ราล์ฟ รังนิค อดีตกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วิจารณ์ทีมเก่าว่าผลงานถอยหลังทั้งที่ทุ่มงบเสริมทัพกว่า 700 ล้านปอนด์ นับตั้งแต่ตนลาออก ชี้ยูโรปา ลีก คือโอกาสสุดท้ายของ “ผีแดง” ในการเซฟฤดูกาลและคว้าตั๋วไปแชมเปี้ยนส์ ลีก
ราล์ฟ รังนิค อดีตผู้จัดการทีมชั่วคราว "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกโรงวิจารณ์พัฒนการของทัพ "ปีศาจแดง" ว่าย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิมทั้งๆ ที่ใช้เงินมหาศาลในการเสริมทัพ หลังจากที่ตนอำลาถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อปี 2022
แมนยู เพิ่งสร้างผลงานอย่างโดดเด่นด้วยการบุกไล่ต้อน แอธเลติก บิลเบา ซึ่งเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนตั้งแต่ครึ่งแรก ด้วยสกอร์ 3-0 ในศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และทำให้พวกเขามีโอกาสสูงมากที่จะได้ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ รายการนี้
ผลงานของ "ผีแดง" บนเวทีฟุตบอลถ้วยใบเล็กยุโรปโดดเด่นสวนทางกับฟอร์มการเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะปัจจุบันพวกเขารั้งอันดับ 14 ในตารางลีก อย่างไรก็ตามถ้าหาก แมนยู สามารถคว้าแชมป์ยูโรปาได้ มันจะเป็นทางลัดให้ทีมได้โควตาไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า
รังนิค ซึ่งเข้ามารับหน้าที่คุมทีมชั่วคราวระหว่างเดือนธันวาคม 2021 ถึงพฤษภาคม 2022 เชื่อว่า แมนยู จำเป็นต้องทำการผ่าตัดทีมครั้งใหญ่อีกครั้ง หลังทุ่มเงินไปมากกว่า 700 ล้านปอนด์ (ราว 30,800 ล้านบาท) นับตั้งแต่ที่ตนอำลาสโมสร แต่ผลงานกลับสาละวันเตี้ยลงอย่างน่าใจหาย
"ท้ายที่สุด พวกเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงพื้นฐานบางอย่าง และหลังจากนั้นก็ทุ่มเงิน 700 หรือไม่ก็ 750 ล้านปอนด์ (ราว 30,800-33,000 ล้านบาท) เพื่อใช้ซื้อนักเตะใหม่ แต่ตารางคะแนนของพวกเขามันย่ำแย่ยิ่งกว่าเมื่อก่อนซะอีก"
"พวกเขาอาจจะคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก ซึ่งก็ช่วยเซฟฤดูกาลนี้ให้กับพวกเขาได้ เพราะนั่นจะทำให้พวกเขาได้เข้าไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนที่เหลือทั้งหมดมันน่าผิดหวังมากๆ และคงเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะได้เห็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น"
"พวกเขาเซ็นโค้ช (รูเบน อโมริม) ช่วงกลางซีซั่นซึ่งชื่นชอบการเล่นกองหลังสามหรือห้าตัว แต่ขุมกำลังของทีมมีพื้นฐานที่สร้างขึ้นมาเพื่อเล่นระบบหลังสี่ตัว นี่คือสิ่งที่คุณเห็นเมื่อคุณได้ดูพวกเขาเล่น โดยเฉพาะเกมพรีเมียร์ลีกกับคู่ต่อสู้ซึ่งปกติแล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มักจะคว้าชัยชนะได้"
"แน่นอนว่าในยูโรปา ลีก พวกเขาพลิกสถานการณ์กลับมาได้เสมอ โดยเฉพาะตอนที่เจอกับ (โอลิมปิก) ลียง ซึ่งพวกเขาเกือบตกรอบ และแน่นอนว่าสนาม (โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด) มีผลอย่างยิ่ง" รังนิค ร่ายยาว