เมอร์ฟี่ชี้บททดสอบพ็อตเตอร์ ไม่ใช่มีแค่เรื่องในสนาม

แดนนี่ เมอร์ฟี่ อดีตนักฟุตบอลชื่อดังชาวอังกฤษ ให้ความเห็นถึง แกรม พ็อตเตอร์ กุนซือป้ายแดง เชลซี ว่านอกจากจะเจอบททดสอบเรื่องผลงานในสนามแล้ว ยังมีเรื่องอื่นที่รอจะทดสอบเขาเช่นกัน

แดนนี่ เมอร์ฟี่ ที่ปัจจุบันรับหน้าที่เป็นกูรูลูกหนัง กล่าวผ่านคอลัมน์ส่วนตัวใน เดลี่ เมล พูดถึงการเปลี่ยนแปลงเก้าอี้ผู้จัดการทีม เชลซี โดยเจ้าตัวยอมรับว่าความรู้สึกแรกที่รับรู้ว่า โธมัส ทูเคิ่ล โดนปลดออกจากตำแหน่งนั้น คือเรื่องที่รีบร้อนเกินไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากแผนงานของ ท็อดด์ โบห์ลี่ แล้วก็ทำให้เข้าใจได้ว่าเจ้าของรายนี้จะนำพาสโมสรไปในทิศทางไหน ซึ่งจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เร็วที่สุด

โดยทาง เมอร์ฟี่ บอกต่อว่าตนดีใจที่ แกรม พ็อตเตอร์ กุนซือเลือดผู้ดีได้งานชิ้นนี้ เพราะมีความรู้ความเข้าใจ อีกทั้งยังเคยทำงานในต่างแดนมาแล้วกับ ออสเตอร์ซุนด์ ในลีกสวีเดน

ในเรื่องของแท็กติก อดีตดาวเตะ "หงส์แดง" บอกว่า พ็อตเตอร์ ทำให้เห็นกับ ไบรท์ตัน แล้วว่ายอดเยี่ยมแค่ไหน แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการรับมือกับผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์ในถิ่น เดอะ บริดจ์ ซึ่งอาจมีบางคนที่จะถึงขั้นมาเคาะประตูถามว่าทำไมตัวเองถึงไม่ได้ลงเล่น

จุดนี้ เมอร์ฟี่ ยกตัวอย่างประสบการณ์ที่ตัวเองเคยผ่านชีวิตค้าแข้งกับทั้งทีมใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล รวมถึงทีมที่เล็กลงมากับ ชาร์ลตัน และ ฟูแล่ม ซึ่งสถานะผู้เล่นแตกต่างกันมาก โดยคนเป็นผู้จัดการทีมจำเป็นต้องมีการสื่อสารให้ลูกทีมเข้าใจ

ต่อมา เมอร์ฟี่ ยกตัวอย่างในเคสของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ที่ย้ายเข้ามาเพื่อหวังว่าจะได้ร่วมงานกับ ทูเคิ่ล แต่มีอันต้องแยกจากกัน และต่อเรื่องในรายของดาวยิงกาบอง เมอร์ฟี่ ชี้ว่า พ็อตเตอร์ จะสามารถใช้งาน โอบาเมย็อง ได้ เพราะที่ผ่านมาเขานิยมใช้แผนการมีกองหน้าตัวเป้าตั้งแต่อยู่กับ "เดอะ ซีกัลส์" 

หมายความว่าทั้ง โอบาเมย็อง และ อาร์มานโด้ โบรย่า ดาวยิงวัยรุ่นชาวอิตาเลียน จะได้รับโอกาสตรงตำแหน่งนี้มากขึ้น หลังจากนับตั้งแต่เปิดซีซั่น เชลซี ยุคสมัยของ ทูเคิ่ล ไม่ได้เล่นด้วยการมีกองหน้าธรรมชาติเลย

และถึงแม้ว่าเกียรติประวัติของผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ คนสุดท้ายที่คว้าโทรฟี่ระดับเมเจอร์ได้คือ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ที่พา พอร์ทสมัธ คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้เมื่อปี 2008 แต่ทาง เมอร์ฟี่ เชื่อว่า พ็อตเตอร์ มีศักยภาพพอที่จะพาขุมกำลัง เชลซี ที่มีอยู่ยุติสถิติดังกล่าวได้


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport