เป็นครั้งแรกบนเวที พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2016 ที่ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายขึ้นนำเมื่อจบครึ่งแรก แต่ลงเอยดด้วยความพ่ายแพ้ตอนจบเกม
การปรับทีม จัดกองหลังที่ไม่มีทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แล้วจบเกมด้วยการให้ วาตารุ เอ็นโด ยืนแบ็กขวา เฮดโค้ชอาร์เน่อ คงไม่เลือกแนวรับชุดนี้ลงสนามแน่ หากยังไม่การันตีการได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมทีมสำหรับฤดูกาลหน้า เฮดโค้ชดัตช์ จึงใช้ช่วง 4 เกมสุดท้ายของซีซั่นสำหรับการทดลองผู้เล่นและเรื่องแทคติค
ด้วยการที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะย้ายออกจากทีม คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ จึงยึดตัวจริงอีกครั้ง
ขณะที่ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ได้รับโอกาสออกสตาร์ตตัวจริงเป็นนัดที่สองของฤดูกาล โดยเล่นตำแหน่งหมายเลข 10 ส่วน โดมินิค โซโบซไล ซึ่งรับบทบาทนั้นมาตลอดทั้งฤดูกาล ถูกถอยมาเล่นหมายเลข 8 ที่เขาแทบจะไม่ได้เล่นเลยในปีนี้
ประตูแรกที่เกิดขึ้น น่าจะสร้างความพอใจให้กับ อาร์เน่อ ไม่น้อย เมื่อทั้งสามคนมีบทบาทสำคัญ
จังหวะนั้นเริ่มต้นจาก โซโบซไล วางบอลข้ามฟากไปทางซ้ายให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็นการเปลี่ยนทิศทางเกมรุก ดาวเตะอียิปต์ จับบอลได้อย่างนุ่มนวลและไหลบอลต่อให้ แบร็ดลี่ย์ ที่อันเดอร์แลป สอดขึ้นมา
แบ็กขวาไอร์แลนด์เหนือ แสดงให้เห็นถึงคุณภาพด้านเกมรุก เขาแตะลอดขา ไซมอน เอดริงกา แล้วกระชากผ่าน อดัม เว็บสเตอร์ ก่อนจะถึงเส้นหลัง
จากนั้นเขาก็ผ่านบอลมาให้ เอลเลียตต์ วิ่งเข้ามาชาร์จจ่อ ๆ เป็นการเข้าทำที่สวยงาม
เกมดำเนินต่อไป ลิเวอร์พูล เสียประตูจากการเข้าทำตรงกรอบหนแรกของเจ้าถิ่น ยาซิน อายารี่ เบิกสกอร์ แล้วก่อนปิด 45 นาทีแรก โซโบซไล ยิงแบบเหนือความคาดหมาย โดยที่เจ้าตัวยอมรับภายหลังว่าตั้งใจจะเปิดให้เพื่อน
ครึ่งหลัง โอกาสแล้วโอกาสเล่าที่จะทิ้งระยะห่างเป็นสองลูก
ซาลาห์ พยายามเหลือเกินที่จะมีส่วนร่วมกับประตู
จากสิ่งที่เขาพูดกับ แกรี่ เนวิลล์ ผ่าน สกาย สปอร์ตส์ คือเขามั่นใจว่าจะทำลายสถิติการมีส่วนร่วมกับประตู ไม่ว่าจะยิงหรือแอสซิสต์ที่ อลัน เชียเรอร์ (1994/95) และ แอนดี้ โคล (1993/94) ครองร่วมกันที่ 47 ครั้งได้
ถึงตอนนี้ ซาลาห์ ทำไปแล้ว 46 ครั้งและมีโอกาสบวกเพิ่มได้จากชอตที่ โคดี้ กัคโป กระชากหนี มัตส์ วีเฟอร์ แล้วถวายพานให้เขาตรงระยะ 4 หลา
ผลลัพธ์ที่กำลังจะเกิดดูเหมือนจะเป็นไปตามคาด ประตูมันแทบจะโล่ง แต่ ซาลาห์ กลับยิงออกไป แทนที่บอลจะพุ่งไปยังก้นตาข่าย แต่กลับกลายเป็นว่าตัวเองยืนนิ่ง ๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
ไม่นาน ซาลาห์ ก็มีโอกาสงาม ๆ อีกครั้ง บอลมาเข้าทางในกรอบเขตโทษ แต่ลูกที่ออกจากเท้าก็ไปติดมือ บาร์ต แฟร์บรู้กเก้น ที่ปฏิเสธได้ในระยะประชิด
เกมจบโดยไม่มีทั้งประตูและแอสซิสต์ ซาลาห์ ก็เหลือเวลาแค่นัดเดียวสำหรับการยิงหรือจ่ายรวมกันให้ได้อีกสองครั้งเพื่อแซงสถิติคนนั้น
ด้วยความไม่เฉียบคมหรืออะไรก็แล้วแต่ ลิเวอร์พูล ปล่อยให้ความได้เปรียบหลุดมือ
สองตัวสำรอง ไบรท์ตัน ที่ ฟาเบียน เฮือร์เซเลอร์ กุนซือหนุ่มส่งลงมา คาโอรุ มิโตมะ กับ แจ็ค ฮินเชลวู้ด ก็มีส่วนทำประตูให้ "เดอะ ซีกัลส์" พลิกสถานการณ์กลับมาชนะไปได้อย่างน่าประทับใจ 3-2 ที่สนามเอเม็กซ์ สเตเดียม
และ 3 แต้มจากเกมนี้ส่งให้ ไบรท์ตัน ขยับขึ้นสู่อันดับ 8 อาจเพียงพอให้พวกเขาได้สิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลหน้า แต่ก็ขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันนัดสุดท้ายของ เชลซี
...
เฟเดริโก้ เคียซ่า อีกหนึ่งสำรองที่ถูกส่งเป็นตัวจริงในฐานะกองหน้าตัวกลาง เสียงเชียร์จากแฟนบอล ลิเวอร์พูล ดังขึ้นมาตามทำนองเพลง Sway ของ ดีน มาร์ติน
ระยะหลังบทเพลงนี้ของ เคียซ่า ถูกร้องบ่อยขึ้น แม้ว่าตัวเขาเพิ่งลงเล่นไปแค่ 14 เกม และยังไม่ได้สร้างผลงานน่าประทับใจมากเท่าไหร่นักนับตั้งแต่ย้ายจาก ยูเวนตุส
อนาคตของแข้งพันธุ์เลี่ยนยังเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ผลงานยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เนื่องด้วยปัญหาอะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้งอาการบาดเจ็บ ป่วย และแนวรุกคนอื่น ๆ ทำผลงานได้ดีกว่า
เมื่อวันศุกร์ ในการให้สัมภาษณ์ก่อนเกม อาร์เน่อ บอกว่า เคียซ่า มีดีพอที่จะเล่นให้ ลิเวอร์พูล เพียงแต่เขาไม่สามารถจะไปเบียด ซาลาห์ ทางฝั่งขวา หรือ หลุยส์ ดิอาซ กับ โคดี้ กัคโป ทางฝั่งซ้าย
และชัดเจนในเกมนี้ เมื่อ อาร์เน่อ เลือกส่ง เคียซ่า ลงเล่นเป็นหมายเลข 9
ด้วยจังหวะเกมที่ขาด ๆ เกิน ๆ ไม่น่าแปลกใจที่ เคียซ่า ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ เขาแพ้การดวลตัวต่อตัวกับ แยน พอล ฟานเฮคเค่ และเสียบอล แต่ไม่นานก็มีช็อตวางบอลยาวสวย ๆ ข้ามแนวรับไปให้ ซาลาห์
ความทุ่มเทจังหวะไม่มีบอล เคียซ่า ทำให้เห็น แต่เมื่อเกมผ่านไปเรื่อย ๆ เริ่มเห็นชัดเจนว่าเขาดูหมดแรง
แม้บางจังหวะ เคียซ่า เชื่อมเกมรุกได้เข้าตา แต่ก็มีสัญญาณของความไม่มั่นใจอยู่บ้าง
ยังไม่แน่ชัดว่า เขาจะยังเป็นผู้เล่น ลิเวอร์พูล ต่อไปในฤดูกาลหน้าหรือไม่ และฟอร์มเกมนี้ก็คงไม่ได้เปลี่ยนแปลงความคิดของ อาร์เน่อ ไปจากเดิมมากนัก
เพราะเฮดโค้ชดัตช์ ยืนยันว่า เขาวิเคราะห์มาตลอด 10-11 เดือนที่ผ่านมา ไม่ได้ตัดสินใครจากเกมที่เหลืออยู่
...
สำหรับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ไร้ชื่อในเกมนี้นั้น เราจะไม่ได้เห็นเขาลงเล่นนัดสุดท้ายแล้วแน่นอน
เขาฝืนลงเล่นทั้งที่มีอาการบาดเจ็บมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา และด้วยความเป็นอาร์เจนไตน์ เขาจึงขอสู้เพื่อทีม
"อเล็กซิส จะไม่ลงเล่นแล้วในฤดูกาลนี้" อาร์เน่อ กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างงานแถลงข่าวหลังเกม
"เขาต้องการการพักฟื้นในเวลานี้ เพื่อให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์และพร้อมสำหรับการเริ่มต้นฤดูกาลหน้า ซึ่งไม่มีปัญหาอะไรเลย"
"ผมคิดว่าเขาเล่นในช่วงท้ายฤดูกาลด้วยความเป็นนักสู้แบบอาร์เจนตินาที่เขามี คือไม่ยอมแพ้ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไรก็ตาม"
"แต่การส่งนักเตะลงเล่นในขณะที่มีอาการบาดเจ็บ แม้จะไม่ใช่อาการหนักมาก ก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉลาดนัก เพราะมันมีความเสี่ยงอยู่"
HOSSALONSO