ซิเมโอเน่ โวยโดนเปาเท! แอตฯ มาดริด ตกรอบชิงแชมป์สโมสรโลกแม้ชนะ 2 จาก 3 เกม

ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์ แอตเลติโก มาดริด แสดงความผิดหวังที่กรรมการตัดสินแบบไม่เป็นใจกับทีมของเขาอีกครั้ง ในเกมชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดที่ "ตราหมี" ชนะ โบตาโฟโก้ 1-0

เกมนี้ แอต. มาดริด ชนะจากประตูของ อ็องตวน กรีซมันน์ ในนาทีที่ 87 จนทำให้พวกเขามี 6 แต้มเท่ากับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ โบตาโฟโก้ ทำให้ต้องมาตัดสินด้วยตารางแข่งแบบมินิลีก ซึ่งกลายเป็นว่าทีมของ ซิเมโอเน่ มีผลงานแย่สุดในเรื่องผลต่างประตูได้-เสีย ที่จำนวน -3 ลูกจนต้องตกรอบ ส่วนของ ปารีส กับ โบตาโฟโก้ อยู่ที่ +3 ลูก กับ 0 ลูก ตามลำดับ

ที่จริงเกมนี้ แอต. มาดริด มองว่าพวกเขาควรจะได้ลูกจุดโทษในช่วงทดเวลาของครึ่งแรก เหมือนกัน หลังจาก ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ เหมือนจะโดน เกรกอรี่ นักเตะของ โบตาโฟโก้ เหยียบเท้าในกรอบเขตโทษ แต่หลังจากมีการตรวจสอบทาง วีเออาร์ แล้วนั้น กรรมการ เซซาร์ รามอส ก็ไม่เป่าให้เป็นลูกจุดโทษ เพราะมองว่า อเล็กซานเดอร์ ซอร์ล็อธ นักเตะของ แอต. มาดริด ทำฟาวล์ตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะถึงจังหวะนั้น

กุนซือชาวอาร์เจนไตน์เผยว่า "ท้ายที่สุดแล้วเกมกับ เปแอสเช มันก็เป็นเกมที่ส่งผลเสียกับเรามากๆ ซึ่งวันนั้นทุกคำตัดสิน (ของกรรมการ) มันไม่เป็นใจกับเราเลย ในรายการนี้เราชนะได้ถึง 2 จาก 3 นัด แต่เราก็ยังตกรอบอยู่ดี มันเห็นได้ชัดว่าในรายการนี้การตัดสินของกรรมการไม่มีจังหวะไหนที่เป็นใจกับเราแม้แต่ครั้งเดียว"

"ผมไม่อยากรำพึงรำพันถึงจังหวะนั้น (จังหวะที่ไม่ได้ลูกจุดโทษในเกมล่าสุด) มากเกินไปน่ะนะ ผมอยากจะขอแสดงความยินดีกับคู่แข่งของเราแทน พวกเขาเล่นกันได้ดีมากๆ, เล่นด้วยความกล้าหาญอย่างเต็มเปี่ยม และเล่นเกมรับกันได้ตามแบบที่ควรจะเป็น เมื่อคุณเล่นเกมรับได้ดีและเล่นเกมบุกได้ถูกวิธีแล้วน่ะ คุณก็จะได้ประโยชน์เยอะ"

"เราอยู่ในกลุ่มที่หินมากๆ เพราะมันมีทั้งแชมป์ ลิเบอร์ตาดอเรส กับแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่ในกลุ่มนี้ แต่เราก็ยังมีแต้มเท่ากับ 2 ทีมนั้นได้ และที่เราตกรอบก็เพราะมาจากเรื่องผลต่างประตูได้-เสีย เราเคยชินกับเรื่องแบบนี้แล้ว ที่ ลา ลีกา เราก็ต้องดวลกับทั้ง บาร์เซโลน่า กับ เรอัล มาดริด อยู่เสมอ และเราก็ได้สิทธิ์เล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่ตลอด"

"นี่เป็นรายการที่ดีนะ เราเองก็ลงเล่นโดยที่มีความฮึกเหิมอย่างเต็มเปี่ยม แต่ผมอยากจะขอบอกหน่อยว่าสำหรับทีมจากทวีปยุโรปอย่างพวกเราแล้วน่ะนี่มันเท่ากับช่วงท้ายฤดูกาล ขณะที่สำหรับทีมจากทวีปอเมริกาใต้มันเป็นช่วงพีคระหว่างฤดูกาล"