ฮาลันด์-โฟเด้นแฮตทริก! แมนซิตี้ถล่มแมนยูสุดเดือด-มาร์กซิยาลลงมาเบิ้ล

เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ควง ฟิล โฟเด้น ตะบันแฮตทริกพา แมนฯ ซิตี้ กระหน่ำ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแบบสุดมันส์ 6-3 ขณะที่ผีแดงได้สามประตูไล่มาจากลูกยิงสุดสวยของ อันโตนี่ และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ลงมาซัดสองประตู แต่สุดท้ายไล่ไม่ทัน ส่งผลให้ "เรือใบสีฟ้า" มีเพิ่มเป็น 20 แต้มไล่บี้ อาร์เซน่อล จ่าฝูงเหลือแต้มเดียว ส่วน "ปีศาจแดง" ยังอยู่ที่ 6 ของตาราง

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ประจำวันอาทิตย์ที่ 2 ต.ค. 2565 ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ระหว่าง แมนฯ ซิตี้ รองจ่าฝูง พบ แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 6 ของตาราง 

 แมนฯ ซิตี้ ชนะมา 3 เกมติดต่อกันรวมทุกรายการหลังบุกไปถล่มเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-0 ในเกมลีกนัดล่าสุด ทำให้เจ้าบ้านมี 17 แต้มจากการลงสนามไปแล้ว 7 นัดในฤดูกาลนี้ เกมนี้ 11 ตัวจริงยังนำมาโดย เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ ยืนค้ำหอก พร้อมมี เควิน เดอ บรอยน์ คอยทำเกมสนับสนุนตามเดิม 

ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะได้ถึง 5 จาก 6 เกมหลังสุดรวมทุกรายการหลังบุกไปเอาชนะ เชริฟฟ์ 2-0 ในเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม อี นัดล่าสุด ส่วนเกมลีกนัดล่าสุดเปิดบ้านคว้าชัยเหนือ อาร์เซน่อล 3-1 ทำให้ทีมเยือนมี 12 แต้มจากการลงสนามไปแล้ว 6 เกมในฤดูกาลนี้ โดยเกมนี้ เทน ฮาก ส่ง อันโตนี่ ทำเกมรุกทางฝั่งขวา

ครึ่งแรกเปิดฉากมาได้เพียง 3 นาที แมนฯ ซิตี้ เกือบขึ้นนำเร็วจากจังหวะเปิดบอลเข้าเขตโทษของ แจ็ค กรีลิช เลยมาถึง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ได้โหม่งไปติดบล็อกแนวรับ แมนยู ที่เคลียร์ออกมาไม่เข้าไปเข้าทาง เควิน เดอ บรอยน์ ซ้ำจ่อๆแต่ไปติดเซฟของ เด เคอา 

หลังจากนั้น แมนซิตี้ บุกใส่อย่างหนัก จนกระทั่งนาทีที่ 8 ขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ แบร์นาร์โด้ หลุดมาเปิดเรียดจากกราบซ้ายมาที่เสาแรกให้ ฟิล โฟเด้น ซัดด้วยซ้ายในกรอบแบบไม่จับส่งบอลเสยเพดานตาข่ายเข้าไป 

นาที 18 เจ้าถิ่นหวิดได้ลูกสองากจังหวะปั่นฟรีคิกหน้าเขตโทษของ อิลคาย กุนโดกัน ปั่นบอลข้ามกำแพงแต่ไปชนเสากระดอนออกมา 

แมนซิตี้ ยังเป็นฝ่ายขึงบุกใส่อยู่ฝ่ายเดียว นาที 31 เดอ บรอยน์ เก็บตกจังหวะสองได้ที่หน้าเขตโทษ ก่อนจะบรรจงปั่นด้วยขวา เด เคอา บินปัดปลายมือออกหลังไปแบบหวุดหวิด 

อย่างไรก็ดีจากจังหวะลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายแล้วเป็น กรีลิช ที่รับบอลสั้นก่อนเปิดมาที่หน้าปากประตูให้ ฮาลันด์ โหม่งเน้นๆ ไทเรลล์ มาลาเซีย พยายามสกัดบอลจากเส้นแต่บอลหลุดเข้าไปเต็มใบแล้วส่งให้ แมนซิตี้ ทิ้งห่างเป็น 2-0 ในนาที 34

เท่านั้นไม่พอ นาที 37 เจ้าถิ่นหนีห่างเป็น 3-0 เดอ บรอยน์ เปิดบอลเข้าเขตโทษให้ ฮาลันด์ สอดหนีตัวประกอบมาล้มตัวเข้าชาร์จระยะเผาขนไม่เหลือ 

เกมรุกของเจ้าถิ่นยังไม่มีผ่อนเครื่องทิ้งเป็น 4-0 ในนาทีที่ 44 ฮาลันด์ เปิดบอลจากกราบซ้ายเข้าเขตโทษให้ โฟเด้น เข้าแทบอินแบบง่ายๆ เด เคอา หมดสิทธิ์เซฟ และเป็นประตูส่งท้ายในครึ่งแรกให้ แมนฯ ซิตี้ นำ แมนฯ ยูไนเต็ด 4-0 

ครึ่งหลัง แมนยู เริ่มต้นด้วยการส่ง ลุค ชอว์ ลงมาเล่นแทน ไทเรลล์ มาลาเซีย ที่คาดโทษใบเหลืองอยู่ 

แมนยู เริ่มตั้งเกมของตัวเองได้บาง และในนาทีที่ 56 มาตามตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-4 อันโตนี่ ลากบอลตัดเข้าในแล้วปั่นโค้งๆด้วยซ้ายส่งบอลเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างเหนือชั้น 

อย่างไรก็ตาม นาที 64 แมนซิตี้ ขยับหนีไปอีกครั้งเป็น 5-1 เดอ บรอย แทงบอลไปทางซ้ายให้ เซอร์คิโอ โกเมส แล้วจ่ายเรียดไปที่หน้าประตูให้ ฮาลันด์ กดเรียดตามน้ำด้วยซ้ายส่งบอลเข้าประตูไป และเป็นแฮตทริกของดาวเตะชาวนอร์เวย์ในเกมนี้ด้วย 

นาที 73 สกอร์หนีเป็น 6-1 เมื่อ ฮาลันด์ แทงทะลุช่องให้ โฟเด้น หลุดกับดักล้ำหน้าไปยิงจ่อๆ หนีมือ เด เคอา เข้าประตูไป และเป็นแฮตทริกของดาวเตะทีมชาติอังกฤษในเกมนี้

แมนยู ยังไม่ยอมง่ายๆ ได้ประตูตีตื้นมาอีกครั้งไล่มาเป็น 2-6 ในนาที 84 จากจังหวะที่บอลเลยมาถึง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล โหม่งจ่อๆหน้าปากประตูไม่เหลือ 

จากนั้นนาที 90 ชูเอา กานเซโล่ ไปหวดใส่ มาร์กซิยาล ล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษให้ แมนยู ทันที ก่อนจะเป็นกองหน้าชาวฝรั่งเศสลุกขึ้นมารับหน้าที่สังหารเข้าไปให้ทีมเยือนไล่มาเป็น 3-6 

เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม แมนฯ ซิตี้ ถล่ม แมนฯ ยูไนเต็ด 6-3 ส่งผลให้ "เรือใบสีฟ้า" มีเพิ่มเป็น 20 แต้มไล่บี้ อาร์เซน่อล จ่าฝูงเหลือแต้มเดียว ส่วน "ปีศาจแดง" ยังอยู่ที่ 6 ของตาราง  



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 

แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส - ไคล์ วอล์คเกอร์ (เซอร์คิโอ โกเมส น.41), มานูเอล อคานจี, นาธาน อาเก้, ชูเอา กานเซโล่ - แบร์นาร์โด้ ซิลวา, อิลคาย กุนโดกัน (เอเมอริค ลาป๊อร์ต น.75), เควิน เดอ บรอยน์ (ฮูเลี่ยน อัลบาเรซ น.75) - ฟิล โฟเด้น (ริยาด มาห์เรซ น.75), เออร์ลิง ฮาลันด์, แจ็ค กรีลิช (โคล พัลเมอร์ น.75)

แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา - ดีโอโก้ ดาโลต์, ราฟาแอล วาราน (วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ น.40), ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ไทเรลล์ มาลาเซีย (ลุค ชอว์ น.46) - สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ (กาเซมีโร่ น.59), คริสเตียน เอริคเซ่น - อันโตนี่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, เจดอน ซานโช่ (เฟร็ด น.70) - มาร์คัส แรชฟอร์ด (อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล น.59)


ที่มาของภาพ : Getty
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport