นอกสายตา! เปิดโผ 11 แข้งฟอร์มแรงหลุดทีมฟีฟ่า เดอะ เบสต์ 2024/25

หลังจากมีการประกาศรางวัล ฟีฟ่า เดอะ เบสต์ ประจำฤดูกาล 2024/25 ที่ประเทศกาตาร์ เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางคือรายชื่อ ทีมชายยอดเยี่ยมแห่งปี ซึ่งมีนักเตะจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ติดโผมากถึง 6 คน จนทำให้แฟนบอลและกูรูฟุตบอลจำนวนไม่น้อยตั้งคำถามถึงความเหมาะสม

ขณะเดียวกัน แข้งระดับซูเปอร์สตาร์หลายรายที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นทั้งในลีกยุโรปและเวทีนานาชาติ กลับหลุดจากการคัดเลือกอย่างน่าแปลกใจ และนี่คือ 11 นักเตะฟอร์มแรงที่ผลงานสวนทางกับรางวัล ฟีฟ่า เดอะ เบสต์

ผู้รักษาประตู: อลีสซง เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล & บราซิล)

นายทวารวัย 33 ปี ยังคงรักษามาตรฐานระดับโลก ลงเฝ้าเสาในพรีเมียร์ลีก 28 นัด เก็บ 10 คลีนชีต ไฮไลท์สำคัญคือฟอร์มสุดยอดในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ที่ช่วยให้ ลิเวอร์พูล บุกชนะ เปแอสเช 1-0

ความสำเร็จ: พา “หงส์แดง” คว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 และเป็นแชมป์ลีกสมัยที่สองของเจ้าตัวกับถิ่นแอนฟิลด์

แบ็กขวา: ชูลส์ กุนเด้ (บาร์เซโลน่า & ฝรั่งเศส)

กลายเป็นตัวหลักในตำแหน่งแบ็กขวา ลงสนามรวมทุกรายการ 53 นัด และมีบทบาทสำคัญในการพา บาร์เซโลน่า ทะลุถึงรอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก

ความสำเร็จ: คว้าดับเบิลแชมป์ ลาลีกา และ โกปา เดล เรย์ พร้อมพาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าตั๋วฟุตบอลโลก

เซนเตอร์แบ็ก: กาเบรียล มากัลเญส (อาร์เซน่อล & บราซิล)

ยกระดับตัวเองเป็นหนึ่งในกองหลังแถวหน้าของพรีเมียร์ลีก ลงเล่น 42 นัด ทำ 14 คลีนชีต และมีอิทธิพลทั้งเกมรับและลูกตั้งเตะ

ความสำเร็จ: พา อาร์เซน่อล จบรองแชมป์พรีเมียร์ลีก และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก

เซนเตอร์แบ็ก: อเลสซานโดร บาสโตนี (อินเตอร์ มิลาน & อิตาลี)

ลงเล่นในเซเรีย อา 33 นัด และโชว์ความแข็งแกร่งในเวทียุโรปด้วยการเก็บ 8 คลีนชีต จากการเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก 14 นัด

ความสำเร็จ: พา อินเตอร์ มิลาน เข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี

แบ็กซ้าย: มาร์ก กูกูเรย่า (เชลซี & สเปน)

ลงสนามถึง 54 นัด ยิง 7 ประตู ทำ 4 แอสซิสต์ เป็นกำลังหลักในช่วงที่ เชลซี กลับมาติดท็อปโฟร์พรีเมียร์ลีก

ความสำเร็จ: คว้าแชมป์ ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ลีก และแชมป์สโมสรโลก

ปีกขวา: โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล & อียิปต์)

สร้างฤดูกาลที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในอาชีพ ยิง 34 ประตู 23 แอสซิสต์ จาก 54 นัด

ความสำเร็จ: กวาดรางวัลส่วนตัวครบถ้วน ทั้ง PFA, นักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก, ดาวซัลโว และแอสซิสต์สูงสุด

กองกลาง: เดแคลน ไรซ์ (อาร์เซน่อล & อังกฤษ)

พิสูจน์ค่าตัวระดับ 100 ล้านปอนด์ ยิง 9 ประตู 10 แอสซิสต์ จาก 52 นัด พร้อมฟอร์มเด่นในเกมยุโรป

ความสำเร็จ: พาอาร์เซน่อลลุ้นแชมป์ลีกจนถึงโค้งสุดท้าย และพาทีมชาติอังกฤษคว้าตั๋วบอลโลก

กองกลาง: สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ (นาโปลี & สกอตแลนด์)

แจ้งเกิดใหม่ในเซเรีย อา ยิง 12 ประตู 6 แอสซิสต์ จาก 34 นัด

ความสำเร็จ: พา นาโปลี คว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ และพาสกอตแลนด์ไปบอลโลกครั้งแรกในรอบ 28 ปี

ปีกซ้าย: ราฟินญ่า (บาร์เซโลน่า & บราซิล)

มีส่วนร่วมถึง 60 ประตู จาก 57 นัด กลายเป็นแนวรุกที่อันตรายที่สุดของทีม

ความสำเร็จ: คว้าดับเบิลแชมป์ในสเปน และเข้ารอบรองฯ แชมเปี้ยนส์ลีก

กองหน้า: แฮร์รี่ เคน (บาเยิร์น มิวนิค & อังกฤษ)

ยิง 41 ประตู 14 แอสซิสต์ จาก 51 นัด และทำสถิติยิงให้ทีมชาติอังกฤษเพิ่มเป็น 78 ประตู

ความสำเร็จ: คว้าแชมป์เมเจอร์แรกในอาชีพกับ บาเยิร์น มิวนิค

กองหน้า: โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (บาร์เซโลน่า & โปแลนด์)

วัย 37 ปี แต่ยังยิงได้ถึง 42 ประตู จาก 52 นัด รวม 11 ประตูในแชมเปี้ยนส์ลีก

ความสำเร็จ: นำบาร์เซโลน่าคว้าดับเบิลแชมป์ ลาลีกา และโกปา เดล เรย์

แม้ชื่อของนักเตะเหล่านี้จะไร้เงาในทีมยอดเยี่ยม ฟีฟ่า เดอะ เบสต์ แต่ผลงานตลอดฤดูกาลยืนยันชัดว่า พวกเขาคือแข้งระดับโลกที่ถูกมองข้ามอย่างแท้จริงในปีนี้