แนวทางเดิม FSG

หมุนเข็มนาฬิาย้อนเวลาไป 12 เดือนที่แล้ว "เดอะ ค็อป" คงจะรู้สึกอีกแบบ ถ้า ลิเวอร์พูล วาง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เป็นเป้าหมายหลัก

หมุนเข็มนาฬิาย้อนเวลาไป 12 เดือนที่แล้ว "เดอะ ค็อป" คงจะรู้สึกอีกแบบ ถ้า ลิเวอร์พูล วาง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เป็นเป้าหมายหลัก

แต่ในระยะเวลาแค่ไม่นาน ดาวเตะอาร์เจนติเนี่ยน สามารถดันตัวเองขึ้นมาเป็นกองกลางระดับท็อป เป็นตัวหลักทีมชาติ"ฟ้าขาว" บนเวที เวิลด์ คัพ จนมีเกียรติแชมป์โลก ประดับบารมี และต่อยอดการเล่นกับ ไบรท์ตัน จนสร้างผลงานกระฉ่อน

แหล่งข่าวละแวกแอนฟิลด์ รวมถึงคำจากปากคนในครอบครัว และเพื่อน ๆ ของ แม็ค อัลลิสเตอร์ ยืนยันได้ว่าการดำเนินการเป็นไปได้ด้วยดี 

แม็ค อัลลิสเตอร์ กลายเป็นตัวเลือกแรกของ ลิเวอร์พูล ทันทีที่พวกเขาถอดใจจาก จู๊ด เบลลิงแฮม ซึ่งก็ต้องชื่นชมให้กับทีมงานสรรหาผู้เล่นที่มีแผนสำรองเป็นทางเลือก 

อย่างไรก็ตาม แฟนบอล "หงส์แดง" บางรายยังฉงนต่อเป้าหมายคนอื่น ๆ ของทีมโปรด อย่าง ไรอัน กราเวนแบร์ช (บาเยิร์น มิวนิค) หรือแม้แต่สองแข้งยังบลัดฝรั่งเศส อย่าง เคฟเรน ตูราม (นีซ) กับ มานู โคเน่ (กลัดบัค) รวมถึง มิคกี้ ฟาน เด เวน กองหลังดัตช์ จาก โวล์ฟสบวร์ก 

ว่าทำไม ลิเวอร์พูล ถึงไม่พยายามคว้าผู้เล่นจากสโมสรอื่น ๆ ที่ดีกว่านี้? 

ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีข่าวกับนักเตะระดับ เมสัน เมาท์ จาก เชลซี

นักวิจารณ์เชิงลูกหนังหลายคนแสดงความเห็นถึงการที่ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (เอฟเอสจี) แต่งตั้ง ยอร์ก ชมัดท์เค่อ เข้ามาเป็นผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ของสโมสร

ซึ่ง ชมัดท์เค่อ นั้นสร้างชื่อจากการทำงานด้านการเสริมทัพแบบน่าทึ่งหลายดีลบนลีกสูงสุด เยอรมนี 

เขามักจะไม่ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยเท่าไหร่ในการดึงผู้เล่นเข้ามา และมันก็มีสัญญาณจาก ลิเวอร์พูล เหมือนกันว่าจะใช้เงินไม่มากในช่วงหลังจากนี้ หลังสโมสรไม่สามารถเข้าสู่เวที แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้าได้

อย่างไรก็ดี ที่ ลิเวอร์พูล ชมัดท์เค่อ จะได้ทำงานภายใต้งบประมาณที่มากที่สุดในอาชีพการเป็นผู้อำนวยการกีฬา

ความเชี่ยวชาญของเขาจะทำให้ ลิเวอร์พูล เดินหน้าทำงานด้วยแนวทางสโมสรต่อไป 

นั่นก็คือการเสริมทัพในแบบที่คุ้มค่าที่สุดเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่จ่าย

และจะทุ่มเงินก้อนโตก็ต่อเมื่อมองว่ามันจำเป็นจริง ๆ 

เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในวันครบรอบการคว้าแชมป์ยุโรป สมัยที่ 6 เมื่อปี 2019

ลิเวอร์พูล ทยอยลงรูปความสำเร็จในวันนั้นบนสื่อโซเชี่ยล มีเดีย พลันให้นึกย้อนว่า นักเตะเหล่านั้นมาจากไหนกันบ้าง

อลีสซง เบ็คเกอร์ กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทั้งคู่มาจาก โรม่า ขณะที่ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ และ ซาดิโอ มาเน่ มาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ โยกย้ายจาก ฮอฟเฟ่นไฮม์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน มาจาก ฮัลล์ ซิตี้, จินี่ ไวนัลดุม มาจาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, ฟาบินโญ่ มาจาก โมนาโก, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มาจาก ซันเดอร์แลนด์ ส่วน เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เติบโตมาจากอะคาเดมี่สโมสร และ โฌแอล มาติป เซ็นฟรีจาก ชาลเก้ 04

ส่วนบรรดาตัวสำรอง ดิว็อค โอริกี้ ดึงจาก ลีลล์, โจ โกเมซ มาจาก ชาร์ลตัน แอธเลติก และ เจมส์ มิลเนอร์ มาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ซึ่งนับจำนวนทีมเก่าของพวกเขาเหล่านั้นที่เคยได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ตัวเลขคือเท่ากับศูนย์ แต่พอมาที่นี่พวกเขาได้นับหนึ่ง

อันที่จริง ยังมีดีลที่ ลิเวอร์พูล ดึงนักเตะจากทีมที่เคยคว้าถ้วยบิ๊ก เอียร์ มาเหมือนกัน อย่าง มาร์โก กรูยิช (เร้ด สตาร์ เบลเกรด) และ โดมินิค โซลันกี้ (เชลซี) แต่ทั้งคู่ต่างล้มเหลวในการขึ้นมากำลังหลังของทีม

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในเคสดังกล่าว ลิเวอร์พูล มีดึงผู้เล่นจากทีมที่เคยประสบความสำเร็จ อย่าง ติอาโก้ อัลกันตาร่า (บาเยิร์น มิวนิค) รวมถึง หลุยส์ ดิอาซ (ปอร์โต้), ดาร์วิน นูนเญซ (เบนฟิก้า) และ โคดี้ กัคโป (พีเอสวี)

แต่ทีมเหล่านี้ถือว่าเป็นทีมที่ระดับชั้นไม่ได้เท่ากับ ลิเวอร์พูล และเมื่อการได้มาเล่นที่นี่ ความคาดหวังก็สูงมากขึ้น ระดับการเล่นของนักเตะก็ต้องตอบสนองขึ้นมาให้ได้เช่นกัน

และถ้าการย้ายทีมของ แม็ค อัลลิสเตอร์ เสร็จลุล่วง เขาก็จะเข้ามาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ในฐานะนักเตะดีกรีแชมป์โลก

เมื่อมอง แมนฯ ซิตี้ ที่กำลังคั่วทริปเปิ้ล แชมป์ นักเตะของพวกเขาล้วนมาจากทีมที่ไม่ได้บิ๊กเนมอะไรเลย 

ไม่ว่าจะ เบนฟิก้า, โวล์ฟสบวร์ก, ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์, เอฟเวอร์ตัน, ปอร์โต้, แอต. มาดริด, ริเวอร์เพลท, โมนาโก, เลสเตอร์ ซิตี้ และ 3 คนจาก โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์

ในอีกมุมมองหนึ่ง แฟน ๆ บางคนอาจไม่พอใจกับการที่ เมาท์ ซึ่งเป็นคนที่ ลิเวอร์พูล สนใจมานานนั้น มีโอกาสสูงที่จะย้ายไปสวมสีเสื้อ "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด 

ทว่าที่ผ่านมา มีเพียงไม่กี่ครั้งที่จะมีนักเตะจากทีมกลุ่มบิ๊กซิกซ์ ย้ายมา ลิเวอร์พูล 

โดยในช่วง 10 ปีมานี้ คนที่อยู่ในกลุ่มนั้นมีเพียง อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (อาร์เซน่อล), มิลเนอร์ (แมนฯ ซิตี้) และ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ (เชลซี)

ไม่ว่าจะเป็นลีกใดก็ตาม แต่ละสโมสรย่อมไม่เต็มใจจะขายนักเตะให้ทีมคู่แข่งร่วมลีกที่มีศักดิ์ศรีในระดับเดียวกันอยู่แล้ว 

ปกติเหล่าสโมสรใหญ่ ๆ ก็จะไม่ปล่อยให้นักเตะของพวกเขาย้ายสังกัดกันง่าย ๆ นอกจากว่าค่าตัวที่ได้รับมันล่อตาล่อใจ หรือนักเตะคนนั้นถูกมองว่าเลยจุดพีคไปแล้ว

หนึ่งในหลักฐานที่เคยผ่านมาคือการที่ ลิเวอร์พูล เคยดึง ยารี่ ลิตมาเน่น มาจาก บาร์เซโลน่า และ เฟร์นานโด มอริเอนเตส มาจาก เรอัล มาดริด ในตอนที่ ลิเวอร์พูล กำลังพยายามกลับมาเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ให้ได้ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 

โมเดลของ เอฟเอสจี มีจุดประสงค์แน่วแน่ว่าผู้เล่นใหม่ต้องเข้ากับโปรไฟล์ที่พวกเขาต้องการ 

นั่นคือเป็นคนที่สามารถพัฒนาตัวเอง และสโมสรได้ในช่วงที่เล่นกับ ลิเวอร์พูล เหมือนที่ จอห์น เฮนรี่ ให้สัมภาษณ์กับ ลิเวอร์พูล เอ็คโค่ ก่อนหน้านี้ว่า

"เราจะสร้างสโมสรลลิเวอร์พูล ด้วยแนวทางที่เหมาะสมต่อไป" 

ซึ่งการไล่ล่าตัว แม็ค อัลลิสเตอร์ กอปรคนอื่น ๆ อย่าง ตูราม และ โคเน่ ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าในช่วงซัมเมอร์นี้พวกเขายังยึดมั่นกับแนวทางที่ว่าอยู่

มิเช่นนั้น พวกเขาคงไม่แต่งตั้ง ชมัดท์เค่อ มาทำงานที่นี่เพื่อเป็นหนึ่งในคนที่ควบคุมตลาดซัมเมอร์นี้

เรียบเรียงจาก : LIVERPOOL ECHO

HOSSALONSO

    


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport