ลิเวอร์พูล สู้ แมนซิตี้ สนุก ใช้โอกาสเปลืองจนต้องแบ่งแต้ม

แต้มเดียวจากเกมที่สนุกของหงส์และเรือใบ

บิ๊กแมตช์นัดสำคัญระหว่างสองทีมลุ้นแชมป์จบลงด้วย...การแบ่งแต้มอย่างสนุก

มีคำถามสำคัญหลังเกมคือว่า...

ผลแข่งนัดนี้คือการตัดสินแชมป์หรือไม่

ก่อนไปตอบคำถามนี้....ว่ากันถึงเบื้องลึกที่เกิดขึ้นก่อน

1. เป๊ป มั่นใจจัดตัวรุกมาเต็ม

นัดแรกเมื่อ 25 พ.ย. เสมอ 1-1 เป็นเกมที่เรือใบเหนือกว่าทุกสิ่งอย่างแต่เอาชนะไม่ได้ ทั้งเปลืองและพลาด อย่างที่ เป๊ป พูดถูกต้อง ผลเสมอเขาพอใจในมุมแทกติกที่จำกัดให้หงส์แดงยิงเข้ากรอบ 2 ครั้งใน90นาที

เกมนั้นเล่นระบบ 3-2-4-1 ไม่มี เควิน เดอ บรอยน์  เกมนี้ระบบเดิม แต่มี เดอ บรอยน์

นักเตะชุดเสมอกับชุดนี้ต่างกัน 2 ตำแหน่ง ทีมชุดเยือนแอนฟิลด์ ไม่มี รูเบน ดิอาส ซึ่ง เป๊ป บอกว่าทีมเขามีเซนเตอร์ให้เลือกใช้เยอะ นัดนี้จึงให้สำรอง ส่วนอีกคนคือ โดกู นัดนี้สำรอง นอกนั้น 9 คน ชุดเดิม บวก เดอ บรอยน์ และ จอห์น สโตน เท่านั้น

เอแดร์ซอน กับ 3 เซนเตอร์ ; วอล์คเกอร์-อาคานยี- อาเก้

2 มิดฟิลด์ ; โรดรี้- สโตน

4 กลางรุก ; โฟเด้น-เดอ บรอยน์-บ.ซิลวา-อัลบาเรส

1 หน้าเป้า ; ฮาลันด์

กลางรุกนั้นในสนามการยืนเชปตัวข้างคือ 

2. คล็อปป์เชื่อมั่น ควอนซาห์,แบรดลีย์

ก่อนแข่งทุกคนคิดว่า เจเค น่าจะเลือกตัวประสบการณ์ อย่าง โกเมซ ควรเล่นเซนเตอร์กับ ฟานไดจ์ กรณีที่ โกนาเต้ ไม่พร้อม แบ๊กซ้าย ร็อบโบ้ ลง แต่ คล็อปป์ ใช้นักเตะที่เล่นกันประจำ เคลเลเฮอร์, แบรดลีย์, ควอนซาห์, ฟานไดจ์ และ โกเมส เล่นแบ๊กซ้าย แทน ร็อบโบ้

มิดฟิลด์สามคน เอนโด, แม็คก้า และ โซโบ (นัดที่เสมอ แม็คก้า เบอร์หก, โซโบและ โจนส์) 

หน้าสามคน เอลเลียตต์, ดาร์วิน นูนเญซ, ดิอาส (นัดที่เสมอกัน ซาลาห์  ดาร์วิน และ โชต้า)

ตัวนัดนี้ของหงส์ต่างจากนัดเสมอ7 คน ไม่มี เบคเกอร์, เทรนต์, มาติป, ซิมิกาส, โจนส์, ซาลาห์ และ โชต้า 

สตีฟ แม็คมานามาน วิเคราะห์ก่อนเกมว่า "เซอร์ไพรส์" เขาไม่คิดว่า จะจัด ควอนซาห์ ลง และคิดว่า โม ซาลาห์ น่าจะลงสนาม

3. ครึ่งแรกเกมเป็นของหงส์ ประตูเป็นของเรือ

10 นาทีแรกเท่านั้นที่หงส์ดูยังตั้งหลักไม่ได้ แต่เวลาผ่านไป เริ่มตั้งหลักไล่เพรสแดนบน ซิตี้ ออกบอลไม่ได้ แดนสองแย่งบอลทำลายเกมได้บ่อย ที่เหลือคือการเข้าแดนสาม เกมกำลังไปได้ดี แต่....ดันเสียประตูจากลูกเตะมุม

จังหวะนั้น อาเก้ กัน แม็คก้า เพื่อเปิดทางเสาแรกให้โล่ง จากนั้น เดอ บรอยน์ เปิดเข้าหาเสาแรก สโตน วิ่งเข้าที่ว่างนั้นแล้วแป ติดมือ เคลละเฮอร์ เข้าไป น.23 เรือใบชิงจังหวะนำก่อน

เป๊ป ชี้ไปที่ คาร์ลอส วินเซนต์ โค้ชเตะมุม ซิตี้ กับลูกสูตรนี้

จังหวะเสียประตูจากลูกเตะมุม นั้นแม็คก้า เสียเหลี่ยม อาเก้ ส่วน ดาร์วิน  ตัวประกบไม่ตามสโตน แถมยืนเสียเปรียบ คือ 2 คนหงส์ อยู่ตำแหน่งเสียเปรียบ คู่แข่ง

สโตน ยิงประตูแรกในซีซั่นนี้ 

4. คล็อปป์ ชวนเล่นบอลสอง

เจเค แก้เพรสซิ่งของ แมนฯ ซิตี้ ด้วยการบิลด์ อัพ เพื่อให้ เคลเลเฮอร์ ออกบอลไปข้างหน้า ให้ ดาร์วิน หรือไม่ก็หลังไลน์  เพื่อชิงจังหวะกับ อาคานยี หากแย่งโหม่งไม่ได้รอบอลสองเล่นต่อ หรือ ฟานไดจ์ วางบอลออกปีก  ซึ่งบอลจังหวะแบบนี้ ซิตี้  ชิงเล่นบอลสองไม่ค่อยได้มากนัก  เป็นหงส์คุมจังหวะการเล่นได้หมด เพียงแต่การเล่นแดนสามยังไม่ละเอียดพอ

ขณะที่ ซิตี้ ยิ่งเล่นยิ่งแผ่ว รอหงส์ส่งบอลพลาด แล้วโจมตี เปลี่ยนทรานสิชั่นเท่านั้นจนหมดครึ่งแรก

5. อาเก้ พลาดเอง

ครึ่งหลังเขี่ยบอลมา 1.26 นาที อาเก้ ส่งบอลคืนให้ เอแดร์ซอน น้ำหนักขาด

ดาร์วิน เร็วกว่า ถึงบอลก่อนโดนเตะร่วง เป็นจุดโทษ ...แม็คก้า ยิงเข้าไป 1-1

จากนั้น เอแดรซอน เจ็บต้องเปลี่ยน ออร์เตกา มือสองลงมาแทน 

6. ดิอาส และการใช้ โอกาสเปลือง

เกมเป็นของหงส์แดงอย่างสิ้นเชิง ไม่บ่อยที่ ซิตี้ จะเป็นรองเรื่องเกมการเล่น แถม คล็อปป์ ปล่อย โม ซาลาห์ ลงอีก... ปรับ เอา แบรดลีย์ ออก ร็อบโบ้ แทน โยก โกเมส มาเล่น แบ็กขวา

ดิอาส เดี่ยวๆ 2 ครั้ง

ดาร์วิน ชาร์ตโล่งๆ ติดเซฟ ออร์เตกา 

อย่างไรก็ตาม.... โม เกมนี้ ดูติดขัดไปหมด เข้าใจว่า "ฟิตเนส" ยังไม่เข้าที่ 

ส่วนที่ดูด้อยกว่าเพื่อนคือ โกดี กัคโป

นอกจากเสียบอลบ่อยแล้ว ยังไม่มีส่วนร่วมอะไรมาก

เหมือนตอน ดาร์วิน นูนเญซ อยู่ในสนาม

7. ซิตี้ ก็ลงโทษหงส์ไม่ได้

การใช้โอกาสเปลืองของหงส์เกือบโดนลงโทษ จาก โฟเด้น เดี่ยวติดเซฟ เคลเลเฮอร์ และ บอลชนเสาจากการยิงของ โดกู กระดอนกลับมาเข้ามือ เคลเลเฮอร์ ซึ่งเป็นจังหวะเล่นบอลพลาดของลิเวอร์พูล แล้วโดนสวนกลับมา  การมี โดกู ลงมาโจมตี ทำให้พวกเขามีโอกาสลุ้นได้เลย

8. จุดโทษมั้ย

โดกู เตะ ยอดอก แม็คก้า จุดโทษหรือเปล่า.....ผมคิดว่ามันอยู่ที่ดุลยพินิจนะครับ

ให้ได้มั้ยก็ให้ได้ แม้ว่า โดกู ตามองบอล วิ่งเข้าหาพร้อมกัน แต่เขาเตะยอดอก แม็คก้า

โดกู ยกเท้าสูง!!! 

ยกเท้าสูงคือ ฟาวล์ อยู่แล้วจังหวะแบบนี้

เพียงแต่มันคือเกมใหญ่ วินาทีสุดท้ายของเกมอีก ทีมผู้ตัดสินให้ยากอยู่บอกเลย ซึ่งหลังจบเกม คล็อปป์ ไปคุยกับ โอลิเวอร์ ว่า ควรเป็นจุดโทษ แต่เขาเองก็เข้าใจผู้ตัดสินว่า... 

"สถานการณ์แบบนี้ ให้ยาก"

อย่างไรก็ตาม....

นี่คือเกมที่ต้องยอมรับว่าลิเวอร์พูล เล่นได้ดีที่สุดในซีซั่นนี้ครับ

หมายถึงแท็กติกJK...เกมการเล่น...เพื่อลดประสิทธิภาพซิตี้ลง

เราไม่ค่อยเห็น แมนฯซิตี้ อ่อนแรงในการเพรส และเล่นรอจังหวะหงส์แดงพลาด

อีกทั้งการสร้างโอกาสแดนสามของหงส์แดงทำได้ดี แต่ไม่ดีพอที่จะยิงให้เข้า 

แน่นอน...เมื่อเรายกให้แมนฯซิตี้ คือทีมที่มาตรฐานเหนือกว่า การเล่นเกมนัดนี้ของลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นว่าพวกเขาทำได้ดีจริง เพียงแต่ยังไม่ดีพอที่จะชนะเท่านั้นเอง

อย่างที่จั่วหัวเอาไว้...ผลแข่งนัดนี้มีผลมั้ยในการตัดสินแชมป์

ผมยังยืนยันว่าต่อให้ มีผลแพ้ชนะ ก็ไม่ได้ตัดสินแชมป์อะไร เพราะลุ้นแชมป์กัน 3 ทีม ไม่ใช่แค่สองทีมนี้

เพียงแต่....สิ่งที่ผมติดค้างในสามสี่เดือนแรกกับฟอร์มลิเวอร์พูล ที่ยังสงสัยอยู่นั้น

เกมเล่นกับแมนฯซิตี้ นัดนี้เฉลยให้รู้แล้วว่า....

ลิเวอร์พูลเองก็พร้อมที่จะเป็นแชมป์ได้

ไม่ใช่จากความรู้สึก

มาจาก การติดตามเกมการเล่นเชิงแทกติกตลอด 7 เดือน....

แล้วมาแสดงออกในนัดสู้กับแมนฯซิตี้ ได้ดีจริงๆ

นอกเหนือจาก....นักเตะแล้ว

เจอร์เก้น คล็อปป์ วางเกมแพลนมาจนลดความเก่งของแมนฯซิตี้ ลงได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนจะบอก เป๊ป กวาร์ดิโอล่าว่า...

การวัดกึ๊นระหว่างผมกับคุณเกมสุดท้ายในพรีเมียร์ลีก

ยังไงผมก็ไม่จบเกมด้วยความพ่ายแพ้คุณต่อหน้าเดอะ ค็อป ในแอนฟิลด์ 

แถมยังวางแผนการเล่นจนเล่นเกือบชนะคุณได้อีกต่างหาก

บทสรุป แบ่งแต้ม ยุติธรรม จากโอกาสที่สร้างสองทีม

แง่แทกติก คล็อปป์ ชนะ เป๊ป ขาดเกมนี้ 

JACKIE


ที่มาของภาพ : Siamsport
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport