เมสซี่เจอทีมเก่าครั้งแรก! ดราม่าความหลังกับเปแอสเชก่อนชนกันศึกชิงแชมป์สโมสรโลก

ผลเสมอ 2-2 ของ อินเตอร์ ไมอามี่ กับ พัลไมรัส ในเกมชิงแชมป์สโมสรโลก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ ทำให้ทั้ง 2 ทีมต่างก็จูงมือกันเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้ และมันก็เป็นผลงานที่มีผลต่อสถิติของ ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้ากัปตันทีม อินเตอร์ ไมอามี่ ด้วย 

เนื่องจากหากนับจนถึงผลงานเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา (หรือเช้าวันที่ 24 มิถุนายน ตามเวลาประเทศไทย) แล้วล่ะก็ มันก็เท่ากับว่าจนถึงตอนนี้ เมสซี่ ยังรักษาสถิติการไม่เคยตกรอบแบ่งกลุ่มทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติเอาไว้ได้ โดยในศึกชิงแชมป์สโมสรโลกครั้งนี้ถือเป็นหนที่ 33 ที่เขามีส่วนร่วมกับการเล่นรอบแบ่งกลุ่ม

อย่างไรก็ตาม สถิติที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือนี่จะเป็นครั้งแรกในชีวิตการค้าแข้งของ เมสซี่ ที่เขาจะได้เจอกับ "ทีมเก่า" ในรายการแบบเป็นทางการ เพราะคู่แข่งที่รอ อินเตอร์ ไมอามี่ อยู่ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็คือ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทีมที่ เมสซี่ เคยเล่นให้ระหว่างปี 2021-2023

สมัยเล่นอยู่กับทีมเมืองหลวงของแดนน้ำหอมนั้น "เปแอสเช" ไม่เคยถูกจับไปเจอกับ บาร์เซโลน่า แม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าทั้ง 2 ทีมจะได้ลงเล่นศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เหมือนกันก็ตาม ซึ่งการเจอกับทีมเก่าครั้งนี้ของ เมสซี่ ก็มีประเด็นด้วย

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2023 เมสซี่ เคยยอมรับตามตรงว่าเขาไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่กับตอนเล่นให้ ปารีส หลังจากมันถึงขั้นเคยมีกองเชียร์ ปารีส ที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการเห็นเขาเล่นให้ทีมอีกต่อไป "การเซ็นสัญญากับ อินเตอร์ (ไมอามี่) ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผม เพราะช่วงปีสุดท้ายของผมใน ปารีส มันมีหลายอย่างเกิดขึ้น"

"อย่างที่เคยบอกไปว่าการย้ายไป ปารีส มันไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของผมในตอนแรก ตอนนั้นผมโดนบีบให้ต้องบอกลา บาร์เซโลน่า และผมก็มีช่วงเวลา 2 ปีที่ไม่มีความสุขเอาซะเลย ผมไม่รู้สึกสนุกแบบทุกวัน ไม่ว่าจะทั้งในการซ้อมหรือเวลาลงเล่น ผมรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาในเรื่องการปรับตัว ตอนนั้นผมใช้ชีวิตได้ยากลำบาก แต่มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมที่นี่ (หมายถึงใน ไมอามี่)"

"ก่อนหน้านี้เราต้องอยู่ในสถานที่ที่เราไม่มีความสุข ไม่ใช่แค่เฉพาะในเรื่องผลการแข่งขันในสนามเท่านั้น แต่รวมถึงการใช้ชีวิตในทุกๆ วันร่วมกับภรรยาของผม, ลูกๆ ของผม, ไลฟ์สไตล์ของเรา และแนวทางการใช้เวลาของเราด้วย ความจริงก็คือตอนนี้เรากำลังมีความสุขกันมากๆ"

ไม่เพียงแค่นั้น เบรคท์ เดเยเกเร่ กองกลางชาวเบลเยียมยังเคยออกมาบอกด้วยว่าสมัยที่เขาเล่นให้ ชาร์ล็อตต์ เอฟซี และมีโอกาสดวลกับ เมสซี่ เขาเคยถามดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ว่ารู้สึกดีกว่าที่ฝรั่งเศสรึเปล่าหลังจบเกมกับ อินเตอร์ ไมอามี่ ไปแล้ว เนื่องจากก่อนหน้าจะย้ายมาเล่นให้ ชาร์ล็อตต์ เอฟซี นั้น เดเยเกเร่ เคยเล่นให้ ตูลูส ส่งผลให้เขาเคยเจอกับ เมสซี่ ตอนเล่นให้ ปารีส เหมือนกัน และคำตอบของ เมสซี่ ก็ถือว่าสื่อถึงอารมณ์ได้ดีพอตัว

เดเยเกเร่ เผยว่า "ตอนจบเกมผมถามเขาว่าถ้าเทียบกับที่ ไมอามี่ แล้วน่ะ เขารู้สึกดีกว่าที่ ฝรั่งเศส รึเปล่า ผมบอกเขาไปว่าผมเคยเจอกับเขาสมัยที่ผมเล่นกับ ตูลูส ตอนไปเยือน ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ เขาเองจำผมไม่ได้หรอก แต่วันนั้นผมมีความสุขจนเหมือนว่าความฝันในวัยเด็กได้เป็นจริงเลย เพราะว่า เมสซี่ เป็นนักเตะคนโปรดของผมมาโดยตลอด มันน่าเหลือเชื่อที่ได้ดวลกับเขา กลับมาเข้าประเด็นแล้วกัน วันที่เจอกันที่ สหรัฐอเมริกา น่ะนะ เขาบอกกับผมว่าตอนอยู่ที่ เปแอสเช มันเข้าขั้น -la mierda- ใช่ เขาพูดว่า -la mierda-"

สำหรับคำว่า "La mierda" เป็นภาษาสแปนิชที่ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษก็จะตรงกับคำว่า "Shit" หรือก็คือ "ห่วยแตก" นั่นเอง

แน่นอน นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี่ ประธาน ปารีส ก็ไม่ได้นิ่งเฉย เพราะเขาเคยตอบโต้ เมสซี่ แบบดุเดือดในระดับหนึ่ง "เราควรจะพูดตอนที่ยังอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่ตอนที่แยกทางกันแล้ว ผมเคารพ เมสซี่ นะ แต่มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่มีคนอยากพูดเรื่องแย่ๆ เกี่ยวกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง หลังจากที่คนๆ นั้นย้ายออกจากทีมไปแล้ว มันเป็นการไม่ให้ความเคารพกัน คือเขาก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายหรอก แต่ผมไม่ชอบการทำแบบนั้น ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่ไม่ควรทำแบบนั้น ผมหมายถึงทุกคนเลย"

ถ้าดูแค่ชื่อของสโมสร เกมระหว่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง กับ อินเตอร์ ไมอามี่ ในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ อาจจะไม่ใช่เกมที่น่าสนใจอะไร แต่หากพิจารณาถึงอดีตระหว่าง เมสซี่ กับทีมแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นล่าสุดแล้วนั้น นี่ก็ถือเป็นเกมที่น่าจับตามองพอตัวเลย