ลิเวอร์พูลเดินหน้าเจรจาเอเยนต์ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเยอรมัน หวังปาดหน้าคู่แข่งอย่างแมนฯ ซิตี้, บาเยิร์น และเรอัล มาดริด ในดีลสะเทือนตลาดค่าตัวกว่า 150 ล้านยูโร
หงส์จะเอาจริงมั้ย? เวียร์ตซ์เปิดช่อง ลิเวอร์พูลพร้อมชนแมนซิตี้-บาเยิร์น
ชื่อของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ กำลังร้อนแรงที่สุดในตลาดนักเตะยุโรปเวลานี้ หลังดาวเตะวัย 22 ปีจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เปิดทางย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์
โดยมี ลิเวอร์พูล เป็นหนึ่งในสโมสรที่เริ่มเดินเกมติดต่ออย่างเงียบ ๆ
จากรายงานของ เดวิด ออร์นสตีน เหยี่ยวข่าวเทียร์ 1 แห่ง The Athletic ยืนยันว่า ลิเวอร์พูล เริ่มต้นพูดคุยกับเอเยนต์ของเวียร์ตซ์แล้ว
เงื่อนไขสำคัญคือ นักเตะต้องยินดีเปิดตัวเองสู่เวทีพรีเมียร์ลีก
ดีลนี้เอาจริง หรือแค่จับตา?
ลิเวอร์พูล ชื่นชมฝีเท้าของเวียร์ตซ์มานาน
และในช่วงที่อนาคตของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังไม่แน่นอน
โดยเฉพาะกรณีอาจย้ายฟรีไปร่วมทีม เรอัล มาดริด
ทำให้ “หงส์แดง” ต้องวางแผนใหม่ทั้งฝั่งแบ็กขวา (เล็ง เจเรมี่ ฟริมปง)
และตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวปั้นเกมที่อาจกลายเป็นบทบาทของ เวียร์ตซ์
แมนซิตี้ - บาเยิร์น ขยับก่อน
ในขณะที่ลิเวอร์พูลเริ่มเดินเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือทีมที่รุกหนักที่สุดเวลานี้
รายงานจากสื่อเยอรมัน Bild ระบุว่า "เรือใบสีฟ้า" ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการ
โดยมีเป้าหมายให้เวียร์ตซ์เป็นตัวแทนระยะยาวของ เควิน เดอ บรอยน์
ขณะเดียวกัน บาเยิร์น มิวนิค ก็ไม่ยอมตกขบวน
ด้วยความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่าง เวียร์ตซ์ กับ จามาล มูเซียล่า
แต่เลเวอร์คูเซ่นไม่ต้องการขายให้คู่แข่งร่วมลีก และตั้งค่าตัวไว้สูงถึง 150 ล้านยูโร
ตัวเลขที่สโมสรในพรีเมียร์ลีกพร้อมจ่ายมากกว่าใคร
เวียร์ตซ์: หัวใจในยุคทองของเลเวอร์คูเซ่น
ฤดูกาล 2023-24 คือปีที่เวียร์ตซ์กลายเป็น “ของจริง” ทำไปแล้ว 10 ประตู 12 แอสซิสต์ในบุนเดสลีกา และเป็นแกนหลักในทีมของ ชาบี อลอนโซ่ ที่พา “ห้างขายยา”คว้าแชมป์ลีกแบบ ไร้พ่าย พร้อมทะลุเข้าชิงยูโรปาลีกกับอตาลันต้า
แม้เจ้าตัวจะมีสัญญายาวถึงปี 2027 แต่ความเนื้อหอมในตลาดครั้งนี้ ทำให้เวียร์ตซ์กลายเป็นเป้าหมายร่วมของ ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, บาเยิร์น มิวนิค และเรอัล มาดริด
คำตอบสุดท้าย...อยู่ที่เวียร์ตซ์
จะเลือกไปพรีเมียร์ลีก หรืออยู่ในบ้านเกิด
จะร่วมงานกับกุนซือคนใหม่ของหงส์ หรือย้ายซบทีมลุ้นแชมป์ยุโรปทันทีอย่างแมนฯ ซิตี้
หรือเขาจะเลือกชะตาใหม่ที่เบอร์นาเบว?
ดีลนี้ไม่ใช่แค่เกมซื้อขาย แต่มันคือ ศึกแย่งเพลย์เมกเกอร์เบอร์หนึ่งของยุค