โบคา จูเนียร์ส กับ ริเวอร์ เพลท คือ 2 ตัวแทนจากประเทศอาร์เจนตินาที่ได้โควตามาเล่นศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 จากตั๋วทั้งหมด 6 ใบที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) มอบให้กับสมาพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้ (คอนเมโบล)
โดยพวกเขาได้สิทธิ์จากการเป็น 2 ทีมจากอเมริกาใต้ที่มีคะแนนในช่วง 4 ปีก่อนหน้านี้ดีที่สุด ในกรณีที่ไม่นับรวม พัลไมรัส, ฟลาเมงโก้, ฟลูมิเนนเซ่ และ โบตาโฟโก้ 4 ทีมจาก บราซิล ที่ได้มาเล่นนี้จากสิทธิ์การเป็นแชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส
อย่างไรก็ตาม โบคา กับ ริเวอร์ เพลท ต่างก็ต้องจูงมือกันกลับบ้านตั้งแต่หลังจบรอบแบ่งกลุ่ม หลังจากล่าสุด ริเวอร์ เพลท แพ้ อินเตอร์ มิลาน 0-2 จนทำให้พวกเขามีเพียง 4 แต้มและเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม อี ขณะที่ก่อนหน้านั้น โบคา ทำงามหน้ากว่า เพราะพวกเขาไม่ชนะใครเลยจากการเล่น 3 นัดในกลุ่ม ซี โดยขนาดเจอกับ อ็อคแลนด์ ซิตี้ ทีมระดับสมัครเล่นจาก นิวซีแลนด์ ที่เคยแพ้ บาเยิร์น มิวนิค 0-10 กับ เบนฟิก้า 0-6 แต่ว่าทีมจาก อาร์เจนตินา กลับทำได้เพียงเสมอ 1-1 เท่านั้น
เรียกได้ว่าผลงานของสโมสรจากอาร์เจนตินากำลังสวนทางกับทีมชาติอย่างสิ้นเชิง หลังจากทีมชาติอาร์เจนตินาได้แชมป์มาติดๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ โคปา อเมริกา 2021, ฟุตบอลโลก 2022, ฟินาลิสซิม่า 2022 และ โคปา อเมริกา 2024
ทั้งนี้ หากลองมองย้อนกลับไปในศึกชิงแชมป์สโมสรโลกครั้งก่อนๆ นั้น มันก็จะพบว่าสโมสรจาก อาร์เจนตินา ไม่ถูกโฉลกกับการเล่นศึกชิงแชมป์สโมสรโลกเอาซะเลย เพราะทีมจากอาร์เจนตินาไม่เคยได้แชมป์รายการนี้แม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเราจะมานั่งไทม์แมชชีนย้อนไปดูผลงานเหล่านั้นกัน
- 2007 : โบคา จูเนียร์ส
นั่นคือครั้งแรกที่ทีมจาก อาร์เจนตินา ได้ลงเล่นศ฿กชิงแชมป์สโมสรโลก โดย โบคา ชุดนั้นมีนักเตะอย่าง กาเบรียล ปาเล็ตต้า, เอแวร์ บาเนก้า, โรดรีโก้ ปาลาซิโอ้ และ มาร์ติน ปาแลร์โม่ ส่วนกุนซือของทีมคือ มิเกล อังเคล รุสโซ่
ตามฟอร์แมตเดิมนั้น แชมป์จากทวีปอเมริกาใต้จะได้เริ่มเล่นในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งในรอบคัดเชือกของปี 2007 โบคา เอาชนะ เอตัว ดู ซาเฮล แชมป์จากทวีปแอฟริกาที่มาจาก ตูนิเซีย ไปได้ 1-0 ทำให้ในนัดชิงดำพวกเขาได้เจอกับ เอซี มิลาน แต่กลายเป็นว่า "รอสโซเนรี่" เล่นได้เหนือกว่าเยอะจน โบคา แพ้ไป 2-4
- 2009 : เอสตูเดียนเตส
มาร์กอส โรโฮ, ฮวน เซบาสเตียน เวรอน, เอ็นโซ่ เปเรซ คือหนึ่งในนักเตะของ เอสตูเดียนเตส ชุดนั้น ส่วนกุนซือได้แก่ อเลฮานโดร ซาเบย่า โดยในรอบรองชนะเลิศพวกเขาได้เจอกับ โปฮัง สตีเลอร์ส ทีมจากเกาหลีใต้ ซึ่ง เอสตูเดียนเตส ก็ชนะไปตามคาด 2-1
ในรอบชิงชนะเลิศ เอสตูเดียนเตส ต้องเจอกับ บาร์เซโลน่า ซึ่งพวกเขาก็เกือบจะชนะด้วยซ้ำ หลังนำก่อนจาก เมาโร โบเซลลี่ ในนาทีที่ 37 แต่ว่า บาร์เซโลน่า มาตีเสมอได้จาก เปโดร ในนาทีที่ 89 ทำให้จบช่วง 90 นาทีเสมอกัน 1-1 และพอถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ ลิโอเนล เมสซี่ ก็มาทำประตูชัยให้กับ "อาซูลกราน่า" ได้ในนาทีที่ 110
- 2014 : ซาน ลอเรนโซ่
มาริโอ เยเปส แนวหลังชาวโคลอมเบียคือหนึ่งในนักเตะที่โดดเด่นของ ซาน ลอเรนโซ่ ชุดนั้น โดยกุนซือของทีมคือ เอ็ดการ์โต้ เบาซ่า แต่พวกเขาก็เหนื่อยตั้งแต่รอบรองชนะเลิศ เมื่อต้องไปลุ้นถึงช่วงต่อเวลาพิเศษกว่าที่จะชนะ อ็อคแลนด์ ซิตี้ 2-1 ใช่แล้ว อ็อคแลนด์ ทีมเดียวกับที่เพิ่งเสมอกับ โบคา ในปีนี้ได้นั่นเอง
พอถึงรอบชิงชนะเลิศ ซาน ลอเรนโซ่ ก็ต้องดวลกับ เรอัล มาดริด ซึ่งสุดท้ายทีมจากอาร์เจนตินาก็ต้องเป็นเพียงรองแชมป์อีกครั้ง หลังจาก "ราชันชุดขาว" เอาชนะไป 2-0 ด้วยผลงานของ เซร์คิโอ รามอส กับ แกเร็ธ เบล
- 2015 : ริเวอร์ เพลท
นี่คือครั้งแรกและครั้งเดียวที่ทีมจาก อาร์เจนตินา ได้สิทธิ์เล่นศึกชิงแชมป์สโมสรโลกเป็นจำนวน 2 ปีติดต่อกัน โดยกุนซือของ ริเวอร์ เพลท ตอนนั้นคือ มาร์เซโล่ กัลยาร์โด้ ขณะที่แข้งเด่นๆ มีอย่างเช่น คาร์ลอส ซานเชซ และ ลูคัส อลาริโอ ที่หลังจากนั้นราว 2 ปีไปเล่นให้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
ในรอบคัดเชือก ริเวอร์ เพลท เฉือนชนะ ซานเฟรชเช่ ฮิโรชิม่า ทีมดังจากญี่ปุ่น 1-0 แต่พอถึงรอบชิงชนะเลิศแล้วนั้นพวกเขาแทบเล่นไม่ออกจนแพ้ บาร์เซโลน่า ไปถึง 0-3 และเป็นครั้งที่ 4 จากทั้งหมด 4 ครั้งที่ทีมจาก อาร์เจนตินา ได้เป็นเพียงพระรองในรายการนี้
- 2018 : ริเวอร์ เพลท
ริเวอร์ เพลท ได้กลับมาแข่งรายการนี้ด้วยเป้าหมายว่าต้องการแก้ตัวให้ได้ ซึ่งกุนซือก็ยังเป็น กัลยาร์โด้ เหมือนเดิม เพียงแต่ขุมกำลังเปลี่ยนไปจากตอนปี 2015 อย่างเช่น ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ คนเดียวกับที่ตอนนี้เล่นให้ แอตเลติโก มาดริด และ เอเซเกล ปาลาซิออส
อย่างไรก็ตาม กลับกลายเป็นว่าหนนี้ ริเวอร์ เพลท ตกรอบแบบพลิกล็อกตั้งแต่รอบรองชนะเลิศ หลังจากแพ้ อัล-ไอน์ ทีมจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในช่วงดวลจุดโทษ ภายหลังจบ 120 นาทีเสมอกัน 2-2 ยังดีที่ในรอบชิงอันดับ 3 พวกเขาชนะ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ไปได้ 4-0 จนทำให้มีอันดับ 3 ติดมือกลับบ้าน แต่มันก็ถือเป็นผลงานที่ต่ำกว่าความคาดหวังอยู่ดี
- เด็กเกร็ดบอล -