เมื่อ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ รายงานว่า ลิเวอร์พูลได้เริ่มต้นเจรจากับ มิลอส เคอร์เคซ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการตกลงค่าตัวกับ บอร์นมัธ ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นอุปสรรคใหญ่แต่อย่างใด
คาดว่า "เดอะ เชอร์รี่ส์" ตั้งค่าตัวไว้ที่ 45 ล้านปอนด์ ขณะที่แฟนบอล "หงส์แดง" เริ่มตั้งตารอแบ็กซ้ายคนใหม่รายนี้ พร้อมเตรียมร้องเพลงต้อนรับกันแล้ว
หากใครเคยชมผลงานของ บอร์นมัธ คงจะรู้ดีว่า เคอร์เคซ เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่น่าประทับใจที่สุด ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดัน อึด ทน และไม่ยอมแพ้ใครง่าย ๆ
และในวันนี้ เราขอพาไปทำความรู้จักตัวตนของแข้งฮังกาเรียนรายนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จากคำบอกเล่าของเจ้าตัวผ่านช่องทางโซเชียลของสโมสรบอร์นมัธเอง
มิลอส เคอร์เคซ เติบโตที่ เซอร์เบีย ในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างยากลำบาก แต่เขาก็มีความทรงจำที่ดีที่นั่น เขาเล่นกีฬาชนิดแรกคือว่ายน้ำ แล้วมาเลือกเล่นฟุตบอลตอนอายุได้ 8-9 ปี
ตำแหน่งแรกที่เล่นคือปีกซ้าย แต่ด้วยการที่ตัวเองทำประตูได้ไม่มาก จึงถอยมาเล่นแบ็กซ้าย
สโมสรแรกที่ได้ลงเล่นอาชีพคือ Győr ในลีกฮังการี ประเดิมสนามตอนอายุ 16 ปี และที่นี่เป็นลีกที่เล่นใช้แรงกับพละกำลังมาก จึงทำให้เขาเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง
เคอร์เคซ รับสายโทรศัพท์ที่ปลายสายคือ เปาโล มัลดินี่
มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักที่ "น้ามัล" จะโทรหาใครสักคนเพื่อดึงตัวไปร่วมทีม เอซี มิลาน
แล้วในวันรุ่งขึ้น เคอร์เคซ ก็ตัดสินใจไป อิตาลี ทันที
เขาใช้เวลาหนึ่งซีซั่นกับ มิลาน ยู-19 แม้จะอยู่ไม่นาน แต่ก็มีโอกาสได้ฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่อยู่บ่อย ๆ
จากนั้น เคอร์เคซ ย้ายไป อาแซด อัล์คมาร์ ซึ่งเขารู้สึกว่าเป็นการฝึกซ้อมที่เข้มข้นมากกว่า โดยเฉพาะโค้ชที่ชอบฝึกหนัก ๆ ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความแตกต่างในความเข้มข้น
เคอร์เคซ สนิทกับ โดมินิค โซโบซไล ทั้งคู่เจอกันครั้งแรกในแคมป์ทีมชาติ ซึ่ง โซโบ ก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
บอร์นมัธ แสดงความสนใจ เคอร์เคซ ครั้งแรกตอนตลาดหน้าหนาว 2023 แล้วพอถึงช่วงซัมเมอร์ เขาก็ย้ายมาร่วมทีม "เดอะ เชอร์รี่ส์" ด้วยค่าตัวราว 15.5 ล้านปอนด์
การย้ายมาที่ บอร์นมัธ เคอร์เคซ บอกว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะ พรีเมียร์ลีก เป็นลีกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ซึ่งเขามาที่นี่เพราะต้องการพิสูจน์ตัวเอง
แรก ๆ เขาไม่ได้ทราบถึงประวัติสโมสรมากนัก แต่เมื่อได้ย้ายมา เขาก็หาข้อมูลเพิ่มเติมทางอินเทอร์เน็ต ดูวิดีโอ และพูดคุยกับ อดัม สมิธ เกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ของทีม
เขารู้สึกขอบคุณ อันโดนี่ อิราโอล่า ที่มีบทบาทต่อการพัฒนาและทำให้เขาเก่งขึ้นมาก
ซึ่งสิ่งสำคัญที่ เคอร์เคซ บอกว่าจำเป็นสำหรับกองหลังระดับ พรีเมียร์ลีก คือ ต้องมีความดุดัน มีพละกำลัง และมีสมาธิตลอดทั้งเกม เพราะความผิดพลาดแค่ครั้งเดียวก็อาจนำไปสู่การเสียประตู
เคอร์เคซ เชื่อว่าเกมรับมีความสำคัญ ถ้าเกมรับไม่ดี ก็ไม่สามารถเล่นในระดับนี้ได้ โดยเฉพาะทีมที่ต้องการคว้าแชมป์ลีกหรือ แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนเกมรุก เป็นแค่โบนัส สำหรับฟูลแบ็ค
ตำแหน่งที่ เคอร์เคซ ยืนในสนามเฉลี่ยคือสูงขึ้นกลางสนาม นั่นคือสิ่งที่ อิราโอล่า ต้องการตามแทคติคที่ใช้
ถ้ากองกลางตัวรับถอยต่ำ เคอร์เคซ จะอยู่สูงขึ้น เพื่อสามารถตัดเข้าในเพื่อทำการ โอเวอร์แลป หรือ อันเดอร์แลป
อิราโอล่า พิจารณาถึงคุณภาพและความถนัดของผู้เล่นในแต่ละตำแหน่ง ไม่ได้ต้องการให้ฟูลแบ็คทุกคนทำแบบเดียวกัน
เกมเจอ แมนซิตี้ ถือเป็นเกมที่ เคอร์เคซ เล่นดีที่สุดเกมหนึ่ง
เขาอธิบายเหตุผลที่เลือกทำอันเดอร์แลปแทนโอเวอร์แลปในบางจังหวะ เช่นตอนเห็น ไคล์ วอล์คเกอร์ ถอยหลัง แล้วตัวเองก็ปล่อยให้เพื่อนร่วมทีมใช้เวลาเพื่อที่จะส่งบอลให้เขา
เคอร์เคซ มีอิสระในการเติมเกมรุก แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายที่ต้องพร้อมวิ่งตลอดทั้งเกม
เขาสามารถเติมเกมรุกและถอยกลับมาไล่ตามปีกคู่แข่งได้
ยามที่ไม่ได้บอล การเติมขึ้นเกมรุกก็ช่วยสร้างโอกาสให้ปีกได้ อย่างไรก็ตาม หากทีมนำ 1-0 หรือ 2-0 เขาก็จะถอยลงมาต่ำลงเล็กน้อย
การเลี้ยงบอล เคอร์เคซ สามารถรับบอลลึกและเลี้ยงจี้เข้าหาคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วได้
ความเร็วและความสามารถในการปลดปล่อยพลังออกมาเป็นสิ่งที่เขามีอยู่ในตัว (เขาบอกว่าเคยเลี้ยงผ่าน โซโบซไล มาแล้ว)
ในการเปิดบอล เคอร์เคซ สามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การเปิดบอลในจังหวะโต้กลับเร็วที่เห็นเพื่อนร่วมทีมกำลังวิ่ง จึงเปิดบอลไปข้างหน้า เพื่อสร้างปัญหาให้กับกองหลัง นอกจากนี้ยังสามารถเปิดบอลแบบกึ่ง ๆ วอลเลย์ได้อีกด้วย
นอกจากการเล่นเกมรุก เคอร์เคซ ยังเน้นย้ำถึง ความสำคัญของการป้องกัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของบทบาทฟูลแบ็ก
เขาบอกว่าตัวเองชอบการเข้าสกัดมาก ชอบความรู้สึกที่แย่งบอลกลับมาได้ การเข้าสกัดที่ดีเป็นสิ่งที่แฟนบอลและเพื่อนร่วมทีมชอบ ทำให้เกิดความฮึกเหิมแก่ทีม
HOSSALONSO