สิ้นสุดฤดูกาล 2022/23 ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับศึก พรีเมียร์ลีก โดยตำแหน่งแชมป์ตกเป็นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยที่ผู้เล่นของพวกเขามีชื่อติดเข้ามาในทีมยอดเยี่ยมของ SIAMSPORT 3 ราย ส่วน อาร์เซน่อล ที่พลาดท่าชวดแชมป์ในช่วงโค้งสุดท้าย ส่งแข้งเข้ามาติด 4 ราย คนอื่น ๆ จะมีใครบ้าง ไปดูกันได้เลย!
ผู้รักษาประตู : นิค โป๊ป (นิวคาสเซิ่ล)
มือกาวดีกรีทีมชาติอังกฤษ ถูก "เดอะ แม็กพายส์" ซื้อมาจาก เบิร์นลี่ย์ ที่ตกชั้นเมื่อปีก่อน ซึ่งการเข้ามาของเขาทำให้เกมรับของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ดีขึ้นแบบชัดเจน
ลูกเซฟหลายต่อหลายครั้ง ช่วยให้ นิวฯ รอดพ้นจากการเสียประตู เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่พา "สาลิกาดง" โบยบินหัวตาราง และรักษามาตรฐานไว้ได้คงเส้นคงวาจนคว้าตั๋วไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี
ลงสนาม 37 นัด คลีนชีต 14 นัด
กองหลัง : โอเล็คซานเดอร์ ซินเชนโก้ (อาร์เซน่อล)
โอเล็คซานเดอร์ ซินเชนโก้ ไม่มีโอกาสโชว์ฝีเท้ามากนักที่ถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม แต่ด้วยความสามารถที่ มิเกล อาร์เตต้า มองเห็นจากการที่เคยทำงานร่วมกัน จึงทำให้กุนซือสแปนิช ดึงแข้งยูเครเนี่ยน เข้ามา
ซินเชนโก้ คือฟันเฟืองในรูปแบบการเล่นสไตล์ของ อาร์เตต้า ที่มักจะหุบเข้ามายืนเป็นมิดฟิลด์คอยขับเคลื่อนเกม จน "เดอะ กันเนอร์ส" สร้างผลงานกระฉ่อนครองจ่าฝูงจนเกือบฟาดแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองได้
ลงสนาม 27 นัด 1 ประตู 2 แอสซิสต์
กองหลัง : วิลเลี่ยม ซาลิบา (อาร์เซน่อล)
แม้ อาร์เซน่อล คว้าตัว วิลเลี่ยม ซาลิบา มาตั้งแต่ปี 2019 แต่นี่คือฤดูกาลแรกที่แข้งเลือดน้ำหอมได้ลงสนามกับทีม โดยเมื่อปีก่อนถูกปล่อยให้ มาร์กเซย ยืมตัวไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์
ผลงานของกองหลังวัย 22 ปีนับได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวรับของ อาร์เซน่อล อย่างแท้จริง นอกเหนือจากเกมรับแล้ว การออกบอลนำไปสู่เกมรุกเป็นจุดหนึ่งที่ ซาลิบา ทำได้ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นจุดที่แนวรับยุคใหม่ต้องทำให้ได้
ในช่วงที่ ซาลิบา ได้รับบาดเจ็บ อาร์เซน่อล มีผลงานที่ตกลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเกมรับที่มีช่วงหนึ่งเก็บคลีนชีตไม่ได้ 7 นัดติดต่อกัน
ลงสนาม 27 นัด
กองหลัง : ลิซานโดร มาร์ติเนซ (แมนฯ ยูไนเต็ด)
นับตั้งแต่วันเปิดตัวเป็นผู้เล่น "ปีศาจแดง" ลิซานโดร มาร์ติเนซ ถูกค่อนขอดว่าส่วนสูงของเขาจะเป็นอุปสรรคต่อการเล่นในศึก พรีเมียร์ลีก ซึ่ง 2 เกมแรกที่แพ้ต่อ ไบรท์ตัน กับ เบรนท์ฟอร์ด ทำให้เขาโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม "ลิช่า" ค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับลีกสูงสุดเมืองผู้ดี และสามารถยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นกองหลังเบอร์ต้น ๆ ของลีกได้สำเร็จจนกลบเสียงดูถูกได้อย่างสนิท
น่าเสียดายที่นับตั้งแต่กลางเดือนเมษายน แนวรับอาร์เจนติเนี่ยน มีอาการบาดเจ็บจนทำให้ต้องปิดเทอมยาว
ลงสนาม 27 นัด
กองหลัง : คีแรน ทริปเปียร์ (นิวคาสเซิ่ล)
แบ็กขวาดีกรีทีมชาติอังกฤษ เข้ามาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของ นิวคาสเซิ่ล ตั้งแต่ปลายซีซั่นก่อน ซึ่งผลงานเต็มซีซั่นครั้งแรกของเขากับ "เดอะ แม็กพายส์" ถือว่ายอดเยี่ยม
ทริปเปียร์ ใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็น 10 ปีช่วยพา "สาลิกาดง" ทำผลงานเกินความคาดหมาย โดยเฉพาะจังหวะเล่นลูกเซตพีซ และการเปิดบอลจากด้านข้างที่หวังผลได้เสมอ
ลงสนาม 38 นัด 7 แอสซิสต์
กองกลาง : มาร์ติน โอเดการ์ด (อาร์เซน่อล)
กัปตันทีมเดอะ กันเนอร์ส ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นนักเตะเวิลด์ คลาสได้ชัดเจนเอามาก ๆ การเคลื่อนที่, การสร้างสรรค์, การผ่านบอล, การจบสกอร์ รวมถึงความเป็นผู้นำ ทั้งหมดมีอยู่ในตัวผู้เล่นทีมชาตินอร์เวย์ รายนี้
ลงสนาม 37 นัด 15 ประตู 7 แอสซิสต์
กองกลาง : โรดรี้ (แมนฯ ซิตี้)
ความจริงตำแหน่งนี้ต้องแย่งกันระหว่าง โรดรี้ กับ กาเซมีโร่ หรือแม้กระทั่ง โธมัส เปเตย์ ซึ่งทั้งหมดต่างทำผลงานได้ดีในบทบาทตัวปิดทองหลังพระ เรียกได้ว่าเลือกอีกคนก็เสียดายอีกสองคน
อย่างไรก็ดี สาเหตุที่ต้องนำ โรดรี้ เข้ามาก็เพราะ เมื่อเปรียบเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์แล้ว มิดฟิลด์สแปนิช จัดได้ว่ามีส่วนสำคัญต่อการที่ แมนฯ ซิตี้ เร่งเครื่องขึ้นมาในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง คว้าชัยติดกันในลีก 12 เกม ซึ่งการเล่นของ โรดรี้ มีความโดดเด่นในการปกป้องเกมรับ รวมถึงมีขยับไปเล่นบทบาทตัวทำเกมจากแนวลึกจนมีแอสซิสต์ถึง 6 ครั้ง
ความโดดเด่นของเขามีมากถึงขนาดที่ เออร์ลิง ฮาลันด์ เจ้าของรางวัลนักเตะ พรีเมียร์ลีก ยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล ถึงกับเอ่ยปากชมว่าเหมาะสมที่จะได้รางวัลนี้เช่นกัน
ลงสนาม 36 นัด 2 ประตู 6 แอสซิสต์
กองกลาง : เควิน เดอ บรอยน์ (แมนฯ ซิตี้)
เควิน เดอ บรอยน์ ชื่อนี้การันตีความยอดเยี่ยมมาตลอดหลายปี ยิ่งการได้ เออร์ลิง ฮาลันด์ เข้ามาเติมเต็มเกมรุกของ แมนฯ ซิตี้ แล้วนั้น มันทำให้แข้งเบลเจี้ยนติดปีกมากขึ้นไปอีก
ลงสนาม 32 นัด 7 ประตู 16 แอสซิสต์
กองหน้า : บูกาโย่ ซาก้า (อาร์เซน่อล)
เป็นอีกหนึ่งผู้เล่น อาร์เซน่อล ที่นอกจากมีความเก่งกาจในตัวแล้วยังสามารถรักษามาตรฐานการเล่นคงเส้นคงวาได้ดี
บูกาโย่ ซาก้า คือหัวใจสำคัญบนแดนหน้าของ เดอะ กันเนอร์ส มักมีลูกยิงไกลสวย ๆ มาฝากแฟน ๆ เสมอ อีกทั้งยังสร้างความแตกต่างในการใช้ความสามารถเฉพาะตัวเอาชนะคู่แข่งได้
ลงสนาม 38 นัด 14 ประตู 11 แอสซิสต์
กองหน้า : เออร์ลิง ฮาลันด์ (แมนฯ ซิตี้)
แค่เพียงปีแรกบนเกาะอังกฤษ เออร์ลิง ฮาลันด์ ก็ทุบสถิติต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะจำนวนการทำประตูที่เป็นตัวเลขที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และล่าสุดก็คว้ารางวัลผู้เล่น พรีเมียร์ลีก ยอดเยี่ยมประจำปีพ่วงด้วยตำแหน่งแข้งดาวรุ่งแห่งปี
เพชฌฆาตไวกิ้ง คือคนที่เข้ามาเติมเต็มเกมรุกของ ซิตี้ ได้อย่างแท้จริง นอกเหนือจากแชมป์ลีกแล้ว เขากำลังพาให้ "เรือใบสีฟ้า" ล่าฝันทริปเปิล แชมป์ อีกต่างหาก
ลงสนาม 35 นัด 36 ประตู 8 แอสซิสต์
กองหน้า : มาร์คัส แรชฟอร์ด (แมนฯ ยูไนเต็ด)
นี่คือฤดูกาลที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นชุดใหญ่ "ปีศาจแดง" หลายต่อหลายประตูที่เขาทำได้แปรเปลี่ยนผลการแข่งขันให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้รับชัยชนะ
ในช่วงที่ไร้ แรชชี่ ลงสนาม ผลงานการทำประตูของ แมนยู ตกลงอย่างชัดเจน และส่งผลกระทบต่อผลการแข่งขันที่จนต้องมาเหนื่อยในช่วงท้ายฤดูกาลในการลุ้นไป แชมเปี้ยนส์ ลีก
ลงสนาม 35 นัด 17 ประตู 5 แอสซิสต์