โคล พาลเมอร์ นำทัพ! เชลซีพาเหรดติดทีมยอดเยี่ยมสโมสรโลก 2025, มาดริดมีแค่ 1

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 ปิดฉากไปเรียบร้อยพร้อมกับความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของ เชลซี ที่สามารถปราบ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ยับเยิน 3-0 ในรอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 

ผลงานที่ยอดเยี่ยมของทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" ทำให้นักเตะของพวกเขาคว้ารางวัลส่วนตัวอย่าง โคล พาลเมอร์ ที่ได้รับเลือกนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ขณะที่ โรเบิร์ต ซานเชซ นายทวารได้รางวัลถุงมือทองคำ หรือ "โกลเด้น โกลฟ" 

นอกจากนี้   พาลเมอร์ ยังควง มาร์ค กูกูเรย่า, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ และ เปโดร เนโต้ ติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ โดยแข้ง "เปแอสเช" มีชื่อติดทัพ 3 ราย ขณะที่เรอัล มาดริด มีชื่อแค่คนเดียว ขณะที่นักเตะที่เซอร์ไพรส์ก็คือตำแหน่งผู้รักษาประตูซึ่งมาจากสโมสร อัล-ฮิลาล 

รายชื่อทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ศึกฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 

ผู้รักษาประตู : ยาสซีน บูนู (อัล ฮิลาล)

บูนู สร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ที่ อัล ฮิลาล โลดแล่น โดยฟอร์มที่สุดยอดของเขา และได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุดก็คือแมตช์ปะทะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

แมตช์นั้น "เรือใบสีฟ้า" มีโอกาสยิงประตูหลายครั้ง แต่โดน นายทวารมากประสบการณ์ วัย 34 ปี สวมบทจอมหนึบด้วยการเซฟจังหวะสำคัญถึง 10 ครั้งซึ่งเป็นสถิติในทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้ ส่งผลให้ อัล ฮิลาล หักปากกาเซียนเฉือนชนะด้วยสกอร์ 4-3  ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

สำหรับในรอบก่อนรองชนะเลิศ บูนู พยายามช่วยต้นสังกัดในแมตช์ดวลกับ ฟลูมิเนนเซ่ แต่น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดพวกเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับยอดทีมจากบราซิล ด้วยสกอร์ 1-2 

แบ็กขวา : อาชราฟ ฮาคิมี่ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง)

ถ้าหากไม่นับเกมรอบชิงชนะเลิศ ต้องบอกว่า อาชราฟ ฮาคิมี่ เป็นแบ็กขวาที่เล่นได้อย่างโดดเด่นทั้งเกมรุก และเกมรับ โดยเขามีส่วนสำคัญในการนำ "เปแอสเช" ประสบการณ์ความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา

ฟูลแบ็กทีมชาติโมร็อกโก เป็นหนึ่งในผู้เล่นกำลังสำคัญของ แซงต์-แชร์กแมง เขามีบทบาทอย่างมากในการแย่งบอลคืนมาได้อย่างสม่ำเสมอ และสามารถนำบอลไปใช้ต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งที่เห็นได้อย่างเด่นชัดก็คือ ฮาคิมี่ มีส่วนร่วมโดยตรงกับ 4 ประตูในศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก แต่น่าเสียดายฟอร์มที่สุดยอดของนักเตะไม่เกิดขึ้นในเกมพ่าย เชลซี 

เซนเตอร์แบ็ก : มาร์กินญอส (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง)

กัปตันทีม "เปแอสเช" เป็นหัวใจในเกมรับของสโมสรอย่างแท้จริง โดยตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มจนถึงรอบรองชนะเลิศ เขาสามารถรับมือกับแนวรุกระดับโลกได้อย่างไม่มีปัญหา แต่สำหรับในเกมรอบชิงฯ การต้องดวลกับ ชูเอา เปโดร และ โคล พาลเมอร์ ถือว่าเป็นงานที่ยากลำบากมาก

แม้ว่า มาร์กินญอส จะไม่สามารถนำ แซงต์-แชร์กแมง ประสบความสำเร็จในศึกฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ แต่ความยอดเยี่ยมของเขาที่นำสโมสรคว้าแชมป์มากมาย รวมทั้งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ยังคงน่าประทับใจอยู่เสมอ 

เซนเตอร์แบ็ก : ติอาโก้ ซิลวา (ฟลูมิเนนเซ่) 

แม้ว่า ติอาโก้ ซิลวา จะอายุครบ 40 ปีแล้วก็ตาม แต่สภาพร่างกายและความฟิตของเขารวมทั้งประสบการณ์อันแสนโชกโชนในเกมลูกหนังยังคงมีประโยชน์กับ ฟลูมิเนนเซ่ อย่างมากสำหรับทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์โลก 

ผลงานของ ซิลวา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขามีความสำคัญกับ ฟลูมิเนนเซ่ อย่างมาก โดยความเหนียวแน่นในเกมรับมีส่วนสำคัญที่ทำให้ต้นสังกัดผงาดคว้าสู่รอบรองชนะเลิศรายการนี้

อดีตแนวรับ เชลซี, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ เอซี มิลาน จะอายุ 41 ปีในเดือนกันยายนนี้ ยังมีศักยภาพในการสู้กับบรรดานักเตะรุ่นน้องได้สบายๆ โดยก่อนหน้านี้ มาร์ค กูกูเรย่า แบ็กซ้ายเชลซี ยังยกย่องว่าเป็นตำนานวงการฟุตบอลตัวจริงเสียจริง 

แบ็กซ้าย : มาร์ค กูกูเรย่า (เชลซี)

นอกจากผมฟูฟ่องเป็นยองใยแล้ว กูกูเรย่า ยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นมากๆ ในตำแหน่งแบ็กซ้ายโดยเฉพาะการเล่นเกมรุกและรับที่ทำได้ยอดเยี่ยมไม่มีที่ติ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ 

กูกูเรย่า รักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างคงเส้นคงวาตลอดการแข่งขันบนแผ่นดินสหรัฐอเมริกา โดยเขาลงสนามให้ต้นสังกัดครบทุกเกม พร้อมกับผลิตผลงานที่ยอดเยี่ยมเกินห้ามใจ

ฟอร์มที่โดดเด่นของเจ้าตัวคงหนีไม่พ้นแมตช์ชิงชนะเลิศ เมื่อจัดการเล่นงาน เดซิเร่ ดูเอ้ แนวรุกของ แซงต์-แชร์กแมง จนอยู่หมัด และนี่คือหนึ่งในจุดสำคัญที่ทำให้ "สิงห์บลูส์" เล่นงาน "เปแอสเช" ได้สำเร็จ

กองกลาง : วิตินญ่า (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง)

แม่ทัพที่คอยกำกับเกมการเล่นของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็คือ วิตินญ่า โดยเขาเป็นนักเตะคนสำคัญในแผนการเล่นของกุนซือหลุยส์ เอ็นรีเก้ 

ด้วยสไตล์ที่เน้นผสมผสานระหว่างพละกำลังและการคุมจังหวะเกมได้อย่างยอดยเยม นั่นทำให้ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโปรตุเกส เป็นหัวใจในการขับเคลื่อน "เปแอสเช" อย่างแท้จริง

แน่นอนว่าการที่ เชลซี สามารถเล่นงาน วิตินซ่า และทำให้นักเตะไม่สามารถเล่นได้ตามจังหวะที่ตัวเองถนัด จึงส่งผลต่อฟอร์มการเล่นโดยรวมของ แซงต์-แชร์กแมง อย่างเห็นได้ชัด

กองกลาง : เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ (เชลซี) 

สำหรับตำแหน่งนี้ต้องยอมรับว่า เชลซี มีผู้เล่นที่น่าสนใจหลายคนโดยเฉพาะ มอยเซส ไกเซโด้ กับ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ที่ประสานงานในแดนกลางได้อย่างยอดเยี่ยม แต่หากพิจารณาถึงนักเตะที่สำคัญมากทั้งเกมรับและรุกต้องยกให้ เฟร์นานเดซ เท่านั้น

สตาร์ทีมชาติอาร์เจนตินา เปรียบเสมือนกุญแจขับเคลื่อนในแผงมิดฟิลด์โดยสามารถสร้างสรรค์เกมเพื่อสร้างโอกาสให้แนวรุกได้ลุ้นเข้าไปทำประตู ในขณะเดียวกันยังคองสอดแทรกจากแถวสองเพื่อจบสกอร์เอง ที่สำคัญสามารถช่วยตัดเกมแดนกลางให้ทีมด้วย

เฟร์นานเดซ ทำแอสซิสต์มากกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ (3 แอสซิสต์) และยังยิงได้ 1 ประตู ในทัวร์นาเมนต์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ดังนั้นเขาคือหนึ่งในคีย์แมนที่นำต้นสังกัดคว้าแชมป์รายการนี้ 

ปีกขวา : เปโดร เนโต้ (เชลซี)

เปโดร เนโต้ ทำผลงานไม่ค่อยโดดเด่นมากนักโดยซัดไปเพียง 4 ประตูให้ เชลซี เมื่อฤดูกาลที่ผานมาซึ่งเป็นซีซั่นเดบิวต์ของเขากับสโมสร แต่ในการแข่งขันชิงแชมป์สโมสรโลก เจ้าตัวระเบิดฟอร์มซัดไป 3 ประตูจาก 6 แมตช์

เขาเพิ่มประสิทธิภาพในจังหวะจบสกอร์ให้กับความเร็วอันจัดจ้านของตัวเอง และกลายเป็นกำลังสำคัญในเกมรุกของเชลซี แข้งทีมชาติโปรตุเกสรายนี้ยังโชว์ฟอร์มเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยมในนัดชิงชนะเลิศที่เอาชนะเปแอสเช โดยมีส่วนช่วยหยุดยั้งอันตรายจากอัชราฟ ฮาคิมี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แนวรุกทีมชาติโปรตุเกส เป็นผู้เล่นที่มีความเร็วจัดจ้าน และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจบสกอร์ได้เฉียบคมมากยิ่งขึ้น และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเป็นกำลังสำคัญในเกมรุกของ เชลซี 

นอกเหนือจากเกมรุกที่โดดเด่นแล้ว เนโต้ ยังโชว์ฟอร์มเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยมในนัดชิงชนะเลิศที่เอาชนะ "เปแอสเช" โดยมีส่วนช่วยหยุดยั้งความอันตรายจาก ฮาคิมี่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปีกซ้าย : โคล พาลเมอร์ (เชลซี)

ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มจนกระทั่งนัดชิง โคล พาลเมอร์ คือผู้เล่นที่มีความสำคัญอย่างมาก และนั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ สตาร์ทีมชาติอังกฤษ จะคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมศึกฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025

พาลเมอร์ เป็นผู้เล่นที่มีอิสระในการเล่นเกมบุก และเขาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในเกมกับ แซงต์-แชร์กแมง ด้วยการซัดสองประตูกับ 1 แอสซิสต์ แถมยังปั่นป่วนเกมรับ "เปแอสเช" ตลอดทั้งเกม ซึ่งผลงานแบบนั้นทำให้เขาได้รับเลือกเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนัดชิง

ความสามารถของ อดีตเด็กปั้น "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เล่นงานทีมสโมสรที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเบอร์ 1 ของโลกในเวลานี้ ได้อย่างเหนือชั้น มันช่างน่าประทับใจจริงๆ 

กองหน้า : จอน อาริอาส (ฟลูมิเนนเซ่) 

ตอนนี้สโมสรชั้นนำในยุโรปคงเตรียมเปิดสงครามข้อเสนอเพื่อล่าตัว จอน อาริอาส มาร่วมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังนักเตะสร้างผลงานดีมีคุณภาพกับ ฟลูมิเนนเซ่น ในศึกชิงแชมป์สโมสรโลก ที่ดินแดนลุงแซม

หัวหอกทีมชาติโคลอมเบีย มีส่วนสำคัญในการนำต้นสังกัดทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศรายการนี้พร้อมกับซัดไป 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถต้านทานความร้อนแรงของ เชลซี ได้

สำหรับสไตล์การเล่นของ อาริอาส ถือว่าเข้ากับแนวทางของสโมสรในยุโรป โดยจุดเด่นของนักเตะก็คือความแข็งแกรง ดุดันร้อนแรง การเลี้ยงบอลที่กล้าได้กล้าเสีย และการพุ่งทะลุแนวรับที่สร้างปัญหาให้กับคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง เขาคือหนึ่งในนักเตะที่เล่นได้สนุกและน่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริง

กองหน้้า : กอนซาโล่ การ์เซีย (เรอัล มาดริด)

หนึ่งเดียวจาก เรอัล มาดริด ที่มีชื่อติดโผแข้งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์นี้ก็คือ กอนซาโล่ การ์เซีย เพราะผลงานของเขาถือว่าโดดเด่นมากกว่าเพื่อนร่วมทัพ "ราชันชุดขาว" อย่างแท้จริง

การ์เซีย ซึ่งไม่เคยได้ลงเล่นตัวจริงให้ต้นสังกัดก่อนการแข่งขันฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ทำสถิติซัด 4 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ในรายการ พร้อมกับคว้ารางวัลรองเท้าทองคำ หรือ "โกลเด้น บูท"  

แม้ก่อนหน้านี้ เด็กปั้นจากอะคาเดมี่ เรอัล มาดริด เคยถูกมองข้ามมาก่อน แต่ตอนนี้สามารถสร้างผลงานจนกลายเป็นหนึ่งในแผนการทำทีมของกุนซือชาบี อลอนโซ่สำหรับฤดูกาล 2025/2026 ได้สำเร็จ  

TOMMY TEE.