ถ้ากองหลังเท้าซ้ายมันหายาก ก็หันมามองเด็กที่มีอยู่

ปีที่แล้วเราได้เห็น สเตฟาน บายเซติช ต่อยอดโอกาสช่วงปรี-ซีซั่นจนสามารถแจ้งเกิดบนทีมชุดใหญ่ พอมาปีนี้เราก็อยากเห็นเพชรงาม ๆ สักเม็ดขยับขึ้นชั้นเหมือนที่ บายเซติช ทำได้

บรรดาดาวรุ่งในหน้าร้อนนี้มีหลายคนที่น่าจับตามองครับ ทั้ง เบน โด๊ค(17), ไทเลอร์ มอร์ตัน(20), ลุค แชมเบอร์ส(19), เลย์ตัน สจ๊วร์ต(20), คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์(19), บ็อบบี้ คล้าร์ก(18), มาร์เซโล่ ปิตาลูก้า(20) และ จาเรลล์ ควอนซาห์(20)

ซึ่งหากขมวดให้เข้ากับตำแหน่งที่ ลิเวอร์พูล ต้องการในตอนนี้คือกองหลัง

ย้อนไปเดือนพฤษภาคม เจอร์เก้น คล็อปป์ เคยตอบคำถามเรื่องการซื้อเซนเตอร์แบ็กตัวใหม่เข้ามา

"ตอนนี้เราสนใจที่จะทำการเสริมทัพในทุกตำแหน่งนอกเหนือจากผู้รักษาประตู" 

"ใช่ ถ้าเกิดมันมีคนที่เก่ง ๆ (เซนเตอร์แบ็ก) อยู่ในตลาดแล้วล่ะก็ ผมคงจะไม่มองข้ามเขาไป นั่นคือสถานการณ์ในตอนนี้ แน่นอนว่าเราพิจารณาในทุกตำแหน่ง"

ณ ปัจจุบัน กองหน้าใหม่ตัดทิ้งไป เพราะตัวเลือกที่มีสลับใช้งานได้ไม่ห่วง กองกลางได้ 2 ตัวใหม่ โดมินิค โซโบซไล กับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เข้ามาเติมเต็ม พร้อมกระแสเพิ่มอีกหนึ่งคน 

เหลือส่วนสุดท้ายคือกองหลังที่สโมสรพยายามเสริมเข้ามาเพิ่ม

แม้ว่า โฌแอล มาติป ตกเป็นข่าวเกี่ยวกับการย้ายออกจากทีมอยู่เรื่อย ๆ แต่มีการคาดกันว่าเขาจะยังอยู่กับทีมไปจนหมดสัญญาในช่วงกลางปีหน้า 

ส่วนอะไหล่ก่อนหน้านี้อย่าง แน็ต ฟิลลิปส์ กับ เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก อาจจะย้ายออกจากทีมตามรอย รีส์ วิลเลี่ยมส์ ก็ได้ ซึ่งนั่นจะทำให้เซนเตอร์แบ็ก 4 ตัวเลือกแรกของ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถย้ายออกจากทีมได้เลย

ถามว่า ถ้าแผนการหาเซนเตอร์แบ็กตัวใหม่ในช่วงซัมเมอร์นี้ไม่ประสบความสำเร็จ แล้ว ลิเวอร์พูล จะเดินหน้าต่อไปได้หรือเปล่า?

ถ้ามันเป็นเช่นนั้น จุดยืนไม่ซื้อกองหลังคงจะไม่เป็นที่ชื่นชอบใน เดอะ ค็อป หมู่มากแน่ เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าสโมสรเคยเลือกชะลอแผนการเสริมทัพในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กในตอนซัมเมอร์ ปี 2020 กับในตำแหน่งกองกลางเมื่อช่วงซัมเมอร์ ปีก่อนมาแล้ว

นอกจากนี้ การไม่ซื้อเซนเตอร์แบ็กเลย ถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก ๆ เมื่อคำนึงถึงเรื่องที่ว่าฤดูกาลก่อน คล็อปป์ เคยใช้ระบบ 3-2-2-3 ซึ่งเป็นระบบที่ทีมจำเป็นต้องมีตัวเลือกในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กเยอะกว่าแบบปกติ 

มันคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่หาก เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, โจ โกเมซ และ โฌแอล มาติป โดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน โดยฤดูกาลก่อนทั้ง 4 คนต่างมีประวัติไม่ดีเท่าไหร่กับเรื่องอาการบาดเจ็บ

ลิเวอร์พูล จึงตกเป็นข่าวกับแนวรับหลายคนไล่เรียงตั้งแต่ เบ็นฌาแม็ง ปาวาร์, กอนซาโล่ อินาซิโอ, มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน, แพร์ ชูร์ส และคนที่ถูกเชื่อมโยงมากสุดในตอนนี้คือ เลวี่ โควิลล์

เพื่อให้รองรับกับระบบของบอสเจเค ในการเล่นกองหลังสามคน ผู้เล่นเซนเตอร์แบ็กถนัดเท้าซ้ายคือคนที่ ลิเวอร์พูล ต้องการที่สุด

อย่างไรก็ตาม การจะคว้า โควิลล์ ผู้ซึ่งตอบโจทย์นี้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่ 

เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือ เชลซี เตรียมจะพูดคุยเรื่องอนาคตกับแข้งวัย 20 ปี อีกทั้งข้อเสนอจาก ไบรท์ตัน ที่ยื่นมาเพื่อซื้อขาด 40 ล้านปอนด์ ก็ถูกปฏิเสธกลับไป มองแล้ว "สิงห์บลูส์" อยากเก็บเขาไว้เพื่อใช้งานเองมากกว่า

แล้วถ้าเกิดกรณี ลิเวอร์พูล ไม่เสริมกองหลังถนัดเท้าซ้ายเข้ามาเลยจริง ๆ ใครกันที่จะก้าวขึ้นมาสมทบตรงตำแหน่งนี้

.

.

.

ปรี-ซีซั่นที่แล้ว ลุค แชมเบอร์ส ได้รับเสียงเชียร์ให้ขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ ลิเวอร์พูล ก่อนจะย้ายไปในรูปแบบยืมตัวที่ คิลมาร์น็อค ตอนช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง

ผลงานที่ลีกสกอตช์ ค่อนไปทางน่าประทับใจ ซึ่งถึงตอนนี้ แชมเบอร์ส ตกเป็นเป้าหมายเช่าตัวอีกครั้งจากทีมระดับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เช่นเดียวกับแหล่งข่าวที่ระบุว่า ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จาก บุนเดสลีกา กำลังเจรจากับเขาเหมือนกัน

ที่ เลเวอร์คูเซ่น ระบบของ ชาบี อลอนโซ่ เทรนเนอร์ "ห้างขายยา" เล่นในรูปแบบ 3-4-3 และคาดว่าที่พวกเขาอยากได้ แชมเบอร์ส คือจับไปยืนตำแหน่งวิงแบ็คซ้าย

แม้ เลเวอร์ฯ ได้ตัว อเลฮานโดร กริมัลโด้ จาก เบนฟิก้า เข้ามาแทนตำแหน่งฝั่งซ้ายหลังปล่อย มิตเชล แบ็คเกอร์ ไปอยู่ อตาลันต้า แต่ทีมของ อลอนโซ่ ยังแสดงความสนใจในตัว แชมเบอร์ส และเชื่อว่าจะมีพื้นที่ที่ให้ดาวรุ่งวัย 19 ปี ได้ฉายแสงในถิ่น ไบอารีน่า

ถึงกระนั้น แชมเบอร์ส มีความหลากหลายมากกว่าการเล่นริมเส้น ซึ่งเห็นได้จากตัวเลขต่าง ๆ ที่เขารับใช้ คิลมาน็อค ถึงจะมีเกมส่วนใหญ่เทไปตรงตำแหน่งแบ็กซ้ายก็ตาม

จากข้อมูลเว็บไซต์ transfermarkt แสดงให้เห็นถึงการกระจายตำแหน่ง

นอกเหนือแบ็กซ้ายที่ลงเล่นเป็นหลักจำนวน 7 นัดจาก 15 เกมที่ลงสนามแล้ว ตัวเลขที่เหลือ แชมเบอร์ส เล่นเป็นปีกซ้าย 4 นัด, เซ็นเตอร์แบ็ก 2 นัด, กองกลางตัวรับ 1 นัด และ กองกลางตัวรุกอีก 1 นัด 

หรือแม้กระทั่งตอนก่อนไปเล่นแบบยืมตัว แชมเบอร์ส ลงสนามให้ ลิเวอร์พูล ยู-19 ในศึก ยูฟ่า ยูธ ลีก ก็เล่นปราการหลังตัวกลาง 3 เกม, แบ็กซ้าย 2 นัด และปีกซ้าย 1 นัด

นั่นหมายความว่า หากทีมนั้น ๆ เล่นระบบกองหลัง 3 คน แชมเบอร์ส ก็สามารถยืนเป็นแนวรับทางฝั่งซ้ายได้เช่นกัน 

แหล่งข่าวของสโมสรยังไม่ได้ระบุถึงความใกล้เคียงที่ เลเวอร์คูเซ่น จะปิดดีลนี้ในเร็ววันนี้ แล้ว ลิเวอร์พูล เองจะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นดาวรุ่งสร้างความประทับใจในช่วงช่วงปรี-ซีซั่นเสียก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าพวกเขาจะได้รับการโปรโมตขึ้นมาชุดใหญ่หรือไม่ หรือตัดสินใจปล่อยยืมตัวไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์

สำหรับ แชมเบอร์ส ที่ถึงขนาดมีทีมที่เล่นใน ยูโรปา ลีก ให้ความสนใจ แล้วเขาไม่สมควรที่จะเป็นตัวเลือกให้ ลิเวอร์พูล เลยงั้นหรือ ?

จริงอยู่ว่า แชมเบอร์ส ยังไม่ได้พิสูจน์อะไรมากนักหลังผ่านการเล่นในระดับทีมชุดใหญ่เพียงครึ่งฤดูกาล  

แต่เด็กคนนี้จำเป็นต้องพัฒนาตัวเองอีกสัก 1 หรือ 2 จุดก่อนที่จะพร้อมลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล อย่างต่อเนื่องได้ เขายังไม่มีสรีระพร้อมสำหรับการเล่นในลีกสูงสุดของอังกฤษ

ด้วยการที่ คล็อปป์ ยังคงมีเซ็นเตอร์แบ็คซีเนียร์อีก 4 คนให้ใช้งาน โอกาสการลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ยังคงมีข้อจำกัด ซึ่งน้ำหนักลงสนามไปที่เวทีบอลถ้วยอย่าง ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กับ ลีก คัพ มากกว่า 

แล้วถึงเดือนมกราคม ลิเวอร์พูล ค่อยประเมินสถานการณ์ของ แชมเบอร์ส อีกครั้ง

การแจ้งเกิดของ สเตฟาน บายเซติช เมื่อฤดูกาลก่อน แสดงให้เห็นว่านักเตะดาวรุ่งสามารถขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่เร็วกว่าที่กำหนดเอาไว้ได้หากมีช่วงปรี-ซีซั่นที่น่าประทับใจ 

ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่ ลิเวอร์พูล จะประเมิน แชมเบอร์ส ในช่วงปรี-ซีซั่น ก่อนที่จะตัดสินใจขั้นเด็ดขาดเกี่ยวกับอนาคต

แน่นอนว่า สถานการณ์ที่ดีที่สุดคงจะหนีไม่พ้นการที่ ลิเวอร์พูล ดึงเซนเตอร์แบ็กรายใหม่มาร่วมทีมก่อนที่จะส่ง แชมเบอร์ส ไปเก็บประสบการณ์แบบยืมตัวกับ เลเวอร์คูเซ่น หรือกับทีมใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ 

แต่ถ้าเกิดซัมเมอร์นี้ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถดึงเซนเตอร์แบ็กมาร่วมทีมได้ และต้องประเมินทางเลือกของพวกเขาแล้วล่ะก็ อย่างน้อยการให้ความสนใจในตัว แชมเบอร์ส ของ อลอนโซ่ สามารถบอกเป็นนัยได้ว่าสโมสรมีคนที่พอจะเป็นทางเลือกสุดท้ายในการแก้ปัญหาเรื่องแนวรับอยู่แล้ว 

หากมันจำเป็นต้องทำอย่างนั้นจริง ๆ

HOSSALONSO