4 เกมแรกของ "บิ๊กซิ๊กซ์" พรีเมียร์ลีก 2022/23

1สีหนาทปืนใหญ่ กะซวกชัย 4 นัดติดต่อกัน นำเป็นจ่าฝูงด้วยฟอร์มการเล่นอันดุดันทุกนัดซะด้วย ระบบการเล่นของ อาร์เซน่อล จากการทำงานของ มิเกล อาร์เตต้า ก็แนวทางเดียวกันกับสมัยที่เขาเคยเป็นลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ และเป็นมือขวาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นั่นแหละคือเน้นการครองบอล ด้วยทีมเวิร์คของผู้เล่น


ในเมื่อมีระบบการเล่นที่ชัดเจน ผู้เล่นเข้าใจในระบบ จึงขึ้นอยู่กับคุณภาพของผู้เล่นในทีม ถ้าคุณภาพสูง ประสิทธิ์ภาพก็จะสูงตามขึ้นไปด้วย


หลังคุมทีม หรือสร้างทีมใหม่มานาน 2 ฤดูกาลเศษๆ ตัวผู้เล่นที่ผู้เป็นกุนซือดึงเข้ามาร่วมทีมมีความเหมาะสม และลงตัวมากยิ่งขึ้น


กองหลังอย่าง ซาลิบา ช่วยให้เกมรับมีความเหนียวแน่น และเสียประตูยากมากขึ้น โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ช่วยให้ทีมมีความสมดุลย์


ดาวรุ่งอย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด, บูกาโย่ ซาก้า หรือ เอมิล สมิธ โรว์ ก็เติบโตขึ้น แก่พรรษามากขึ้นจนกลายเป็นแกนหลัก


การมาของหัวหอกตัวเป้าคนใหม่อย่าง กาเบรียล เชซุส เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายและตามหามานาน


อาร์เซน่อล กลายเป็นทีมที่ลงตัวทุกตำแหน่ง


ต่อไปก็ต้องดูว่าพวกเขาจะยืนระยะแบบนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งขนาดไหน เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ปัญหาบาดเจ็บและอ่อนล้าจะเข้ามารบกวน หากคุณภาพตัวจริงกับตัวสำรองสามารถทดแทนกันได้แบบไม่เหลื่อมล้ำมาก มันจะช่วยให้พวกเขารักษามาตรฐานของตัวเองไปจนถึงบั้นปลาย


การเจอทีมเล็กกว่าอาจไม่ใช่ปัญหา แต่ผลงานในการเจอกับทีมระดับพญายักษ์ที่ฤดูกาลก่อน อาร์เซน่อล แพ้ทั้ง แมนฯ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี, สเปอร์ส และแมนฯ ยูไนเต็ด นี่แหละจะเป็นบทพิสูจน์ของทีมสีหนาทปืนใหญ่ชุดนี้ 


2แมนฯ ซิตี้



พวกเขาไม่ใช่ทีมฟุตบอลธรรมดาๆ แต่พัฒนาตัวเองกลายเป็นเครื่องจักรถล่มประตูที่มีความซาดิสต์ยิ่งนัก


เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีดาวยิงตีนพระกาฬอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เหตุเพราะเขาไม่ใช่นักฟุตบอลธรรมดาๆ 


แต่เป็นเครื่องจักรนักอึ๊บ (ตาข่าย) ที่อันตรายเหลือเกิน


ความสยดสยองในเกมรุกช่วยให้พวกเขาตายยากตายเย็นดีนักแล


ขอบอกว่าการตามหลังคู่แข่ง 2 ประตู ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงของ แมนฯ ซิตี้ เลยสักนิด เพราะหากเกมรับแสดงความผิดพลาดจนเสียไป 2 ประตู พวกเขาก็จะเอาคืนได้ 3-4 ดอก 


นิวคาสเซิ่ล กับ คริสตัล พาเลซ คงเข้าใจในสัจธรรมข้อนี้ดี


พูดง่ายๆ ว่านึกจะยิงเมื่อไหร่ก็ได้ หากทีมใดที่สมัครเข้าขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ดันยืนระยะไม่อยู่ ปล่อยให้เรือใบสีฟ้าทิ้งห่างไปเรื่อยๆ บอกได้คำเดียวว่า...


ม้วนเดียวจบ !!!


3หงส์แดงผู้อหังการ



ปัญหาของ ลิเวอร์พูล มันเปล่งออกมาตั้งแต่ 3 เกมแรกของฤดูกาล เมื่อคู่แข่งมี 'พิมพ์เขียว' ในการจัดการกับพวกเขา แล้วเอามาใช้อย่างได้ผล 


ต่อเมื่อตัวผู้เล่นไม่ค่อยสมประกอบ เพราะถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไป ศักยภาพในเกมรุกและเกมรับก็ลดน้อยลงไปอีกจนเสียประตูง่าย เพราะหลังลอย และยิงประตูยาก เพราะเจอรถบัส


อย่างไรก็ตาม


หลังพลาดท่าพ่ายแพ้ในศึกแดงเดือด พวกพรี่ๆ เขาเหมือนถูกค้อนปอนด์ฟาดลงมากลางกะโหลกจนตาสว่างแล้วระเบิดพลังแห่งความน่ากลัวออกมา 


ว่าแล้วก็มาระบายออกกับทีมน้องใหม่ผู้น่าสงสารอย่าง บอร์นมัธ ถึง 9 ดอก กระชากความมั่นใจกลับคืนมาอีกครั้ง 


นอกจากนี้ในความต่ำกว่ามาตรฐาน แถมสภาพไม่สมประกอบ แต่ทุกเกมในฤดูกาลนี้ที่ผ่านมา 'หงส์แดง' ยังอุตส่าห์ครองเกมเหนือกว่าคู่แข่งพลางบุกกระหน่ำได้อย่างไม่ยั้งหยุด 


ลิเวอร์พูล อาจไม่ เฮฟวี่ เมทั่ล เหมือนเก่าก็จริง แต่หลังจากนี้จะเริ่มเข้าที่เข้าทางมาขึ้นเรื่อยๆ คอยดู


4เชลซี



สิงห์บลูส์ยังคงเป็นทีมที่แกร่งทั่วแผ่น และอยู่ได้ด้วยมาตรฐานของทีมที่อุดมด้วยดาวดัง และกึ๋นของผู้เป็นกุนซือ


เกมที่ทำได้แค่เสมอ สเปอร์ส พวกเขาเหนือกว่าชัดเจน แต่พลาดท่าด้วยจังหวะของฟุตบอล และการตัดสินของตุลาการสนามที่ไม่เป็นใจซะมากกว่า


ส่วนเกมที่แพ้ ลีดส์ ไม่ต่างจากอุบัติเหตุทางลูกหนังที่สามารถเกิดขึ้นได้แบบไม่คาดคิด


อย่างไรก็ตาม


ตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าขนานแท้ที่ผลิตประตูได้แบบเป็นกอบเป็นกำ คือสิ่งที่พวกเขาต้องการในระบบฟุตบอลลีกที่ขับเคี่ยวกันอย่างยาวนาน


ลองคิดง่ายๆ ครับว่าถ้ามีหัวหอกอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ - เชลซี จะกลายเป็นทีมที่มีลุ้นแชมป์แบบยาวๆ ไม่หลุดจากเส้นทางไปก่อนเหมือนซีซั่นที่ผ่านมา


5ปีศาจแดงยุคสร้างทีมใหม่



หลังจากมีชัยติดต่อกัน 2 เกม แถมหนึ่งในนั้นคือการพิชิตคู่แค้นตลอดชาติอย่าง ลิเวอร์พูล ทั้งสถานการณ์และบรรยากาศในทีมก็มีความไฉไลมากขึ้นเยอะเลย


แต่ 3 จาก 4 เกมแรกของฤดูกาล ถือว่าไม่ใช่ฟอร์มการเล่นที่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่ ซึ่งมันสะท้อนถึงความผีเข้าและผีออกของพวกเขาอย่างชัดเจน


สังเกตได้จากการคอนโทรลเกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง


ขนาดเจอทีมวรรณะต่ำกว่ายังครองเกมรุกบุกกดดันไม่ได้เลยคุณ 


ประสิทธิภาพในเกมรุกยังถือว่าต่ำมาก แถมต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับทีมระดับพญายักษ์ด้วยกัน ขณะที่เกมรับ แม้ 2 นัดล่าสุดจะดูดีขึ้น แต่ก็ยังไว้ใจอะไรไม่ได้ โดยพร้อมจะโดนกะซวกตลอดเวลาเหมือนเดิม 


สรุปว่ายังเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้มาก และกรุณาอย่าหลงคิดว่าปีศาจแดงตัวจริงกลับมาแล้วเป็นอันขาด


สุดท้ายจึงได้แต่หวังว่าการมาของ กาเซมิโร่ กับ อันโตนี่ รวมถึงการให้เวลา เอริค เทน ฮาก สร้างทีมไปเรื่อยๆ อย่างอดทนจะช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีความสม่ำเสมอคงเส้นคงวามากขึ้น


6พญาโต้งผู้อหังการ



ชัยชนะ 3 นัด เสมอ 1 กระหน่ำไป 9 ประตู ไล่บี้ อาร์เซน่อล กับ แมนฯ ซิตี้ บนหัวตารางถือเป็นการเปิดตัวอันบรรเจิดที่สุดในรอบ 10 ปี หรือมากกว่าของ สเปอร์ส เลยทีเดียว


...ว่าแล้วต้องยกความดีความชอบให้กุนซือระดับอ๋องที่เจี๊ยวยาวลากดินอย่าง อันโตนิโอ คอนเต้


บารมีของเขาดึงดูดตัวผู้เล่นทั้งเก่าและใหม่พลางผสมผสานมันออกมาอย่างลงตัวทุกตำแหน่ง รูปแบบการเล่นก็ชัดเจนและยืดหยุ่น 


ทีเด็ดอยู่ที่เกมรุกด้วยหน่วยจู่โจมที่ปราดเปรียว ขณะเกมรับก็เหนียวแน่นมากขึ้น โดยไม่แสดงความผิดพลาดออกมาง่ายๆ เหมือนก่อน


เหนือสิ่งอื่นใด


ความเปลี่ยนแปลงที่สัมผัสได้อย่างคมชัดลึกคือจิตวิญญาณของผู้ชนะ หรือความเป็น 'กูผู้ชนะ' ที่ อันโตนิโอ คอนเต้ เสกเข้าไปในตัวลูกทีมชุดนี้


เกมที่บุกไปเสมอ เชลซี 2-2 ทั้งที่เกมเป็นรอง หากเป็นสมัยก่อน รับรองได้เลยว่า 'เด๊ดห่า' ไปนานแล้ว !!!


บอ.บู๋


ที่มาของภาพ : getty images
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport