ลิเวอร์พูล กำลังพิจารณาคว้าตัว เจเรมี่ ฟริมปง โดยแข้งดัตช์รายนี้ถือเป็นผู้เล่นตำแหน่งแบ็กขวาที่เนื้อหอมที่สุดในยุโรป ณ เวลานี้
ผลงานในฤดูกาล 2023/24 คือ 14 ประตู กับ 12 แอสซิสต์ จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 47 นัด ซึ่งเป็นปีที่เขามีบทบาทสำคัญในการพา เลเวอร์คูเซ่น คว้าแชมป์บุนเดสลีกา แบบไร้พ่าย
แม้ ฟริมปง เพิ่งขยายสัญญาออกไปจนถึงปี 2028 เมื่อปีก่อน แต่กระแสข่าวชี้ว่าเจ้าตัวอาจย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยมีค่าฉีกสัญญาราว 35 ล้านยูโร (ประมาณ 29.6 ล้านปอนด์) ซึ่งถือว่าถูกและดำเนินการได้ไม่ยาก นี่แหละคือสิ่งที่ดึงดูดความสนใจแก่ ลิเวอร์พูล เอามาก ๆ
อีกหนึ่งจุดสำคัญที่น่าสนใจคือโควตา "โฮมโกรว์น" ตามกฎของ ยูฟ่า
ฟริมปง เคยใช้เวลาถึง 9 ปีอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ทำให้ผ่านเกณฑ์ของผู้เล่นโฮมโกรว์น ซึ่งกำหนดให้ต้องลงทะเบียนกับสโมสรใน อังกฤษ หรือ วลส์ เป็นเวลา 3 ฤดูกาล (หรือ 3 ปี) ก่อนอายุครบ 21 ปี ทั้งนี้ พรีเมียร์ลีก กำหนดให้สโมสรมีผู้เล่นโฮมโกรว์นอย่างน้อย 8 คนในทีม 25 คน
ขณะเดียวกัน ฟริมปง เองมีความสนใจที่จะย้ายมาค้าแข้งที่ แอนฟิลด์ และในเรื่องของเงื่อนไขส่วนตัวก็ไม่น่าจะเป็นอุปสรรค เนื่องจากเขาสนิทสนมกับ ไรอัน กราเฟนแบร์ก และรู้จัก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ โคดี้ กัคโป จากการร่วมแคมป์ทีมชาติเนเธอร์แลนด์
ทั้งตัวนักเตะและต้นสังกัด เลเวอร์คูเซ่น ต่างต้องการความชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตโดยเร็ว ลิเวอร์พูล จึงต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบว่าจะเดินหน้าคว้าตัวหรือไม่ และถ้าสน จะยื่นข้อเสนอมาเมื่อใด
แม้ว่า ฟริมปง จะอยู่ในลิสต์ที่ ลิเวอร์พูล ให้ความสนใจ แต่การมองหาแบ็กซ้ายคนใหม่ก็ถือเป็นเรื่องที่มีลำดับความสำคัญสูงกว่าในตอนนี้ แม้ยังมี แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ คอสตาส ซิมิกาส เป็นตัวเลือกหลัก ทว่าพวกเขายังคงต้องการเสริมแกร่งตรงตำแหน่งนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้ ซิมิกาส ย้ายออกไป โดยมี มิลอช เคอร์เคซ เป็นหนึ่งในเป้าหมาย แต่เป้าหมายก็ไม่ได้มีแค่แบ็กซ้ายฮังกาเรียน แค่คนเดียว
สำหรับตำแหน่งแบ็กขวาในฤดูกาลหน้า คาดว่า คอนเนอร์ แบร็ดลี่ย์ จะได้รับโอกาสเป็นตัวหลัก โดยมี โจ โกเมซ และ จาเรลล์ ควอนซาห์ เป็นตัวสำรอง
การคว้าตัว ฟริมปง นั้นสอดคล้องกับแนวทางการเสริมทัพของ ลิเวอร์พูล ในหลาย ๆ ด้าน
ทั้งเรื่องอายุที่อยู่ในวัย 24 ปี ที่ถือเป็นช่วงเริ่มต้นของจุดพีคอาชีพนักฟุตบอล และยังมีเวลาในการพัฒนาอีกมาก
เรื่องประสบการณ์ก็หายห่วง เคยพาทีมที่คว้าแชมป์และผ่านเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว
ส่วนมูลค่าฉีกสัญญาที่ระบุตัวเลขชัดเจนและไม่ได้เป็นเงินที่สูงมากนัก เป็นสิ่งที่ ลิเวอร์พูล ให้ความสำคัญในการหาช่องทางการตลาด เช่นเดียวกับกรณีของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์
ลิเวอร์พูล มีผู้เล่นโฮมโกรว์น 7 คนในฤดูกาลที่แล้ว และนักเตะอย่าง แบร็ดลี่ย์, ควอนซาห์ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ จะเข้าเกณฑ์ในฤดูกาลนี้
ขณะที่ ฟริมปง ก็สามารถเข้ามาทดแทน เทรนต์ ได้ในแง่ของโควตาโฮมโกรว์นเช่นกัน
ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล มีโควตาผู้เล่นนอกกลุ่มโฮมโกรว์นเหลือเพียงตำแหน่งเดียว แต่หากมีการปล่อยผู้เล่นอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ออกไป ก็จะเปิดพื้นที่สำหรับการเสริมทัพโดยไม่ต้องจำกัดเฉพาะผู้เล่นโฮมโกรว์น
ลักษณะการเล่นของ เจเรมี่ ฟริมปง
นับตั้งแต่ย้ายออกจาก เซลติก ตอนปี 2021 เขากลายเป็นกำลังหลักของ เลเวอร์คูเซ่น โดยเฉพาะหลังการเข้ามาของ ชาบี อลอนโซ่ ในปี 2022 ที่ใช้งานในบทบาทที่เหมาะสมจนสร้างจุดเด่นเรื่องเติมเกมรุกเต็มที่
แม้จะถูกวางตัวเป็นแบ็กขวาเป็นหลัก แต่ความหลากหลายในการเล่นของ ฟริมปง ถือเป็นนักเตะที่น่าใช้งานสำหรับเฮดโค้ชอาร์เน่อ โดยเฉพาะกับระบบที่ต้องการความยืดหยุ่น
เขาสามารถเล่นได้ทั้งวิงแบ็ก, ปีกขวา หรือแม้แต่กองกลางตัวรุกที่มีความคล่องแคล่วสูง
จุดเด่นที่สุดของ ฟริมปง คือความเร็ว ซึ่งทำให้แนวรับฝ่ายตรงข้ามรับมือได้ยาก เขามีจังหวะและการยืนตำแหน่งในเกมรุกที่ดี
แม้จะไม่ใช่ผู้เล่นที่มีทักษะการจ่ายบอลยาวเปลี่ยนแกนเหมือน เทรนต์ แต่จุดแข็งคือการพาบอลพุ่งไปข้างหน้าแบบเส้นตรง เพื่อดึงแนวรับให้เปิดช่อง และมักจะเติมเข้าเขตโทษได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อได้เล่นในตำแหน่งที่สูงขึ้น ฟริมปง ก็สามารถพัฒนาเรื่องการเปิดบอลสุดท้ายได้ดีขึ้น และสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมอย่างสม่ำเสมอ
ความเร็วเป็นคุณสมบัติที่ยังขาดอยู่ในขุมกำลังของ ลิเวอร์พูล เวลานี้ และการมี ฟริมปง จะสามารถใช้เป็นอาวุธสร้างโอกาสทำประตูได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านเกมรับมีการพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้ระบบของ อลอนโซ่ ที่ระบบหลัง 3 โดยวิงแบ็กต้องรับผิดชอบพื้นที่กว้าง ฟริมปง สามารถใช้ความเร็วในการเข้าสกัดและเล่นเกมรับได้มากขึ้น
เขาไม่ได้เป็นเพียงผู้เล่นเกมรุกที่ใช้ความเร็ววิ่งไล่บอลเท่านั้น แต่มีความพยายามในการศึกษาการเล่นเกมรับและพัฒนาอย่างจริงจัง
การปรับตัวเข้ากับระบบทีม
การเซ็นสัญญากับ ฟริมปง ไม่ได้หมายความว่า ลิเวอร์พูล จะเปลี่ยนบทบาทแบ็กขวาจากเกมรับมาเป็นเกมรุกแบบหน้ามือเป็นหลังมือไปเลย
เพราะมันมีประเด็นแทคติกที่ต้องพิจารณา เนื่องจาก ลิเวอร์พูล มักใช้ฟูลแบ็กในตำแหน่งต่ำตอนเซตเกมรุก ซึ่งแตกต่างจากบทบาทของ ฟริมปง ที่ เลเวอร์คูเซ่น
ตัวอย่างการแอสซิสต์ของเขาส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ทางขวา ซึ่งเป็นพื้นที่ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์
หากให้ ฟริมปง เติมเกมสูงขึ้น อาจส่งผลให้ ซาลาห์ ต้องขยับเข้ากลางมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นความเสี่ยง แต่ก็อาจเป็นโอกาสให้แข้งอียิปต์ อยู่ใกล้ปากประตูมากขึ้น
อิบราฮิมา โกนาเต้ มักคอยดูแลพื้นที่ฝั่งขวาเพื่อรองรับฟูลแบ็กที่เติมเกม ส่วน กราเฟนแบร์ก กับบทบาทมิดฟิลด์ด้านขวา ก็ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้เกมรับมากขึ้นในฤดูกาลนี้
ฟริมปง อาจต้องเรียนรู้การยืนตำแหน่งและมีวินัยมากขึ้น แต่เขาเป็นผู้เล่นที่มีทัศนคติดีและพร้อมเรียนรู้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับตำแหน่งนี้
หาก อาร์เน่อ เปิดโอกาสให้เขาเติมเกมได้อิสระมากขึ้น ก็อาจต้องทำให้แดนกลางของทีมถอยลงต่ำเพื่อสร้างสมดุลมากขึ้นเล็กน้อย
ทั้งนี้ อาร์เน่อ แสดงให้เห็นมาแล้วว่าตัวเองสามารถรับมือกับจุดอ่อนในเกมรับได้
เขาทำให้ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่เหนียวแน่นมากขึ้น
ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะคิดว่าการนำผู้เล่นอย่าง ฟริมปง เข้ามา จะเป็นการถอยหลังทางแทคติกแต่อย่างใด
#HOSSALONSO