เป็นที่ทราบกันว่า แอรอน แรมซีย์ อดีตกองกลางดาวดัง อาร์เซน่อล ได้ยกเลิกสัญญากับ ปูมาส สโมสรชั้นนำในลีกสูงสุดเม็กซิโก เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตอนแรกตามข่าวบอกว่า แรมซีย์ มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องความฟิต และขาดซ้อมบ่อย ซึ่งความจริงแล้ว มันไม่ได้มีแค่นั้น เพราะ ดาวเตะทีมชาติเวลส์วัย 34 ปี ต้องเจอกับช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต ที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องฟุตบอล ซึ่งมันส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจอย่างรุนแรง และนี่คือเรื่องราวแบบสรุปสั้นๆ ของเจ้าตัวที่ไม่ต่างอะไรกับฝันร้าย สำหรับประสบการณ์ค้าแข้งที่ดินแดนจังโก้
🔸 เลือกเปิดประสบการณ์ใหม่ ด้วยการตัดสินใจไปค้าแข้งที่ เม็กซิโก โดยเข้าร่วมทีม ปูมาส เมื่อเดือนกรกฎาคม ด้วยสัญญา 1 ปี หลังจากที่หมดสัญญากับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้
🔸 อย่างไรก็ตาม แรมซีย์ ลงเล่นให้ ปูมาส เพียงแค่ 6 นัด ยิงได้ 1 ประตู ก่อนแยกทางกับสโมสร เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ลงสัมผัสเกมมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายนแล้วด้วย
🔸 วันที่ 9 ตุลาคม สุนัขแสนรักของ แรมซีย์ ที่ชื่อ "ฮาโล" หายตัวไป หลังจากที่เขาฝากไว้ที่ศูนย์รับเลี้ยงสุนัขในเมืองซาน มิเกล เด อาเยนเด ขณะเดินทางไปช่วยทีมชาติเวลส์
🔸 กล้องวงจรปิดในพื้นที่เกิดเหตุดัน "ไม่ทำงาน" อย่างน่าสงสัยในวันดังกล่าว
🔸 แรมซีย์ ประกาศให้เงินรางวัล 10,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 3.3 แสนบาท) สำหรับผู้ที่ตามหา "ฮาโล" เจอ ก่อนเพิ่มเป็น 20,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 6.6 แสนบาท) ในเวลาต่อมา
🔸 หลายสัปดาห์ผ่านไป ยังไม่มีใครพบตัว "ฮาโล" และไม่มีเบาะแสใดๆ
🔸 แรมซีย์ เปิดใจ ก่อนเดินทางออกจาก เม็กซิโก
"กล้องแต่ละตัวไม่ได้บันทึกอะไร ไม่มีสัญญาณติดตาม ไม่มีใครพบเห็น ไม่มีแม้แต่ซากศพ และก็มีแต่คำโกหกเต็มไปหมด!"
🔸 เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสภาพจิตใจของ แรมซีย์ รวมถึงภรรยาของเขา จนสุดท้าย แรมซีย์ ตัดสินใจยกเลิกสัญญากับ ปูมาส และเดินทางกลับสหราชอาณาจักร
จากความฝันที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ เม็กซิโก สู่วันที่ต้องสูญเสียเพื่อนรักไปอย่างไม่มีวันได้พบอีก เรื่องราวของ แอรอน แรมซีย์ คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า "ชื่อเสียงและความสำเร็จ" ไม่อาจปกป้องหัวใจของมนุษย์จากความสูญเสียได้ และบางครั้ง "ความเจ็บปวดนอกสนาม" ก็ทิ้งรอยลึกยิ่งกว่าความพ่ายแพ้ในเกมฟุตบอลเสียอีก
✍️ 𝐒𝐮𝐛𝐢𝐧𝐡𝐨