อยู่แมนยูแล้วดับ! 10 แข้งคืนฟอร์มเทพทันทีหลังย้ายออกจากรังผี

อยู่แมนยูแล้วดับ! 10 แข้งคืนฟอร์มเทพทันทีหลังย้ายออกจากรังผี
รวม 10 อดีตแข้งแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มตกตอนอยู่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่พออำลาทีมกลับโชว์เทพทันที บางคนถึงขั้นคว้าแชมป์กับต้นสังกัดใหม่ ทั้ง แรชฟอร์ด, ลูกากู, เด เคอา และโรนัลโด้

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการย้ายมาเล่นในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เต็มไปด้วยแรงกดดัน เพราะมีความคาดหวังสูงมาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้เล่นหลายคนต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า ทั้งๆ ที่ก่อนสวมเครื่องแบบ "ผีแดง" พวกเขาเหล่านั้นโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด

อย่างไรก็ตามมีผู้เล่นหลายคนที่ล้มเหลวกับ แมนยู สามารกลับชาติมาเกิดได้อีกครั้งเมื่อโบกมือลา "โรงละครแห่งความฝัน" และบางคนถึงขนาดก้าวไปไกลจนนำต้นสังกัดใหม่คว้าแชมป์ก็มี โดยนักเตะเหล่านั้นมีใครบ้างไปพิจารณากันได้เลย

1. ดีน เฮนเดอร์สัน

หลังจากที่เติบโตมาจากอะคาเดมี่ของ แมนยูไนเต็ด จนมีโอกาสได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ แต่น่าเสียดายที่ ดีน เฮนเดอร์สัน ไม่สามารถสอดแทรกเป็นตัวจริงได้ และต้องใช้เวลากับการโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ เฮนเดอร์สัน ได้โอกาสเฝ้าเสาเป็นมือ 1 หลัง ดาบิด เด เคอา ฟอร์มหลุด แต่สุดท้ายผลงานก็ไม่เข้าตา และทำให้เขาต้องกลับไปอยู่ในสถานะเดิมนั่นก็คือยางอะไหล่ข้างสนาม ตามด้วยโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวอีก

สุดท้ายเจ้าตัวตัดสินใจอำลาทีมแบบถาวรเพื่อไปเสาเฝ้าให้กับ คริสตัล พาเลซ เมื่อปี 2023 และสามารถยึดตัวจริงทัพ "ดิ อีเกิ้ลส์" ได้สำเร็จนกลายเป็นตัวหลักในซีซั่น 2024/2025 แถมผลงานยังสุดยอดมีส่วนสำคัญนำสโมสรปราบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ด้วย 

2. มาร์คัส แรชฟอร์ด

หลังจากฤดูกาลที่สุดแสนน่าผิดหวังเมื่อฤดูกาล 2023/2024 มาร์คัส แรชฟอร์ด กลายเป็นส่วนเกินของ แมนยูไนเต็ด ภายใต้การกุมบังเหียนของ รูเบน อโมริม กุนซือชาวโปรตุกีส 

ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ แรชฟอร์ด จำเป็นต้องหาหนทางใหม่เพื่อโอกาสในการลงสนามอย่างต่อเนื่อง และนั่นทำให้เขาตัดสินใจต้องอำลาทีมรักแบบชั่วคราวไปอยู่กับ แอสตัน วิลล่า แบบยืมตัวช่วงตลาดพ่อค้าแข้งรอบ 2 เดือนมกราคมที่ผ่านมา

การย้ายมาอยู่ในถิ่นวิลล่า พาร์ค ทำให้ "แรชชี่" คืนฟอร์มเก่งอีกครั้ง โดย สตาร์ทีมชาติอังกฤษ วัย 27 ปี จัดการทำ 4 แอสซิสต์ จากการเล่น 6 เกมหลังสุดให้กับทีมของกุนซืออูไน เอเมรี่  ซึ่งทำให้เขาได้รับคำชมมากมายในช่วงที่ผานมา 

3. อันโตนี่

หากพูดกันตามความเป็นจริง อันโตนี่ ล้มเหลวไม่เป็นท่ากับการเล่นใน "โรงละครแห่งความฝัน" เมื่อเทียบกับค่าตัว 82 ล้านปอนด์ (ราว 3,608 ล้านบาท) ตอนย้ายจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เมื่อปี 2022 

อโมริม แสดงออกอย่างชัดเจนว่า "เดอะ หมุน" ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของเขา และนั่นทำให้เขาตัดสินใจอย่างชัดเจนว่าต้องการปล่อยนักเตะย้ายไปเล่นแบบยืมตัว เพื่อโอกาสลงสนาม และเรียกฟอร์มเก่งกลับมา

สำหรับการย้ายไปเล่นกับ เรอัล เบติส ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะนักเตะผลิตผลงานได้อย่างโดดเด่นด้วยการซัดไป 4 ประตูจากการเล่น 6 เกมแรกใน ลา ลีกา แถมยังนำต้นสังกัดชั่วคราวทะลุชิงศึกยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก โดยดวลกับ เชลซี ซึ่งจะวัดแชมป์กันในวันพุธที่ 28 พ.ค.นี้

4. สกอตต์ แม็คโทมิเนย์

แม็คโทมิเนย์ สามารถรักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างคงเส้นคงวาตอนที่อยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เจ้าตัวสามารถยกระดับฟอร์มการเล่นมากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่ย้ายไปอยู่กับ นาโปลี

สตาร์ทีมชาติสกอตแลนด์ ซึ่งเป็นผลผลิตจากอะคาเดมี่ของ "ผีแดง" ถือเป็นผู้เล่นที่สามารถฝากความหวังได้ตอนที่สวมเครื่องแบบแมนยูไนเต็ด แต่ด้วยการที่ทีมมีผู้เล่นแผงกลางให้เลือกมากมาย ทำให้เจ้าตัวไม่ค่อยได้ลงตัวจริงมากนัก

อย่างไรก็ตามการย้ายไปอยู่กับ นาโปลี ทำให้ "แม็คทอม" ระเบิดฟอร์มสุดยอดออกมา ซึ่งต้องขอบคุณ อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือชาวอิตาเลียน ที่สามารถดึงศักยภาพของนักเตะออกมาได้อย่างเต็มที่ และทำให้ "อัซซูร่า" มีลุ้นคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ในฤดูกาลนี้ 

5. อังเคล ดิ มาเรีย

ดิ มาเรีย โชว์ฟอร์มขั้นเทพในช่วงระหว่าง 2-3 เดือนแรกตอนเล่นให้กับ แมนยูไนเต็ด แต่สุดท้ายผลงานของเขาก็สาละวันเตี้ยลง และสุดท้ายก็โบกมือลาทีมทั้งๆ ที่เล่นได้แค่ 1 ซีซั่นเท่านั้น

แม้ฟอร์มของ ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ จะต่ำเตี้ยเรี่ยดินกับ "เร้ด เดวิลส์" ก็ตาม แต่เขาสามารถเรียกฟอร์มเทพเหมือนสมัยอยู่กับ เรอัล มาดริด ได้ทันที ตอนที่ย้ายไปค้าแข้งกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 

ดาวเตะจอมลีลา วัย 37 ปี ซึ่งโด่งดังสุดขีดช่วงเล่นให้ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ตะบันไป 93 ประตูกับ 119 แอสซิสต์ให้กับยอดทีมแห่งกรุงปารีส พร้อมคว้าแชมป์ลีก เอิง 5 สมัย 

6. อเล็กซิส ซานเชซ

ซานเชซ ดูเหมือนตกอยู่ภายใต้ร่มเงาผลงานของตัวเองช่วงระหว่างที่เล่นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพราะฟอร์มของนักเตะตอนเล่นให้ อาร์เซน่อล มันเลิศเลอเพอร์เฟกต์เกินห้ามใจจริงๆ 

ดาวเตะชาวชิลี ใช้เวลาช่วงฤดูกาล 2019/2020 ด้วยการเล่นแบบยืมตัวกับ อินเตอร์ มิลาน และมีค่าเฉลี่ยนทำประตูอยู่ที่ 99 นาทีต่อ 1 ประตูในซีซั่นดังกล่าว สวนทางกับผลงานช่วงอยู่กับ แมนยู นักเตะมีค่าเฉลี่ย 198.6 นาทีต่อการทำประตูหรือแอสซิสต์

หลังจากนั้น ซานเชซ ย้ายไปเล่นกับ "งูใหญ่" ถาวร และสามารถช่วยสโมสรคว้า "สคูเด็ตโต้" 2 สมัย (2020/2021 และ 2023/2024) นั่นแสดงให้เห็นว่านักเตะเก่งอยู่แล้ว เพียงแต่อยู่ไม่ถูกที่เท่านั้น 

7. เฟร็ด 

เฟร็ด ถือเป็นผู้เล่นที่แฟนผีโปรเจกต์ไม่ค่อยประทับใจในผลงานเลย  ยิ่งเล่นยิ่งออกทะเล แต่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงหลังจากที่เขาย้ายไปเล่นกับ เฟเนร์บาห์เช่ ภายใต้การทำงานกับ โชเซ่ มูรินโญ่ แม้ความสำเร็จยังไม่เป็นรูปธรรม แต่ฟอร์มของเขาโดดเด่นมากๆ และเป็นหนึ่งในนักเตะคีย์แมนสำคัญของต้นสังกัด และเป็นที่รักของสโมสรใหม่อย่างมาก 

8. ดาบิด เด เคอา

ดูเหมือนว่า ดาบิด เด เคอา น่าจะไม่มีโอกาสได้เล่นในลีกระดับสูงอีกแล้วหลังจากที่หมดสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แถมยังว่างงานเกือบ 1 ปี เพราะไม่สามารถหาสโมสรเล่นได้

อย่างไรก็ตาม ฟิออเรนติน่า ตัดสินใจเสี่ยงดึงตัว นายทวารชาวสแปนิช มาร่วมทีม และกลายเป็นว่าเขาสามารถกลับชาติมาเกิดได้อีกครั้งสำหรับการเล่นในฤดูกาล 2024/2025

การเก็บ 8 คลีนชีต และมีค่าเฉลี่ยการเซฟประตู 74.8 เปอร์เซนต์ ถือเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมมากๆ สำหรับ เด เคอา ซึ่งเหนือกว่า อ็องเดร โอนาน่า นายทวารที่ถูกดึงตัวมาแทนเขาที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลายเท่า 

9. คริสเตียโน่ โรนัลโด้

"ซีอาร์ เซเว่น" โบกมือลา แมนยูไนเต็ด ไม่ค่อยสวยช่วงปลายปี 2022 โดยผลงานค่อนข้างฝืดด้วยการซัดไปแค่ 3 ประตูจากการลงสนาม 16 เกมหลังสุดให้กับต้นสังกัด จนโดนแฟนผีโปรเจกต์ และกูรูลูกหนังวิจารณ์อย่างหนัก 

โรนัลโด้ เลือกสร้างโอกาสใหม่กับ อัล-นาสเซอร์ ในศึกซาอุดี โปร ลีก ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยผลงานของนักเตะโดดเด่นมาก ที่สำคัญยังเป็นคนสร้างแรงกระตุ้นให้ลีกแดนเศรษฐีน้ำมันได้รับความสนใจมากขึ้นหลายสิบเท่า

ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังชาวโปรตุกีส ลงสนามให้กับ อัล-นาสเซอร์ 110 เกม พร้อมกับตะบันไปแล้ว 98 ประตู แต่เมื่อรวมเบ็ดเสร็จตลอดอาชีพนักเตะทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติเจ้าตัวสอยไปแล้ว 935 ลูก และเหลืออีกไม่กี่ประตูก็จะบรรลุเป้าหมาย 1,000 ลูก 

10. โรเมลู ลูกากู

กองหน้าชาวเบลเยียม ยิงได้แค่ 12 ประตูในช่วงระหว่างฤดูกาลสุดท้ายที่ค้าแข้งกับ แมนยูไนเต็ด และนั่นทำให้สโมสรมองว่านักเตะคงไม่สามารถสร้างผลงานได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว 

ลูกากู เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเพื่อย้ายไปหาโอกาสใหม่กับ อินเตอร์ มิลาน และกลายเป็นว่า ลูกากู เปลี่ยนสภาพจากอุปกรณ์ตำน้ำพริกคู่ กลายเป็นเครื่องจักรสังหารยิงกระฉูดไม่เกรงใจต้นสังกัดเก่า

สำหรับฤดูกาลแรกของ ลูกากู ในสีเสื้่อ "เนรัซซูรี่" เขากลายเป็นเดอะ แมชีน กัน ตะบันไม่เหลือซากด้วยการสอยไป 34 ประตู และกลับมาเป็นสุดยอดกองหน้าอีกครั้ง หลังจากนั้นอีกซีซั่นก็คว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองมะกะโรนี  

TOMMY TEE.



ที่มาของภาพ : Reuters
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport