ผู้กอบกู้วิกฤติ! จับตาดูให้ดี ฟีร์มีโน่ ตัวแปรสำคัญเกมเยือน อาร์เซน่อล

ในช่วงเวลาที่ ลิเวอร์พูล กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มตกอย่างน่าใจหาย แต่ดูเหมือนจะมีนักเตะ 1 คนที่ผลงานสวนทางกับสถานการณ์ของทีม นั่นก็คือ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ซึ่งอาจจะเป็นผู้เล่นคีย์แมนในแมตช์ปะทะ อาร์เซน่อล เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคมนี้

สาวก "หงส์แดง" ต้องยอมรับความจริงว่าผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ (ยกเว้นผู้รักษาประตู) นอกจาก หลุยส์ ดิอาซแล้ว ที่เหลือกำลังประสบปัญหาอย่างหนักไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาการบาดเจ็บ หรือฟอร์มที่ต่ำกว่ามาตรฐาน 

ไล่ตั้งแต่เกมรับไปจนถึงเกมรุกแทบจะหาคนที่ฟอร์มโดดเด่นไม่ได้เลย รวมทั้งนักเตะใหม่อย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ก็ยังพึ่งพาไม่ได้ ทำให้หลายคนสงสัยว่า ดาวเตะชาวอุรุกวัย คงลืมฟอร์มเก่งทิ้งเอาไว้ที่เบนฟิก้าแหงๆ !

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือน "บ็อบบี้" จะสวนกระแสกับเพื่อนร่วมทีม เพราะตอนนี้เขาเป็นดาวซัลโวประจำทีมหลังซัดไปแล้ว 5 ประตูจากการลงเล่นเกมลีก 6 แมตช์ในซีซั่นนี้ 

แน่นอนว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ อาจจะเลือกใช้งาน ฟีร์มีโน่ ในเกมที่ต้องเยือนถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในสุดสัปดาห์นี้ เพราะนอกจากฟอร์มที่โดดเด่นของเขาแล้วสถิติส่วนตัวก็มักจะทำได้ดีเวลาที่ปะทะกับ "เดอะ กันเนอร์ส" 

สตาร์ลูกหนังชาวบราซิเลียน ยิงประตูใส่ อาร์เซน่อล ได้มากกว่าการดวลกับสโมสรอื่นๆ ในเกมลีกช่วงระยะเวลา 7 ปีที่เจ้าตัวค้าแข้งอยู่กับยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์

ก่อนหน้านี้ ฟีร์มีโน่ ซึ่งอายุครบ 31 ปีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพิ่งจะเบิ้ลประตูในเกมที่เสมอกับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮล อัลเบี้ยน 3-3 เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว  และคงจะเป็นทีเด็ดสำคัญของ "หงส์แดง" ในยามที่ฟอร์มกำลังตะกุกตะกักแบบนี้

"บ็อบบี้" ถูกคาดหมายว่าจะโดนปล่อยตัวออกไปในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากย้ายมาของ นูนเญซ แต่สถานการณ์กลับตาลปัตรกลายเป็นว่า หัวหอกทีมชาติอุรุกวัยยังไม่สามารถปรับตัวได้ และทำให้ดาวเตะเลือดแซมบ้ายังคงเป็นหลักในแนวรุกของทีมตั้งแต่ต้นซีซั่น

ยิ่งในช่วงที่ นูนเญซ โดนแบนจากการถูกใบแดง ส่วน ดีโอโก้ โชต้า ยังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกายจากอาการบาดเจ็บ นั่นจึงเป็นโอกาสสำคัญของ ฟีร์มีโน่ ในการที่จะพิสูจน์ผลงานของตัวเอง และเขาก็ไม่ทำให้ คล็อปป์ และแฟนบอลต้องผิดหวัง

ขณะที่ดาวซัลโวประจำทีม และเจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำเมื่อซีซั่นที่ผ่านมาอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มโหดกลับคืนมาได้เลย แต่เป็นที่เข้าใจได้ว่าแท็กติกของทีมที่จับ "บังโม" ยืนถ่างออกไปเกือบถึงริมเส้น อาจจะเป็นการลดทอนประสิทธิภาพของเขาลงไป

อย่างไรก็ตามในเกมต้องบุกไปดวลกับจ่าฝูงลีกต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายดายสำหรับ "เดอะ เร้ดส์" ในช่วงที่ฟอร์มติดขัดแบบนี้ แต่กระนั้น ฟีร์มีโน่ อาจจะเป็นนักเตะที่สามารถพลิกสถานการณ์ของทีม เพราะเขาเคยยิงใส่ "ปืนใหญ่" มาแล้วถึง 9 ประตูในเกมลีกที่ทั้งสองทีมพบกัน

ย้อนกลับไปในปี 2017 ลิเวอร์พูล พบกับ อาร์เซน่อล 3 ครั้ง และ ฟีร์มีโน่ ซัดไปสองประตูกับ 1 แอสซิสต์ นำทีมชนะ 2 เสมอ 1  ปีถัดมาในเดือนธันวาคม 2018 เขาซัดแฮตทริกแรกในพรีเมียร์ลีกแมตช์ถลุง "เดอะ กันเนอร์ส" 5-1

จากนั้น ฟีร์มีโน่ ต้องเจอกับปัญหากระสุนฝืดไปบ้างในอีก 4 เกมถัดมาที่ต้องเผชิญหน้ากับ อาร์เซน่อล ในเกมลีก แต่เขาก็กลับมายิงประตูได้อีกในแมตช์ชนะ 2-0 ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อเดือนมีนาคม

นอกจาก ฟีร์มีโน่ ที่มักจะหลอกหลอนทีมของกุนซือมิเกล อาร์เตต้า แล้ว โชต้า ก็เป็นอีกรายที่ทำผลงานได้ดีเวลาที่พบกับพวกเขา โดยสตาร์ชาวโปรตุกีส ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย 6 ประตูในเกมลีกที่พบกับ อาร์เซน่อล  

ความจริงแล้ว โชต้า มีค่าเฉลี่ยในการทำประตูทุกๆ 67 นาทีเวลาที่พบกับ "เดอะ กันเนอร์ส" นั่นถือเป็นอัตราส่วนในการยิงประตูที่ดีกว่านักเตะคนอื่นๆ ในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ยามที่ดวลกับ อาร์เซน่อล โดยลงสนามอย่างน้อย 200 นาทีในการสู้กับพวกเขา 

ขณะที่ อาร์เซน่อล ดูเหมือนจะต้องคำสาปในการเจอกับ ลิเวอร์พูล เพราะทีมชนะแค่เกมเดียวจาก 14 แมตช์หลังสุดในลีก  ดังนั้นนี่จึงเป็นงานที่หนักหนาสาหัสเอาการสำหรับพวกเขาในการรับมือกับ "หงส์แดง"

ส่วนสาวก "เดอะ ค็อป" คงคาดหวังให้ คล็อปป์ ส่ง ฟีร์มีโน่ กับ โชต้า ลงสนามพร้อมกันในแมตช์นี้ เพราะสถิติที่น่ากลัวของทั้งคู่ คงทำให้เกมรุกของทีมอันตรายมากยิ่งขึ้น 

ทอมเม้ง


ที่มาของภาพ : gettyimages.ae
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport