ศึกชิงเก้าอี้จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก! 7 ข้อ อาร์เซน่อล ควรทำเพื่อล้ม แมนซิตี้

โคจรมาพบกันอย่างถูกเวลาจนได้สำหรับ อาร์เซน่อล ทีมจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก กับ แมนฯ ซิตี้ รองจ่าฝูงซึ่งจะดวลเกือกกันในวันพุธนี้ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รังของทีม ปืนใหญ่

จากอันดับตารางที่เป็นอยู่ เรือใบสีฟ้า สบโอกาสเหมาะที่สุดแล้วต่อการกระชากทีมเมืองหลวงให้ตกจากตำแหน่งจ่าฝูงโดยพวกเขาจะแซงหน้าขึ้นไปแทนด้วยผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่าหากสามารถบุกไปกำชัยเหนือ เดอะ กันเนอร์ส ได้

และที่สำคัญ มันกินเวลานานเจ็ดปีแล้วที่ อาร์เซน่อล ไม่ชนะ แมนฯ ซิตี้ เลยในเกม พรีเมียร์ลีก จากการปะทะกัน 13 ครั้งหลังโดย เรือใบสีฟ้า ได้เฮฮามากถึง 11 ครั้งด้วยกัน

ครั้งสุดท้ายที่ อาร์เซน่อล เอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ได้ในเกม พรีเมียร์ลีก อุบัติขึ้นที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อเดือนธ.ค.2015 ซึ่ง อาร์แซน เวนเกอร์ คุมทีมคว้าชัยด้วยสกอร์ 2-1 โดย ธีโอ วัลค็อตต์ กับ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ซัดให้เจ้าบ้านนำก่อน 2-0 ในครึ่งแรกจากสองแอสซิตส์ของ เมซุต โอซิล แมน ออฟ เดอะ แมตช์  ก่อนที่ ยาย่า ตูเร่ จะตีไข่แตกให้ทีมเยือนได้ในครึ่งหลัง

จากสถิติแพ้ แมนฯ ซิตี้ ในเกม พรีเมียร์ลีก ตลอดสิบนัดหลัง มิเกล อาร์เตต้า จึงมีงานหนักรออยู่

ฉะนั้นแล้ว งานนี้จึงน่าลุ้นเป็นอย่างยิ่งว่า อาร์เซน่อล จะหนี แมนฯ ซิตี้ เพิ่มเป็นหกแต้มโดยมีเกมตุนอยู่อีกนัด หรือว่าจะโดน เรือใบสีฟ้า ฉุดตกจากบัลลังก์จ่าฝูงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.กันแน่

และที่สำคัญ จากการเจอกันมาในศึก เอฟเอคัพ ซีซั่นนี้ แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านเขี่ย อาร์เซน่อล ตกรอบมาแล้วด้วยสกอร์ 1-0 แถมหากพุธนี้ เดอะ กันเนอร์ส เป็นฝ่ายเสียท่าอีก พวกเขาก็จะเพิ่มสถิติที่เลวร้ายไม่ชนะนานติดต่อกันในสี่นัดหลังรวมทุกรายการด้วย

จะอย่างไรก็ช่าง มีการวิเคราะห์กันว่า  อาร์เซน่อล สามารถแก้ลำ แมนฯ ซิตี้ ได้หากพวกเขาทำได้ตามกฏเหล็ก 7 ข้อดังต่อไปนี้

1. ซาลิบา ต้องจับตาย ฮาลันด์


วิลเลี่ยม ซาลิบา เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติ ฝรั่งเศส สร้างชื่อได้อย่างยอดเยี่ยมในศึก พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้หลังย้ายกลับมาจาก มาร์กเซย์ ทีมในบ้านเกิดภายใต้สัญญายืมตัวหนึ่งซีซั่น

แม้จะเป็นซีซั่นแรกของเขาใน พรีเมียร์ลีก แต่ดูราวกับว่าดาวเตะวัย 21 ปีค้าแข้งในลีกนี้มานานแล้วดังจะเห็นว่าเขาสามารถต่อกรกับบรรดากองหน้าตัวฉกาจได้อย่างสบาย

อาจได้เล่น ฟุตบอลโลก ที่ กาตาร์ แค่ 27 นาที แต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขาสักเท่าไหร่จนกระทั่งเกมล่าสุดกับ เบรนท์ฟอร์ด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาซึ่ง เดอะ กันเนอร์ส โดนตีเสมอ 1-1 ดาวเตะเลือดน้ำหอมประสบกับปัญหาในการรับมือกับ ไอแวน โทนีย์ กองหน้าอิงลิชที่แข็งแกร่งในเรื่องลูกกลางอากาศ

ด้วยเหตุนี้ เกมในวันพุธนี้ ซาลิบา จะต้องแก้ตัวให้ได้หากว่า แมนฯ ซิตี้ จะมี เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เรียกความฟิตได้ทันลงบู๊โดยในเกม เอฟเอคัพ ช่วงครึ่งหลัง เขาได้ดวลกับศูนย์หน้าทีมชาติ นอรเวย์ มาแล้วเนื่องจากถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทน ร็อบ โฮลดิ้ง และดาวเตะผิวสีทำหน้าที่ได้ไม่เลวเลย

2. ผ่านบอลให้ ซาก้า


ในบางเกม บูคาโย่ ซาก้า อาจมีส่วนร่วมไม่มาก แต่แค่พริบตาเดียว ดาวเตะทีมชาติ อังกฤษ พร้อมระเบิดฟอร์มสร้างปัญหาให้กับทีมคู่แข่งได้ทุกเมื่อ

อย่างในเกมล่าสุดกับ เบรนท์ฟอร์ด  ต้องถือว่าแผงหลัง เดอะ บีส์ ตามประกบ ซาก้า ได้ดี แต่แค่อึดใจเดียว ปีกผิวสีก็คายพิษสงผ่านบอลให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ ตัวสำรองซัดพาทีมออกนำไปก่อน

นี่แหละทีเด็ดของ ซาก้า ซึ่งทำให้ อาร์เซน่อล ได้ไชโยจากจังหวะที่แลดูไม่น่าจะมีอันตรายอะไร

ยิ่งถ้าวันไหน ซาก้า เล่นได้อย่างท็อปฟอร์มก็ยากที่กองหลังคู่แข่งจะล่ามโซ่เขาได้สำเร็จ

หากให้เดา เกมวันพุธนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า น่าจะใช้งาน นาธาน อาเก้ ให้ตามคุม ซาก้า เนื่องจากปราการหลังทีมชาติ ฮอลแลนด์ ทำหน้าที่ได้ดีในเกม เอฟเอคัพ แถมสอยตาข่ายพาทีมเข้ารอบห้าได้สำเร็จด้วย

อย่างไรก็ดี เป็นเรื่องจำเป็นที่ อาร์เซน่อล ต้องผ่านบอลให้ ซาก้า หาทางกดดัน อาเก้ อย่างต่อเนื่อง อย่าให้เป็นเหมือนเกมกับ เบรนท์ฟอร์ด ที่ทีม ปืนใหญ่ เดินเกมรุกช้าเกินไป และกว่าจะผ่านบอลออกปีกให้ ซาก้า หรือว่า กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ก็โดนฝ่ายตรงข้ามเข้ารุมประกบพร้อมกันสองสามรายแล้วง

3. ปิดเกมริมเส้น เรือใบ ให้ได้


จะว่าไปแล้ว แนวทางการเล่นของ อาร์เซน่อล มีความคล้ายคลึงกับ แมนฯ ซิตี้ หลายอย่าง

อาจเป็นเพราะ อาร์เตต้า เคยเป็นมือขวาของ กวาร์ดิโอล่า ในทีม แมนฯ ซิตี้ มาก่อนนั่นเอง

อย่างในเกมรุก อาร์เตต้า เน้นใช้ลีลาของ ซาก้า เป็นหลัก กวาร์ดิโอล่า ก็มี แจ็ค กรีลิช กับ ริยาด มาห์เรซ เป็นที่พึ่ง

และที่สำคัญ มาห์เรซ เล่นได้อย่างโดดเด่นซะเหลือเกินในซีซั่นนี้ ขณะที่กรีลิช เริ่มซับซับปรัชญาของเจ้านายได้มากขึ้นทุกทีแล้วกระทั่งมีบทบาทกับ เรือใบสีฟ้า อย่างเห็นได้ชัด

เมื่อเป็นซะอย่างนี้ หากทีม ปืนใหญ่ ปิดเกมริมเส้นของทีมเยือนได้สำเร็จ  พวกเขาก็มีโอกาสปลดล็อกชนะ แมนฯ ซิตี้ เป็นเกมแรกใน 11 นัดหลังได้

4. ปาร์เตย์ ต้องตามเป็นเงาของ เดอ บรอยน์

ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าหาก โธมัส ปาร์เตย์ เล่นได้ดี อาร์เซน่อล ก็จะดีตามไปด้วย

และถ้าจะให้ดี เกมในวันพุธนี้ กองกลางทีมชาติ กาน่า สมควรประกบติด เควิน เดอ บรอยน์ จอมผ่านบอลสุดอันตรายของ แมนฯ ซิตี้ ให้ได้เพื่อตัดโอกาสการได้ประตูของ เรือใบสีฟ้า

เท่าที่ผ่านมา สตาร์ทีมชาติ เบลเยี่ยม แสดงให้เห็นว่าไม่ควรปล่อยให้เขามีพื้นที่เล่นแม้แต่น้อยนิดเนื่องจากจอมทัพหัวทองมีวิสัยทัศน์ที่สามารถผ่านบอลในจังหวะชี้เป็นชี้ตายได้อย่างมีน้ำหนัก และเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ

ไม่เพียง ปาร์เตย์ เท่านั้นที่ต้องทำงานชิ้นใหญ่นี้ให้ลุล่วง แต่ทั้ง โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ และ กรานิต ชาก้า ต้องคอยช่วยงานดาวเตะผิวสีด้วยเช่นกันเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้ เดอ บรอยน์ ผ่านบอลไปถึง ฮาลันด์

5. อาร์เตต้า ต้องชนะ กวาร์ดิโอล่า ได้แล้ว

เท่าที่ผ่านมา อาร์เตต้า ยังไม่เคยเอาชนะลูกพี่เก่าในเกม พรีเมียร์ลีก ได้เลยนับตั้งแต่เขาก้าวเท้าออกจาก เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อปี 2019

จะมีก็แต่ศึก เอฟเอคัพ รอบตัดเชือกซีซั่น 2019/20 ครั้งเดียวเท่านั้นที่ อาร์เตต้า มีชัย 2-0 ก่อนพาทีมซิวแชมป์ได้สำเร็จ แต่นอกนั้นในเกมลีกห้านัด กวาร์ดิโอล่า ชนะรวด

จากสถิติที่ว่า เกมวันพุธนี้จึงมีความหมายต่อ อาร์เตต้า เป็นอันมากโดยเฉพาะหากเขาอยากพาทีม ปืนใหญ่ ซิวแชมป์ลีกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปี

แต่ที่แน่ๆ ทั้งสองรู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดีสุดแท้แต่ว่าลูกทีมของทั้งคู่จะเล่นได้ตามแผนที่วางเอาไว้หรือเปล่าเท่านั้น

6.  ต้องชิงยิงประตูขึ้นนำเร็ว

หนึ่งในทีเด็ดของ อาร์เซน่อล ในซีซั่นนี้คือการได้ประตูขึ้นนำคู่แข่งอย่างรวดเร็ว หรือไม่ก็เป็นฝ่ายสอยตาข่ายนำหน้าไปก่อน

เคล็ดลับของ อาร์เตต้า คือการจู่โจมแบบสายฟ้าแลบ และช่วงชิงการคุมจังหวะเกมเอาไว้ก่อนที่ทีมคู่แข่งจะตั้งหลักได้

อย่างไรก็ดี ในหลายเกมหลัง อาร์เซน่อล มีผลงานที่แผ่งลงไปก็เพราะพวกเขาไม่สามารถพังประตูได้ตั้งแต่ครึ่งแรกในเกมลีกห้านัดที่ผ่านมา

อาจเป็นด้วยพละกำลังที่ตกลงไป แต่พวกเขาจำเป็นต้องทวงคืนจุดแข็งนี้ของตัวเองกลับมาให้ได้สำหรับเกมในวันพุธนี้

จะว่าไปแล้ว ฟอร์มที่ดีที่สุดในช่วง 45 นาทีแรกของ อาร์เซน่อล เป็นเกมต้อนรับ แมนฯ ซิตี้ เมื่อซีซั่นก่อนในเกมวันขึ้นปีใหม่นั่นเอง

พวกเขากดดันใส่ทีมของ กวาร์ดิโอล่า ได้ตลอดครึ่งแรก และสมควรออกนำจากฝีเท้าของ ซาก้า หลังสร้างปัญหาให้ทีมเยือนอยู่นานสองนาน

กระนั้นก็ดี ครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ พลิกสถานการณ์ได้สำเร็จโดย กาเบรียล มาร์กัลเญส ได้ใบแดงตั้งแต่ต้นเกม พร้อมทำเสียลูกโทษที่ถูก มาห์เรซ สังหารตีเสมอก่อนที่ โรดรี้ จะกระหน่ำประตูชัยในช่วงทดเวลาให้ เรือใบสีฟ้า บุกมาแซงชนะ 2-1 อย่างแสบสันต์

7. ใช้เกมเหย้าให้เป็นประโยชน์

ในเมื่อเกมวันพุธนี้เป็นเกมที่สำคัญที่สุดในซีซั่นนี้ของ อาร์เซน่อล แฟนบอล ปืนใหญ่ ก็สมควรต้องมีส่วนร่วมด้วยอย่างเต็มตัว

ในฐานะทีมเจ้าบ้าน ประกอบกับแฟนบอลให้การยอมรับในตัว อาร์เตต้า เต็มเปี่ยมแล้ว พวกเขาจึงสมควรอาศัยจุดแข็งที่ยังไม่แพ้เกมเหย้าในลีกซีซั่นนี้ให้เกิดประโยชน์ในการต้อนรับ แมนฯ ซิตี้

เท่าที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล , สเปอร์ส และ แมนฯ ยูไนเต็ด ล้วนเดินออกจาก เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในฐานะผู้แพ้มาแล้วทั้งนั้น มันจึงไม่น่าแปลกหาก อาร์เซน่อล จะทำได้กับ แมนฯ ซิตี้ เช่นกันเพื่อเพิ่มโอกาสในการคว้าแชมป์ไปในตัว

กระนั้นก็ดี ทีม ปืนใหญ่ จะปล่อยให้เหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนเมื่อซีซั่นก่อนไม่ได้ที่พวกเขาเปิดบ้านปะทะกับ แมนฯ ซิตี้ และข่มทีมเยือนได้ตลอดครึ่งแรก พร้อมทั้งได้ประตูนำ แต่มาเสียลูกโทษที่เป็นประตูตีเสมอ และเหลือผู้เล่นน้อยกว่าตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง ก่อนพลิกแพ้ 2-1 ในช่วงทดเวลา


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport