10 กุนซือแมนยูผลงานแย่ตลอดกาล อโมริมติดท็อป 4 คุมทีมชนะแค่ 36.5%

10 กุนซือแมนยูผลงานแย่ตลอดกาล อโมริมติดท็อป 4 คุมทีมชนะแค่ 36.5%
เปิดโผ 10 ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีสถิติการคุมทีมย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยวัดจากเปอร์เซ็นต์ชนะขั้นต่ำ 25 นัดเป็นต้นไป ซึ่ง รูเบน อโมริม รั้งอันดับ 4 หลังพาทีมจบอันดับ 16 พรีเมียร์ลีก 2024/25

เป็นอันว่า แมนยู จบซีซั่น 2024/25 แบบมือเปล่าหลังพ่ายต่อ สเปอร์ส 1-0 ในเกมชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

แม้จะยังเหลือเกม พรีเมียร์ลีก นัดปิดซีซั่นในวันอาทิตย์นี้ต้อนรับการมาเยือนของ แอสตัน วิลล่า แต่ในฐานะทีมอันดับ 16 ก่อนลงสนาม ผีแดง ไม่มีความสำเร็จอะไรให้ลุ้นอีกต่อไปแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพลาดคว้าโควต้าลงเล่นถ้วยยุโรปซีซั่นหน้าส่งผลให้ รูเบน อโมริม เข้าข่ายกุนซือที่มีผลงานย่ำแย่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของ โอลด์ แทรฟฟอร์ด

ว่าแต่ว่านายใหญ่โปรตุกีสจะเลวร้ายถึงขนาดรั้งอันดับหนึ่งหรือเปล่า เราจะมาจัด 10 อันดับกุนซือ ผีแดง ที่คุมทีมได้อย่างน่าอ่อนอกอ่อนใจที่สุดโดยยึดจากเปอร์เซนต์การพาทีมชนะภายใต้เงื่อนไขเขาคนนั้นจะต้องได้ทำงานอย่างน้อย 25 นัด

10. สกอตต์ ดันแคน - 39.5%

คุมทีมรวมทั้งสิ้น 235 นัดมากกว่ากุนซือ ผีแดง ทุกรายในลิสต์นี้

นายใหญ่เลือดวิสกี้รับตำแหน่งในปี 1932-1937 โดยในช่วงนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด มีผลงานผสมปนเปกันไป

ภายใต้การคุมทีมของเขา ผีแดง เกือบตกลงสู่ดิวิชั่นสามในปี 1934 แต่เขาพลิกสถานการณ์ได้ และพาทีมคว้าแชมป์ดิวิชั่นสองในปี 1936

โชคร้ายที่เขาไม่อาจพาทีมอยู่รอดในลีกสูงสุดได้เนื่องจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ตกชั้นอันนำมาซึ่งการลาออกของเขา

9. วอลเตอร์ คริกเมอร์ - 39.49%

คริกเมอร์ ได้คุมทีมสองช่วงรวมทั้งสิ้น 119 นัด

อย่างไรก็ดี เขาพาทีมกำชัยได้แค่ 47 นัด และรั้งอันดับเก้ากุนซือของสโมสรที่มีผลงานย่ำแย่ที่สุดตลอดกาล

8. จอห์น แชปแมน - 39.01%

เป็นเช่นเดียวกับ ดันแคน ที่เขาคุมทีมเกินกว่า 200 นัดเช่นกัน

กุนซือสกอตต์เข้ารับตำแหน่งในปี 1921 และคุมทีมจนถึงปี 1926 โดยในห้วงเวลานี้เขาพาทีมกำชัยได้ 39.01%

7. ราล์ฟ รังนิก - 37.93%

กุนซือชาวเยอรมนีได้รับงานคุมทีมแบบขัดตาทัพในเดือนธ.ค.2021 หลังจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โดนปลด

แม้จะพกดีกรีที่เลิศหรูเดินเข้าสู่ โรงละครแห่งความฝัน แต่เพียงไม่นานมันก็ชัดเจนว่าเขาแบกรับงานใหญ่ไม่ไหว

สุดท้ายแล้ว รังนิก คุมทีมคว้าแค่อันดับหกของ พรีเมียร์ลีก และทั้งๆที่มีแผนรับบทที่ปรึกษาของทีมในตอนแรก แต่เขาเลือกอำลา ผีแดง อย่างถาวรทันทีที่จบซีซั่น 2021/22

6. แฟร้งค์ โอฟาร์เรลล์ - 37.04%

หลังผละจากการคุมทีม เลสเตอร์ โอฟาร์เรลล์ ก็เข้ากุมบังเหียน แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 1971 แทนที่ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้

อย่างไรก็ดี ทั้งๆที่มีนักเตะขั้นเทพอย่าง จอร์จ เบสต์ และ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน อยู่ในสังกัด แต่ โอฟาร์เรลล์ ทำได้แค่พา ผีแดง คว้าอันดับแปดของลีกในซีซั่นเดียวที่เขาได้คุมทีม

5. วิลฟ์ แม็คกินเนสส์ - 36.78%

หลังค้าแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ห้าปี แม็คกินเนสส์ ก็กลายมาเป็นกุนซือของถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในปี 1969

อย่างไรก็ดี เขาได้ทำหน้าที่ในเวลาที่แสนสั้น และมีผลงานพาทีมชนะแค่ 36.78%

4. รูเบน อโมริม - 36.59%

ถึงตอนนี้ อโมริม คุมทีมมาทั้งสิ้น 41 นัด และพาทีมชนะได้แค่ 36.59% เท่านั้นซึ่งทำให้เขารั้งอันดับสี่ในข่ายนี้

แน่นอน เขาอาจโต้แย้งได้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขาทั้งหมดเนื่องจากเขาเข้ามาคุมทีมในเดือนพ.ย.2024 ในช่วงที่สโมสรมีผลงานไม่สู้ดีเช่นกัน

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เขาพลิกฟื้นสถานการณ์ไม่ได้ แถมทำให้ทีมตกต่ำดำดิ่งถึงขีดสุดด้วยการจบอันดับที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ของสโมสร

3. เฮอร์เบิร์ต แบมเล็ตต์ - 31.32%

แรกเริ่มเดิมที แบมเล็ตต์ ทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินก่อนหันมาจับงานกุนซือในปี 1914 ด้วยการคุมทีม โอลด์แฮม

หลังสร้างชื่อได้กับหลายสโมสร เขาก็เข้ามากุมบังเหียน เร้ด เดวิลส์ ในปี 1927 รวมทั้งสิ้นกินเวลาสี่ปี

แม้ ผีแดง จะคลำเป้าได้อย่างเป็นกอบเป็นกำในยุคของ แบมเล็ตต์ แต่พวกเขาประสบกับปัญหาในการป้องกันประตูโดยทีมของเขาโดนสอยตาข่ายเฉลี่ยนัดละ 2.04 ประตู

2. ลาล ฮิลดิทช์ - 30.3%

ระหว่างค้าแข้งกับสโมสร ฮิลดิทช์ ได้รับบทเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีมควบคู่ไปด้วยในเดือนต.ค.1926

หลังทำหน้าที่ดังกล่าวได้ไม่กี่เดือน ในที่สุดเขาก็กลับไปสวมบทพ่อค้าแข้งอย่างเต็มตัวในซีซั่นถัดมา

1. แจ็ค ร็อบสัน - 29.5%

ก่อนเป็นกุนซือ ผีแดง ร็อบสัน เคยผ่านงานกับ มิดเดิ้ลสโบรช์ , คริสตัล พาเลซ และ ไบรท์ตัน

กระทั่งปี 1914 เขาได้รับบทผู้จัดการทีม ปีศาจแดง และอยู่ในตำแหน่งจนถึงปี 1921

ขณะทำหน้าที่ดังกล่าว สงครามโลกครั้งที่หนึ่งทำให้เกมการฟาดแข้งของลีกอิงลิชต้องหยุดชะงักระหว่างปี 1915-9119 จึงถือเป็นความโชคร้ายไม่เบาของ ร็อบสัน ที่ได้ชื่อว่าเป็นกุนซือที่ย่ำแย่ที่สุดของ ผีแดง จากการพาทีมชนะแค่ 29.5%



ที่มาของภาพ : Reuters
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport