ไมเคิ่ล โอเว่น อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษหน้าเสีย หลังทฤษฎีป้องกันฟรีคิกระยะไกลแบบไม่ต้องตั้งกำแพง ถูก วิลล์ ไรท์ แข้ง สวินดอน ทาวน์ พิสูจน์หักล้างด้วยการกดฟรีคิก 32 หลาตุงตาข่าย เกมลีก โทรฟี่ กับ เรดดิ้ง
อดีตหัวหอกเจ้าของฉายา "เบบี้โกล" วัย 45 ปี แสดงความเห็นหลังเกมที่ ลิเวอร์พูล ชนะ อาร์เซน่อล 1-0 จากฟรีคิกปลิดวิญญาณระยะ 32 หลาของ โดมินิค โซโบซไล ที่ตะบันข้ามกำแพงมนุษย์ก่อนที่บอลจะผ่านมือ ดาบิด ราย่า ชนเสาเข้าประตูไปอย่างงดงาม
โอเว่น เชื่อว่าการป้องกันลูกฟรีคิกระยะไกลแบบนี้ไม่ควรตั้งกำแพง และให้ผู้รักษาประตูยืนอยู่ตรงกลางประตู เพียงแค่นี้ก็จะสามารถป้องกันลูกยิงได้สบายๆ "ระยะประมาณ 32.2 หลา ถ้าพูดกันตรงๆ ว่าเอาบอลไปวางตรงนั้นแล้วถามว่า -ยิงเข้าได้ไหมจากตรงนั้น ?- ผมก็คงตอบว่า ไม่น่าได้"
"ผมเคยพูดไปแล้วว่า ในสถานการณ์แบบนี้ กำแพงกลับกลายเป็นอุปสรรคมากกว่า ผมไม่แน่ใจนะแต่ผมคิดว่าถ้าบอลอยู่ไกลเกิน 32 หลาแล้วให้ผู้รักษาประตูยืนตรงกลางโดยไม่มีอะไรมาบัง ผมพนันได้เลยว่า เขาแทบไม่ต้องพุ่ง แค่ขยับนิดหน่อยก็รับบอลได้แล้ว"
"กำแพงในจังหวะแบบนี้คือการถ่วงความสามารถของผู้รักษาประตู เพราะมันบังทัศนวิสัย และยังกลายเป็นเป้าหมายให้คู่แข่งเล็งปั่นข้ามอีกด้วย สุดท้าย ผู้รักษาประตูก็ต้องขยับไปอยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งของประตูเสมอ แต่ถ้าเขายืนกลางได้โดยไม่มีอะไรมาบัง สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ คู่แข่งจะเริ่มหาวิธีบังสายตาหรือสร้างกำแพงของตัวเองแทน"
"อย่าเข้าใจผมผิดนะ ระยะประมาณ 20 หลา คุณยังจำเป็นต้องมีกำแพง แต่ถ้าเกิน 32 หลาไปแล้ว ผมคิดว่ากำแพงกลับกลายเป็นอุปสรรคสำหรับผู้รักษาประตูมากกว่า" โอเว่น ระบุ
อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีของ โอเว่น โดนพิสูจน์ให้เห็นทันทีว่าผิดมหันต์ ในเกมที่ เรดดิ้ง พบ สวินดอน ทาวน์ ศึกฟุตบอล ลีก โทรฟี่ เมื่อ เรดดิ้ง เสียฟรีคิกระยะประมาณ 32 หลา และไม่ตั้งกำแพงมนุษย์ขณะที่โกลก็ยืนอยู่เกือบกลางประตู แต่ วิลล์ ไรท์ ที่รับหน้าที่สังหารตะบันบอลพุ่งเสียบตาข่ายชนิดที่นายทวารไม่ขยับตัวด้วยซ้ำ
งานนี้แฟนบอลเข้ามาแสดงความเห็นกันยกใหญ่เกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า "นี่คือการหักล้างทฤษฎีนั้นโดยสิ้นเชิง" ส่วนรายที่สองระบุว่า "เรดดิ้ง คงฟัง ไมเคิ่ล โอเว่น มาแหงๆ" ตามด้วยรายที่สาม "สิ่งที่ โอเว่น พูดมานั้นถูกหักล้างจนหมดความน่าเชื่อถือไปเลย"