ระวังล่ม!อดีตผอ.ฟุตบอลหวั่นอาร์เซน่อลทำพลาดหวนใช้แนวทางยุคเวนเกอร์

ราอูล ซานเยฮี อดีตผอ. ฟุตบอล อาร์เซน่อล เป็นห่วงกับการที่ "ไอ้ปืนใหญ่" กลับไปใช้โมเดลที่ให้ผู้จัดการทีมมีอำนาจส่วนใหญ่ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ หลังจากตอนแรก ซานเยฮี เคยใช้แนวทางที่แบ่งอำนาจการทำทีมให้คน 4 ตำแหน่ง เพื่อที่กุนซือจะได้มีสมาธิกับการทำทีมอย่างเต็มที่

ราอูล ซานเยฮี อดีตผู้อำนวยการฟุตบอลของ อาร์เซน่อล แสดงความกังวลว่า "ไอ้ปืนใหญ่" อาจจะทำพลาดที่ให้ มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมเป็นคนกำหนดแนวทางแทบทุกอย่างในการทำทีม ซึ่งเป็นโมเดลการทำทีมแบบเดียวกับสมัยของ อาร์แซน เวนเกอร์

ซานเยฮี เข้ามาทำงานกับ อาร์เซน่อล เมื่อช่วงปี 2018 ภายหลังเคยอยู่กับ บาร์เซโลน่า เป็นเวลาถึง 14 ปี ซึ่งตอนนั้นเขานำโมเดลการบริหารทีมแบบใหม่มาใช้กับสโมสร นั่นคือการแบ่งอำนาจการทำทีมให้ 4 คนในบริบทที่เท่าๆ กัน แบ่งเป็น อาร์เตต้า ในฐานะเฮดโค้ช, เอดู ในตำแหน่งผู้อำนวยการด้านเทคนิค, ฮุสส์ ฟาห์มี่ กับบทบาหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการด้านฟุตบอล และ แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ในฐานะผู้จัดการประจำอะคาเดม่

อย่างไรก็ตาม ไอเดียดังกล่าวกลับได้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่คาดหวังกันเอาไว้จนทำให้มันล่มลงหลังจากเพิ่งใช้แผนงานนั้นได้เพียงไม่กี่เดือน และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อาร์เซน่อล ก็ใช้แนวทางที่ให้ อาร์เตต้า ได้สิทธิ์กำหนดหลายอย่างมากกว่าคนอื่นๆ

ซานเยฮี ซึ่งบอกลา อาร์เซน่อล ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น เผยว่า "ในโมเดลของเราน่ะมันมีคนที่สำคัญ 4 คน นั่นคือเฮดโค้ช, ผู้อำนวยการกีฬา, ผู้ปฏิบัติการด้านฟุตบอล และผู้จัดการในระดับอะคาเดมี่ ทั้ง 4 คนที่ว่านี้จำเป็นต้องประสานงานกันให้ดีมากๆ"

"ตอนแรก อาร์เซน่อล ตัดสินใจที่จะก้าวข้ามจากยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ ซึ่งเป็นกุนซือที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเองแล้ว ที่จริง อูไน (เอเมรี่) เป็นโค้ชที่เก่งนะ แต่สำหรับ อาร์เซน่อล มันเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่ต้องได้สิทธิ์เล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก และการแพ้ เชลซี ในนัดชิงชนะเลิศของ ยูโรปา ลีก ก็ทำให้เรามีสถานการณ์ที่ยากลำบาก ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้ปีที่ 2 ของ อูไน มันยุ่งยากจนเหมือนตกอยู่ในนรกตามไปด้วย"

"พวกเขาเคยใช้โมเดลที่มีคนๆ เดียวกุมอำนาจส่วนใหญ่ภายในทีม ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูหมิ่น อาร์แซน หรอกนะ สิ่งที่เขาเคยทำได้กับ อาร์เซน่อล มันวิเศษมากๆ และอาจจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในตอนนั้นก็ว่าได้ แต่คุณต้องพัฒนาไปข้างหน้า และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น"

"ผมไม่เห็นด้วยกับการที่หลายสโมสรเรียกโค้ชทีมชุดใหญ่ว่า -ผู้จัดการทีม- โค้ชทีมชุดใหญ่ก็คือโค้ชทีมชุดใหญ่ แค่นั้นก็พอแล้ว ทุกวันนี้ปริมาณของงานที่ต้องทำมันเยอะเกินไป และผมต้องการให้เขา (โค้ชทีมชุดใหญ่) ได้มีสมาธิกับทีมชุดใหญ่อย่างเต็มที่"

"ตอนนี้มันกลายเป็นว่าพวกเขาทรยศโมเดลแบบนั้นนิดหน่อย การกลับไปใช้แนวทางที่ให้ผู้จัดการทีมมีอำนาจสูงสุดน่ะมันเป็นความผิดพลาด แต่มันก็เป็นความผิดพลาดที่พวกเขาเลือกเองน่ะนะ ถ้าเลือกได้น่ะผมจะไม่ยอมให้มันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแน่ๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ จนถึงตอนนี้มันไปได้สวยกับพวกเขานี่นะ"


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport