อาถรรพ์! โรงละครแห่งฝันร้ายของ คอนเต้

เกมใหญ่ของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในช่วงกลางสัปดาห์นี้ จบลงด้วยเสียงกู่ร้องยินดีของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากที่พวกเขาเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไปได้ 2-0

ทั้งนี้ ก่อนที่เกมจะเริ่มขึ้นนั้นหลายคนเชื่อว่านี่จะเป็นเกมที่ขับเคี่ยวกันอย่างสูสี แถมบางรายถึงขั้นยกให้ สเปอร์ส มีภาษีดีกว่านิดๆ ด้วย จากการที่ฟอร์มดูคงเส้นคงวามากกว่า แต่กลับกลายเป็นว่า "ไก่เดือยทอง" ต้องกลับกรุงลอนดอนแบบมือเปล่า

นอกจากนี่จะทำให้ สเปอร์ส แพ้ในลีกเป็นนัดที่ 2 ของฤดูกาลนี้แล้วนั้น มันยังทำให้ คอนเต้ ล้างอาถรรพ์ไม่สำเร็จด้วย เพราะเท่ากับว่าในฐานะกุนซือเขาเคยมาเหยียบ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 4 ครั้ง และต้องเป็นฝ่ายแพ้ทั้งหมด ซึ่งตลอดอาชีพการคุมทีมของเขานั้น เจ้าตัวก็ไม่เคยแพ้ให้กับทีมไหนในเกมเยือนมากเท่านี้เลย และวันนี้เราจะมาย้อนดู 3 เกมก่อนหน้านี้สักหน่อย

- 12 มีนาคม 2022

เชื่อว่าหลายคนยังจำกันได้ดี เพราะวันนั้น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ระเบิดฟอร์มโหดด้วยการทำแฮตทริกได้ โดยเกมนั้น สเปอร์ส ต้องเป็นฝ่ายตามตีเสมอทั้ง 2 ครั้ง แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นฝ่ายปราชัย

ทั้งนี้ สถานการณ์ในเกมนั้นก็คล้ายกับของนัดล่าสุด เพราะก่อนลงเล่นนัดดังกล่าว สเปอร์ส กำลังฟอร์มร้อนแรงด้วยการชนะในลีก 2 นัดติด พร้อมทำได้ถึง 9 ลูกและไม่เสียประตูเลยด้วย (ชนะ ลีดส์ 4-0 และถล่ม เอฟเวอร์ตัน 5-0) สวนทางกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เสมอ วัตฟอร์ด 0-0 และแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มา 1-4 แต่สุดท้ายก็เป็นทีมดังของเมืองแมนเชสเตอร์ที่ได้รับชัยชนะในครั้งนั้น

- 25 กุมภาพันธ์ 2018

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในตอนที่ คอนเต้ ยังเป็นผู้จัดการทีม เชลซี อยู่ โดยก่อนลงเล่นนัดนั้นทีมของ คอนเต้ เพิ่งกลับมาสะกดคำว่าชนะเป็นจากการไล่ต้อน เวสต์บรอมฯ 3-0 ภายหลังเกมลีก 2 นัดก่อนหน้านั้นแพ้ บอร์นมัธ กับ วัตฟอร์ด แบบเละเทะด้วยสกอร์ 0-3 กับ 1-4 ตามลำดับ

ทางฝั่งเจ้าถิ่นเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน เพราะเกมลีกก่อนหน้าที่จะถึงเกมนั้นพวกเขาแพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-1 จนทำให้แพ้ในลีกถึง 2 จาก 3 เกมหลังสุด ซึ่งที่จริงในการศึกที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ของวันดังกล่าว เชลซี ขึ้นนำก่อนด้วยจาก วิลเลี่ยน ในนาทีที่ 32 แต่ทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็แซงชนะได้จากประตูของ โรเมลู ลูกากู ในนาทีที่ 39 กับ เจสซี่ ลินการ์ด ในนาทีที่ 75

- 16 เมษายน 2017

แทบทุกคนฟันธงว่าวันนั้น เชลซี จะเก็บ 3 คะแนนเต็มได้แน่นอน เพราะผลงานของทั้ง 2 ทีมต่างกันสุดกู่ โดยผู้มาเยือนเป็นทั้งจ่าฝูงของตารางคะแนนแถมซิวชัยในลีกมาได้ 2 นัดติด ขณะที่เจ้าถิ่นเก็บได้เพียง 5 แต้มจาก 3 นัดก่อนหน้านั้น และแช่อยู่ที่ 5 ของตารางคะแนนอีกต่างหาก

อย่างไรก็ตาม วันนั้นทีมของ มูรินโญ่ ทำผลงานที่พลิกความคาดหมายได้จนชนะไป 2-0 โดยพวกเขาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 7 จาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ก่อนที่ อันเดร์ เอร์เรร่า จะทำประตูตอกย้ำชัยชนะในนาทีที่ 49 อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น เชลซี ก็เก็บชัยชนะในลีกอีก 6 นัดที่เหลือได้ทั้งหมดก่อนจะซิวแชมป์ไปเชยชมอยู่ดี


- เด็กเกร็ดบอล -


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : เด็กเกร็ดบอล
เด็กเกร็ดบอล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport