอย่างแน่นอนที่อาจต้องนั่งสำรองตามเดิมแม้ รองเทรนต์ จะย้ายออกไปแล้วเนื่องจาก สล็อต จ่อดึง เจเรมี่ ฟริมปง มาแทนที่ตำแหน่งของแบ็คขวาทีมชาติ อังกฤษ
4. สิบตัวไร้ปัญหาสู้ยิบตา
นอกจากจะเสียประตูก่อน สถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล ย่ำแย่หนักขึ้นไปอีกเนื่องจาก ไรอัน กราเฟนแบร์ก นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีหนีไม่พ้นต้องรับใบแดงในจังหวะทำฟาวล์ คามาดะ ตั้งแต่กลางสนามเนื่องจากเขาเป็นนักเตะคนสุดท้ายของทีมเจ้าบ้านซึ่งไม่อาจปล่อยให้นักเตะชาวเมืองปลาดิบหลุดไปทำสกอร์เพิ่มได้
ด้วยเหตุนี้ เร้ด แมชีน จึงต้องเล่นกันแค่สิบคนในช่วง 20 นาทีสุดท้ายทั้งๆที่ยังตกเป็นรองอาคันตุกะ แต่ในฐานะเจ้าบ้านและแชมป์ พรีเมียร์ลีก มีหรือที่ทีมดังของเมอร์ซีย์ไซด์จะยอมจำนนต่อโชคชะตา
และอย่างที่เห็นแม้จะมีผู้เล่นน้อยกว่า แต่ ลิเวอร์พูล บุกแหลกกดดัน อินทรีผงาดฟ้า ได้อย่างน่าดูชมหมายตีเสมอเนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการปราชัยต่อหน้าสาวก เดอะ ค็อป ในวันที่มีพิธีรับโทรฟี่ และในที่สุด โม ซาลาห์ ก็สร้างความแฮปปี้ให้กับแฟนบอลได้สำเร็จจากการซัดแบ่งแต้มให้เจ้าบ้านตีเสมอ 1-1 ก่อนหมดเวลาหกนาที
5. บังโมปิดซีซั่นด้วยสถิติ
นอกจากจะรับรางวัลหลากหลากอยู่ก่อนแล้วทั้งแชมป์ พรีเมียร์ลีก รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมสองสถาบัน รวมกับรองเท้าทองคำในฐานะดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก
สุดท้าย ซาลาห์ ยิงประตูที่ตัวเองต้องการได้สำเร็จจนได้ และมันทำให้เขาสร้างสถิติร่วมของ พรีเมียร์ลีก ในฐานะนักเตะที่มีส่วนกับประตูมากที่สุดต่อหนึ่งซีซั่นของ พรีเมียร์ลีก
ประตูตีเสมอ พาเลซ 1-1 ของสตาร์ทีมชาติ อียิปต์ ทำให้เขาเช็กบิลในซีซั่นนี้ได้เป็น 29 ประตู และเมื่อบวกกับ 18 แอสซิสต์ คิงโม จึงมีส่วนร่วมกับประตูทั้งสิ้น 47 เม็ด
สำหรับผลงานที่ว่าเป็นสถิติร่วมของ พรีเมียร์ลีก ต่อหนึ่งซีซั่นที่ อลัน เชียเรอร์ (1994/95) และ แอนดี้ โคล (1993/94) ทำได้โดยอดีตสองดาวยิงมีผลงานตะบันได้ 34 ประตู และ 13 แอสซิสต์เท่ากัน
นอกจากนี้ ซาลาห์ สร้างสถิติร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี่ ได้สำเร็จด้วยในฐานะเป็นนักเตะแค่สองรายในประวัติศาสตร์ลูกหนังที่ได้รางวัลรองเท้าทองคำ และเพลย์ เมคเกอร์ อวอร์ด ในซีซั่นเดียวกันมากกว่าหนึ่งครั้ง