แม็ค อัลลิสเตอร์ จะเป็นยังไง?เปิดผลงาน 7 แข้งลิเวอร์พูลสวมเบอร์ 10 ยุคพรีเมียร์ลีก

หลังจากที่ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ตัดสินใจย้ายจาก ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน มาเล่นกับ ลิเวอร์พูล หลายคนต่างคาดการณ์กันว่านักเตะจะใส่เสื้อหมายเลขอะไรระหว่างเบอร์ 10 กับ เบอร์ 8 ซึ่งเป็นสองเบอร์ตำนานแห่งถิ่นแอนฟิลด์

สุดท้าย กองกลางชาวอาร์เจนไตน์ เลือกที่จะใส่เสื้อเบอร์ 10 มากกว่าที่จะใส่เบอร์ 8 ที่เคยมี สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตันทีม "หงส์แดง" สวมใส่สมัยที่โลดแล่นกับสโมสร 

แน่นอนว่าเสื้อเบอร์ 10 เป็นที่หมายปองของบรรดานักเตะที่เล่นตำแหน่งจอมทัพ หรือ เพลย์เมกเกอร์อย่างมาก และสำหรับในยุคพรีเมียร์ลีก "เดอะ เร้ดส์" มีอดีตนักเตะหลายคนที่ใส่เสื้อหมายเลขนี้ บางรายก้าวขึ้นมาเป็นตำนานสโมสร บางรายแทบไม่ได้รับการจดจำด้วยซ้ำ ส่วนจะมีใครบ้างลองไปอ่านกันเลยดีกว่า 

จอห์น บาร์นส์

หนึ่งในผู้เล่นแนวรุกระดับตำนานของ ลิเวอร์พูล ในยุคเริ่มต้นพรีเมียร์ลีก ก็สวมเสื้อหมายเลข 10 แม้ในช่วงเวลานั้นความเร็วของเขาจะลดลงไปเยอะแล้วก็ตาม แต่ บาร์นส์ ก็ยังคงเป็นนักเตะกำลังสำคัญในถิ่นแอนฟิลด์จนกระทั่งอำลาสโมสรในปี 1997

ก่อนหน้านั้น บาร์นส์ เคยช่วยทัพ "เดอะ เร้ดส์" คว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีในชื่อเดิม "ดิวิชั่น 1" โดยเล่นตำแหน่งปีกจนได้รับฉายา "ปีกนิลกาฬ" พอเข้าสู่ช่วงกลางยุค 90 นักเตะถูกปรับบทบาทให้ขยับเข้ามาเล่นตรงกลางในฐานะโฮลดิ้งมิดฟิลด์ จากนั้นเขาก็ได้รับปลอกแขนกัปตันทีมในซีซั่น 1995/1996 และยึดตำแหน่งผู้นำทีมถาวรตอนที่ เอียน รัช ย้ายไปอยู่กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด 

แม้ว่า บาร์นส์ จะช้าลงไปเยอะแต่เทคนิคยังคงแพรวพราว โดยบางครั้งก็โชว์ลีลามหัศจรรย์ให้สาวก "เดอะ ค็อป" ได้เห็นบ่อยๆ ยกตัวอย่างในจังหวะที่ลากเลื้อยทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนส่งให้ สแตน คอลลีมอร์ ตะบันประตูชัยคว่ำ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 4-3 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแมตช์สำคัญที่ทำให้ "สาลิกาดง" ชวดแชมป์ฤดูกาล 1995/1996

ไมเคิ่ล โอเว่น


ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าแฟนบอล "หงส์แดง" ยังคงรู้สึกเกลียดชัง ไมเคิ่ล โอเว่น จากการที่เขาย้ายไปเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงท้ายอาชีพพ่อค้าแข้ง ทำให้แฟนบอลของทีมจำนวนมากไม่ค่อยอยากจดจำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่เจ้าตัวสร้างไว้กับทีม

"เบบี้ โกล" ไม่ได้สวมเสื้อหมายเลข 10 ตอนที่เขายิงประตูในเกมเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่แมตช์ปะทะ "จอมโหด" วิมเบิลดัน เมื่อเดือนพฤษภาคม 1997 ในวัยแค่ 17 ปีเท่านั้น แต่หลังจากที่ บาร์นส์ ย้ายทีม หัวหอกความเร็วสูง ก็ได้รับมรดกตกทอดให้สวมเสื้อหมายเลขนี้ 

โอเว่น อำลาถิ่นแอนฟิลด์ พร้อมสถิติลงสนาม 297 เกมตะบันไปถึง 158 ประตู ที่สำคัญเขาคือหนึ่งในขุนพล "หงส์แดง" ชุดคว้า 5 แชมป์ฟุตบอลถ้วย (เอฟเอ คัพ, คาราบาว คัพ, ยูฟ่า คัพ, แชร์ลิตี้ ชิลด์ และยูฟ่า ซูเปอร์คัพ) ในปี 2001 รวมทั้งยังได้บัลลงดอร์ด้วย 

หลุยส์ การ์เซีย


ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล ต้องบอกเลยว่าซีซั่นสุดท้ายของเขากับสโมสรเป็นอะไรที่ไม่น่าจดจำเอาซะเลย เพราะเขาได้รับบาดเจ็บเล่นงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้ลงสนามในเกมลีกแค่ 17 แมตช์เท่านั้น แต่กระนั้นแฟนบอล "หงส์แดง" ยังคงยกย่องนักเตะในฐานะตำนานที่ลืมไม่ได้เลย

จังหวะการยิงประตูสุดสวยที่โดนยกให้เป็น "ประตูผี" ในแมตช์ที่ ลิเวอร์พูล ปะทะ เชลซี รอบรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทำเอา โชเซ่ มูรินโญ่ ตบะแตก นอกจากนี้นักเตะยังมีส่วนสำคัญในการสร้างความมหัศจรรย์ที่อิสตันบูลในรอบชิงชนะเลิศ คว้าโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์" มาครอบครอง

นี่ยังไม่รวมจังหวะการสร้างสรรค์เกม และการยิงประตูในแมตช์อื่นๆ แม้จะอยู่กับทีมแค่ 3 ซีซั่น แต่ผลงานของเขาโดยเฉพาะในแมตช์สำคัญๆ ยังคงตาตรึงในหัวใจ "เด็กหงส์" ไม่เสื่อมคลาย 

อังเดร โวโรนิน


สถิติการลงสนาม 27 เกมในลีกจากการอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์ 2 ปีครึ่งน่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนได้ว่า ดาวเตะชาวยูเครน ประสบความสำเร็จในสีเสื้อลิเวอร์พูลหรือไม่ !!

ในช่วงระหว่างปี 2007-2010 นักเตะต้องเจอกับช่วงเวลาที่แสนยากลำบากจากปัญหาบาดเจ็บข้อเท้า ขณะที่ในฤดูกาลที่สอง ลิเวอร์พูล ส่งนักเตะไปเล่นแบบยืมตัวกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ส่วนในปีสุดท้ายนักเตะโดนขายให้กับ ดินาโม มอสโก ในเดือนมกราคม 

ราฟาเอล เบนิเตซ เซ็นสัญญาคว้าตัว โวโรนิน มาร่วมทัพเนื่องจากนักเตะโด่งดังอย่างมากในฐานะมิดฟิลด์ตัวรุก และยิงประตูได้เยอะ แต่สุดท้ายเจ้าตัวยิงได้แค่ 5 ประตูในลีก ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยทำไมเจ้าตัวถึงโดนขายทิ้ง  

โจ โคล


ลิเวอร์พูล เซ็นสัญญา โจ โคล ในช่วงซัมเมอร์ปี 2010 โดยตอนนั้น รอย ฮ็อดจ์สัน ทำหน้าที่กุมบังเหียน "หงส์แดง" กระนั้นในช่วงเริ่มต้นของ โคล ไม่ค่อยสวยหรูเท่าไหร่เพราะเจ้าตัวโดนใบแดงในเกมเยือน อาร์เซน่อล และไม่เคยงัดฟอร์มเก่งออกมาได้เลย

หลังจากที่พบกับฤดูกาลแรกที่แสนยากลำบาก โคล ซึ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดสมัยเล่นให้ เชลซี ก็โดนปล่อยไปเล่นแบบยืมตัวกับ ลีลล์ จากนั้นนักเตะก็หวนกลับมาสู่แอนฟิลด์ในฤดูกาล 2012/2013 

อย่างไรก็ตาม โคล ไม่เคยทำผลงานได้อย่างสุดยอดเหมือนสมัยที่เล่นให้ เชลซี แม้แต่นิดเดียว ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สุดท้ายนักเตะจะโดนขายทิ้งให้กับ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด สโมสรที่ปลุกปั้นเขาจนโด่งดังในเดือนมกราคม 2013

ฟิลิปเป้ คูตินโญ่


ถ้าจะถามหาชื่อพ่อมดที่เข้ามาสร้างความมหัศจรรย์ให้กับ ลิเวอร์พูล หนึ่งในนักเตะที่แฟนบอล "หงส์แดง" ต้องนึกถึงก็คือ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เพราะเขาร่ายเวทมนตร์จนทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" ตาลุกวาวเลยทีเดียว

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ตัดสินใจสะกิดบอร์ดบริหารให้ยอมจ่ายเงินแค่ 6 ล้านปอนด์ (ราว 252 ล้านบาท) ให้ อินเตอร มิลาน เพื่อคว้า "คูตี้" มาร่วมทัพ โดยในช่วงระหว่างปี 2013-2018 นักเตะสวมบทเพลย์เมกเกอร์ได้อย่างสุดยอด 

อย่างไรก็ตามพอเข้าสู่ยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เจ้าตัวกลับต้องการออกไปหาความสำเร็จกับ บาร์เซโลน่า และสุดท้ายก็ได้ย้ายตามความฝันในเดือนมกราคม 2018 ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 142 ล้านปอนด์ (ราว 5,964 ล้านบาท) แต่กระนั้นเขายังคงเป็นที่รักของแฟนบอล "เดอะ เร้ดส์" จนกระทั่งปัจจุบันนี้

คูตินโญ่ ได้เติมเต็มความฝันด้วยการคว้าแชมป์ ลา ลีกา กับ บาร์ซ่า 2 สมัย และแชมป์บุนเดสลีกา กับ แชมเปี้ยนส์ ลีก ตอนที่โดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ บาเยิร์น มิวนิค 

จะว่าไปแล้วหากนับเรื่องความสำคัญสมัยที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล ต้องบอกเลยว่าไม่มีเลย แต่หากมองเรื่องสีสันและความน่าตื่นตาตื่นใจต้องบอกว่าเกินร้อย ที่สำคัญเขาคือคนที่ทำให้ คล็อปป์ นำเงินค่าตัวไปสร้างทีมจน "หงส์แดง" ประสบความสำเร็จมากมาย

ซาดิโอ มาเน่


ตอนที่ คูตินโญ่ ย้ายทีมเป็นการเปิดทางให้ ซาดิโอ มาเน่ เข้ามาเสียบตำแหน่งหมายเลข 10 และเขาก็ทำผลงานได้อย่างลงตัวจนกลายเป็นหนึ่งในแข้งคีย์แมนที่นำทีมกวาดแชมป์เป็นว่าเล่นรวมทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

เมื่อถึงจุดอิ่มตัว มาเน่ เลือกที่จะออกไปหาความท้าทายใหม่กับ บาเยิร์น ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยเขาได้สร้างตำนานเอาไว้กับทีมมากมาย พร้อมกับสถิติตะบันไป 120 ประตูจากการเล่นให้กับทีม 269 แมตช์ 

นอกเหนือจากความเก่งฉกาจแล้ว มาเน่ ยังถือเป็นนักเตะที่ทุ่มเทเกินร้อย, เล่นฟุตบอลไม่เห็นแก่ตัว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ สิ่งเหล่านี้ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมเฉกเช่น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 

กระนั้นปีแรกกับ "เสือใต้" ดูจะไม่ค่อยโสภาสถาพรสำหรับ มาเน่ เพราะถึงจะได้แชมป์บุนเดสลีกา แต่ฟอร์มของเจ้าตัวไม่ค่อยโดดเด่น แถมยังมีปัญหาชกต่อยกับ ลีรอย ซาเน่ เพื่อนร่วมทีมด้วย กระนั้นช่วงเวลาที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล นักเตะคือผู้เล่นที่แฟนบอล "หงส์แดง" ไม่เคยลืมเลือนจากความทรงจำ

ทอมเม้ง 


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport