เฟเดริโก้ เคียซ่า กำลังจะได้ชูถ้วยโทรฟี่ลีกสูงสุด อังกฤษ ในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า พร้อมกับคล้องเหรียญรางวัลกลับบ้านในฐานะแชมป์ พรีเมียร์ลีก
เขาจะได้ร่วมขบวนฉลองแชมป์บนรถบัสที่ขับไปรอบเมือง ลิเวอร์พูล ดื่มด่ำความสำเร็จกับฤดูกาลแรกของตัวเองกับสโมสร
อย่างไรก็ตาม บทบาทของดาวเตะอิตาเลี่ยน กับทีมชุดนี้ เขาเป็นเพียงตัวประกอบหลังฉาก ที่เพิ่งมีโอกาสลงเล่นรวมเพียง 400 นาทีจาก 13 นัดทุกรายการ
เคียซ่า ยังไม่เคยได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเลยสักครั้งในเกมลีก และมีอีกหลายนัดที่ไม่ติดแม้รายชื่อตัวสำรอง
จากตอนแรกที่คาดว่า เพราะเรื่องปัญหาความฟิตที่ร้างสนามไปนาน แต่เมื่อหายดีกลับมา เขาก็ไม่สามารถเบียดตำแหน่งลงเล่นได้
เกมสุดท้ายที่ เคียซ่า ลงเล่นเป็นตัวจริง คือ เอฟเอ คัพ รอบ 4 ที่พ่ายต่อ พลีมัธ อาร์ไกล์ และตลอด 90 นาที เขาเสียบอลถึง 29 ครั้ง
นับตั้งแต่เปลี่ยนปฏิทินสู่ปี 2025 เคียซ่า ได้ลงเล่นแค่ 2 นัด และทั้ง 2 นัดดังกล่าว เกิดขึ้นในเกมที่เฮดโค้ชอาร์เน่อ ใช้โควต้าสำรองช่วง 8 นาทีสุดท้ายเพื่อหวังพลิกสถานการณ์ในเกมแพ้ ฟูแล่ม และ เชลซี
แน่นอนว่า ช่วงเวลาสั้น ๆ แค่นั้น เขาไม่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกได้เหมือนตอนนัดชิง คาราบาว คัพ ที่ตัวเองยิงประตูได้หลังถูกเปลี่ยนลงมาในนาที 74
เคียซ่า ถูกจัดเป็นตัวเลือกแนวรุกลำดับท้าย ๆ อาร์เน่อ ให้โอกาส ดาร์วิน นูนเญซ ซึ่งยิงประตูไม่ได้ 24 จาก 28 นัดบนเวที พรีเมียร์ลีก มากกว่าที่จะใช้งานดาวเตะวัย 27 ปี
เอ็นรีโก้ พ่อของเขาเคยออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนเมษายนว่า ลูกชายคนโปรดยังมีความสุขดีกับชีวิตที่ แอนฟิลด์ และตั้งใจจะอยู่จนครบสัญญาอีก 3 ปีที่เหลือ
หาก เคียซ่า ยังไม่มีชื่อกับเกมที่เหลือ 2 นัดก่อนปิดฤดูกาล 2024/25 ลองคิดภาพตามว่า ถ้าซีซั่นหน้าหลังจาก ลิเวอร์พูล เสริมทัพช่วงซัมเมอร์จบแล้วสิ เราแทบมองไม่เห็นอนาคตของเขากับทีมเลย
หลายอย่างดูสวนทางกับสิ่งที่ เคียซ่า ถูกคาดหวังไว้ตอนย้ายจาก ยูเวนตุส เมื่อซัมเมอร์ปีก่อน
เขาตื่นเต้นมากกับการย้ายทีม เขาขอให้ ลูเซีย ภรรยา เปิดเพลง You'll never walk alone บนมือถือให้ฟังขณะนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวบินผ่านสนามแอนฟิลด์ หลังผ่านการเซ็นสัญญา
เขาให้สัมภาษณ์กับสโมสรว่า ตัวเองรู้สึกตื่นเต้นเอามาก ๆ ตอนลงสนามเปิดตัว เพราะมันเป็นช่วงเวลาแสนพิเศษ เขารู้ดีว่าต้องทำงานหนักเพื่อชิงตำแหน่งในทีม และการจะได้ลงเล่นต่อเนื่องนั้นมันยากมาก แต่ก็ไม่หวั่น แม้พื้นที่ทางฝั่งขวาต้องแย่งกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ตาม
...
มุมมองฝั่ง ลิเวอร์พูล ต่อการคว้าตัว เคียซ่า ด้วยเงิน 12 ล้านยูโร (10.1 ล้านปอนด์) มานั้น พวกเขามองว่าดีลนี้แทบไม่มีความเสี่ยงอะไรเลย ทั้งที่ ยูเวนตุส เคยจ่ายถึง 60 ล้านยูโรเพื่อคว้าตัวมาจาก ฟิออเรนติน่า เมื่อสองปีก่อน
ตัวเลข 10.1 ล้านปอนด์ มาพร้อมการแบ่งจ่าย 4 งวดพร้อมโบนัสตามผลงานอีก 3 ล้านยูโรหากครบตามเงื่อนไข
ตอนนั้น ลิเวอร์พูล สามารถเจรจาค่าตัวที่ถูกลงได้เพราะเป็นช่วงท้ายตลาดซื้อขาย และมูลค่าของ เคียซ่า ก็ตกลงอย่างมาก ยูเว่ ไม่คิดจะต่อสัญญาใหม่ และทราบดีว่าถ้าผ่านไปอีกปีก็จะเสียฟรีหากไม่รีบขายออกไป
ฝั่ง เคียซ่า เองก็ยืนกรานว่าจะย้ายไปอยู่สโมสรที่ใช่ และ ลิเวอร์พูล สามารถฉกฉวยโอกาสนั้นมาได้
แม้จะอายุครบ 27 ปี แต่ เคียซ่า ยังมีเวลาอีกมากที่จะกลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีเหมือนที่เคยทำในอดีต แม้จะเป็นไปได้น้อยที่จะเกิดขึ้นในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล
ริชาร์ด ฮิวจ์ส ผู้อำนวยการกีฬา และ อาร์เน่อ วางแผนเตรียมทีมไว้ตั้งแต่ซัมเมอร์ที่แล้ว โดยมองว่าต้องมีตัวเลือกครบทุกตำแหน่งก่อนปิดตลาด ทั้งคู่จึงเลือก เคียซ่า เข้ามา เพราะความสามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง ต่อให้เป็นเพียงตัวเลือกลำดับสุดท้ายบนแผงแดนหน้า
อีกอย่างคือ อนาคตของ ซาลาห์ เมื่อปีที่แล้วยังไม่ชัดเจน เพราะเข้าสู่ช่วงปีสุดท้ายของสัญญา ดังนั้นการทุ่มเงินมหาศาลเพื่อหาตัวแทนเพื่อนั่งรอโอกาสต่อจาก ซาลาห์ ทั้งฤดูกาลก็ดูไม่สมเหตุสมผล และอีกทางเลือกคือเก็บ เบน โด๊ค เป็นแบ็กอัป แต่สโมสรตัดสินใจปล่อยปีกสกอตช์ ให้ มิดเดิลสโบรส์ ยืมตัวไปใช้งาน
และด้วยความที่เป็นหนึ่งในความแปลกประหลาดของวงการฟุตบอล เพราะอาจจะกลายเป็นว่า หาก เคียซ่า ไม่มีอาการบาดเจ็บอีก ลิเวอร์พูล อาจได้กำไรถ้าตัดสินใจขายในซัมเมอร์นี้
...
การย้ายกลับไปเล่นใน กัลโช่ เซเรีย อา ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แม้ทางเลือกจะจำกัด ทั้ง ฟิออเรนติน่า และ ยูเวนตุส ไม่สนใจดึงตัวกลับแน่ ส่วน โรม่า ก็กำลังพิจารณาการหาผู้จัดการทีม เพราะ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ที่เข้ามาคุมในเดือนพฤศจิกายน มีสัญญาแค่จบฤดูกาล
เอซี มิลาน ก็มีความไม่แน่นอนในโครงสร้างสโมสร ตัวเลือกที่ดูเหมาะสมที่สุดคือ นาโปลี ที่มี อันโตนิโอ คอนเต้ คุมทัพ ซึ่งใช้ระบบ 4-3-3 เหมาะกับสไตล์ของ เคียซ่า และทีมก็กำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในซัมเมอร์นี้เช่นกัน
หลายสโมสรอาจยื่นข้อเสนอแบบยืมตัวในช่วงเปิดตลาด แต่ ลิเวอร์พูล ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนตัดสินใจ เพราะพวกเขากำลังเข้าสู่ขั้นตอนสร้างทีมระยะยาวต่อไป
เคียซ่า ที่ไม่มีแม้แต่ชื่อบนม้านั่งสำรองในเกมที่พบกับ อาร์เซน่อล เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และหากเขายังไม่มีส่วนร่วมในเกมเยือน ไบรท์ตัน วันจันทร์นี้ ก็น่าจะชัดเจนแล้วว่าอนาคตที่ ลิเวอร์พูล เริ่มจะหมดลง
อย่างไรก็ตาม กระแสเรียกร้องให้ใช้งาน เคียซ่า ก็ยังไม่หายไป เขาเป็นนักเตะที่เล่นได้หลายตำแหน่งในแนวรุก มีประสบการณ์ระดับทีมชาติอิตาลีถึง 51 นัด และยิ่งถูกดร็อปนานเท่าไร เสียงเรียกร้องจากแฟนบอลก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
แม้การตัดสินความคิดเห็นแฟนบอลจากคอมเมนต์ในโซเชียลมีเดียจะไม่ใช่เรื่องที่ควรยึดถือมากนัก แต่อารมณ์ร่วมของแฟน ๆ ก็สะท้อนออกมาชัดเจนกับกรณีของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ แอนฟิลด์ ล่าสุด
หลายคนประหลาดใจที่ เคียซ่า ไม่ได้รับโอกาสทั้งที่ ลิเวอร์พูล ก็คว้าแชมป์ไปแล้ว
เพลงเชียร์ที่แต่งขึ้นตั้งแต่ต้นฤดูกาลยังกลับมาเป็นกระแสอีกครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
“Can you hear them crying in Turin?, Federico, oh he’s here to win,”
“One chat with Arne Slot and he said, ‘Ciao. F*** off, Juve, I’m a Kopite now’.”
จากทำนองเพลง Sway โดย Dean Martin
มันแสดงถึงความผูกพันของแฟนบอลที่มีต่อแข้งจาก เจนัว รายนี้ หลายคนยังอยากเห็น เคียซ่า คนเดิมที่เคยเปล่งประกายในยูโร 2020
แต่ความรักจากแฟนบอลก็ยังไม่อาจเปลี่ยนใจ อาร์เน่อ ได้ เขายังเลือก นูนเญซ, ดิโอโก้ โชต้า และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เป็นตัวสำรองในแนวรุก รองจาก ซาลาห์, โคดี้ กัคโป และ หลุยส์ ดิอาซ
เวลาลงเล่นของ เคียซ่า จึงถูกจำกัด โดยเฉพาะจากการที่ ซาลาห์ ยังฟิตสมบูรณ์ตลอดฤดูกาล
ดาวเตะอียิปต์ ลงเล่นครบทั้ง 36 นัด ยิงได้ 28 ประตู กับอีก 18 แอสซิสต์ โดยเหลืออีกแค่ 2 นัดในลีกเท่านั้น และเขาเองก็คงอยากลงเล่นทุกนาทีที่เหลือ
ตอกย้ำด้วยสิ่งที่ อาร์เน่อ ให้สัมภาษณ์ เมื่อเขาอธิบายว่า เพราะอะไร เคียซ่า ถึงไม่ได้ลงเล่น
เคียซ่า ไม่สามารถเบียดพื้นที่แนวรุกได้ ฝั่งขวามี ซาลาห์ ส่วนฝั่งซ้ายก็มี กัคโป กับ หลุยส์ ดิอาซ
แต่สิ่งที่เฮดโค้ชดัตช์ ยืนยันคือ เคียซ่า ดีพอจะเล่นให้ ลิเวอร์พูล เพียงแต่การจะยึดตำแหน่งจากสามคนนั้น มันยากจริง ๆ
แม้อีกไม่นานเขาจะได้ร่วมฉลองแชมป์กับเพื่อนร่วมทีมบนรถบัสแห่แชมป์ของ ลิเวอร์พูล แต่หลังจากปีแรกใน อังกฤษ ผ่านพ้นไป ก็ดูเหมือนว่าเขาอาจจะต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในเร็ววันนี้
เพราะเวลาของ เคียซ่า กับ ลิเวอร์พูล ใกล้หมดลงเต็มที
#HOSSALONSO