กลายเป็นประเด็นให้แฟนบอลล้อกันนิดหน่อย สำหรับ เอ็นโซ่ มาเรสก้า กุนซือ เชลซี หลังจากเขาพยายามให้เหตุผลว่าในศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 ทีมจากทวีปยุโรปเสียเปรียบทีมจากทวีปอเมริกาใต้เรื่องสภาพความฟิต
มาเรซก้า ยกตัวอย่างว่าทีมของตนเล่นถึง 63 เกมเจ้าไปแล้วในฤดูกาล 2024-25 ในกรณีที่นับรวมศึกชิงแชมป์สโมสรโลกเข้าไปด้วย แต่ทางนักข่าว บราซิล สวนทันทีว่า ฟลูมิเนนเซ่ ซึ่งเป็นคู่แข่งในรอบรองชนะเลิศของ เชลซี เตะไป 70 นัดหากนับในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้ มาเรซก้า นิ่งเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนไปตอบคำถามในประเด็นอื่น
บางคนอาจจะสงสัยว่า ฟลูมิเนนเซ่ เตะเยอะถึงขนาดนั้นจริงๆ งั้นหรือ ? คำตอบคือที่จริงแล้วหากนับในช่วง 12 เดือนก่อนหน้าที่จะถึงศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 แล้วล่ะก็ ฟลูมิเนนเซ่ เตะไปถึง 72 นัดด้วยซ้ำ โดยถ้านับรวมในรายการนี้เข้าไปด้วย เกมกับ เชลซี ก็จะถือเป็นนัดที่ 78 ของ ฟลูมิเนนเซ่
หากเจาะลึกลงไปก็จะพบว่าสโมสรที่ลงเล่นมาเยอะที่สุด 5 อันดับแรกก่อนถึงศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 ไม่มีทีมจากทวีปยุโรปเลย โดยอันดับ 1 คือ ฟลาเมงโก้ เพื่อนร่วมชาติของ ฟลูมิเนนเซ่ ที่จำนวน 78 เกม ตามมาด้วย โบตาโฟโก้ จากจำนวน 73 นัด แล้วจากนั้นก็มาถึง ฟลูมิเนนเซ่ จากตัวเลข 72 เกม โดยที่ พัลไมรัส อีกหนึ่งทีมจากแดนแซมบ้า กับ อัล-อาห์ลี สโมสรจาก อียิปต์ อยู่ที่ 4 กับ 5 ตามลำดับ ด้วยตัวเลข 70 เกมกับ 66 นัด
ทีมจากทวีปยุโรปที่ลงเล่นเยอะที่สุดในช่วงเวลา 12 เดือนก่อนจะเดินทางมาเล่นศึกชิงแชมป์สโมสรโลกคือ เรอัล มาดริด ที่เตะไป 62 เกม จนถือเป็นอันดับ 6 จากทั้งหมด 32 ทีม ขณะที่ เชลซี อยู่ในอันดับ 9 ที่จำนวน 57 นัด เท่ากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่แข่งร่วมศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สำหรับสาเหตุที่ทีมจากบราซิลลงเล่นเยอะแบบนั้นก็เพราะในแดนแซมบ้ามันมีรายการฟุตบอลลงเล่นเยอะมากๆ ซึ่งนอกจากเกมลีกภายในประเทศ (ลีกสูงสุดคือ กัมปิโอนาโต้ บราซิเลยโร่ เซรี่ เอ) และเกมฟุตบอลถ้วยต่างๆ แล้วนั้น พวกเขายังมีเกมรายการอื่นๆ ยิบย่อยอีก หนึ่งในนั้นคือเกมลีกระดับรัฐซึ่งเอาทีมที่อยู่ในแต่ละรัฐมาเตะกันในระบบลีกก่อน จากนั้นก็ต่อด้วยรอบน็อกเอาต์ โดยลีกระดับรัฐจะเตะกันให้จบตั้งแต่ช่วงต้นปีไปเลย
ยกตัวอย่างเช่น ศึกกัมปิโอนาโต้ การิโอก้า เป็นลีกประจำรัฐ ริโอ เดอ จาเนยโร โดยในปี 2025 ที่เพิ่งปิดฉากลงไปมีทีมลงเล่นในลีกสูงสุดของรัฐ 12 ทีม ซึ่ง ฟลาเมงโก้, โวลต้า เรดอนด้า, ฟลูมิเนนเซ่ และ วาสโก ดากาม่า ได้อันดับ 1, 2, 3 และ 4 ตามลำดับ ทำให้ทั้ง 4 ทีมนี้ได้ไปวัดกันต่อในรอบเพลย์ออฟ
สำหรับรอบเพลย์ออฟจะเอาอันดับ 1 เจอกับอันดับ 4 และอันดับ 2 เจอกับอันดับ 3 ในรอบรองชนะเลิศ โดยทั้งรอบตัดเชือกกับรอบชิงดำจะเตะแบบ เหย้า-เยือน ด้วย ซึ่งสุดท้ายแชมป์ประจำรัฐริโอ เดอ จาเนยโร ในปี 2025 ก็ตกเป็นของ ฟลาเมงโก้ ที่ชนะ ฟลูมิเนนเซ่ ในรอบชิงดำด้วยสกอร์รวม 2 นัด 2-1 นั่นเอง
จำนวนนัดที่แต่ละทีมลงเล่นในช่วง 12 เดือนก่อนถึงศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2025
1. ฟลาเมงโก้ (บราซิล) 78 เกม
2. โบตาโฟโก้ (บราซิล) 73 เกม
3. ฟลูมิเนนเซ่ (บราซิล) 72 เกม
4. พัลไมรัส (บราซิล) 70 เกม
5. อัล-อาห์ลี (อียิปต์) 66 เกม
6. เรอัล มาดริด (สเปน) 62 เกม
7. อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี) 59 เกม
8. ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส) 58 เกม
9. เชลซี (อังกฤษ) 57 เกม
- แมนซิตี้ (อังกฤษ) 57 เกม
11. เบนฟิก้า (โปรตุเกส) 56 เกม
12. แอต. มาดริด (สเปน) 55 เกม
- ลอสแองเจลิส เอฟซี (สหรัฐอเมริกา) 55 เกม
- ริเวอร์ เพลท (อาร์เจนตินา) 55 เกม
15. มาเมโลดี้ ซันดาวน์ส (แอฟริกาใต้) 54 เกม
- อุลซาน เอชดี (เกาหลีใต้) 54 เกม
17. โบคา จูเนียร์ส (อาร์เจนตินา) 52 เกม
18. อัล-ฮิลาล (ซาอุดี อาระเบีย) 51 เกม
- บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี) 51 เกม
- ยูเวนตุส (อิตาลี) 51 เกม
21. โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมนี) 50 เกม
- มอนเตอร์เรย์ (เม็กซิโก) 50 เกม
- ซีแอตเทิ่ล ซาวน์เดอร์ส (สหรัฐอเมริกา) 50 เกม
24. เอฟซี ปอร์โต้ (โปรตุเกส) 49 เกม
25. เอสเปร็องซ์ เดอ ตูนิส (ตูนิเซีย) 48 เกม
- เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก (ออสเตรีย) 48 เกม
27. อินเตอร์ ไมอามี่ (สหรัฐอเมริกา) 47 เกม
28. อ็อคแลนด์ ซิตี้ (นิวซีแลนด์) 46 เกม
29. ปาชูก้า (เม็กซิโก) 43 เกม
30. อัล-ไอน์ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) 42 เกม
- อุราวะ เร้ดส์ (ญี่ปุ่น) 42 เกม
- วีดาด เอซี (โมร็อกโก) 42 เกม