เวิลด์ คัพ 2026 เสี่ยงวุ่น! สภาพอากาศวิกฤติในศึกสโมสรโลกส่งสัญญาณอันตราย

เวิลด์ คัพ 2026 เสี่ยงวุ่น! สภาพอากาศวิกฤติในศึกสโมสรโลกส่งสัญญาณอันตราย
ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 เจอปัญหาอากาศร้อนจัด-พายุฝนจนต้องดีเลย์หลายแมตช์ ส่งสัญญาณเตือนถึง ฟุตบอลโลก 2026 ที่จะจัดช่วงเวลาเดียวกันใน สหรัฐฯ, แคนาดา และเม็กซิโก โดยมีความเสี่ยงต่อทั้งนักเตะ, แฟนบอล และการถ่ายทอดสดอย่างชัดเจน

หลายคนอาจเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นมากขึ้นสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 หลังได้เห็นปัญหาเรื่องสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบอย่างหนักกับศึกฟุตบอชิงแชมป์สโมสรโลก หรือ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ช่วงซัมเมอร์นี้ 

สำหรับทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวจัดขึ้นบนดินแดนประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลแดนลุงแซมอย่างมาก และได้รับการตอบรับค่อนข้างดี แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ต้องเจอปัญหาเรื่องสภาพอากาศจนทำให้เกมต้องล่าช้าไปหลายแมตช์

ด้วยอุณหภูมิที่ร้อนระบุราวๆ 41 องศาเซลเซียส ยิ่งทำให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว และแน่นอนว่าแฟนบอลที่เข้าไปชมเกมในสนามกับนักเตะต้องเจอกับความเสี่ยงพอๆ กัน 

สำหรับปัญหาเรื่องสภาพอากาศเพิ่มสร้างความกังวลให้กับการจัดทัวร์นาเมนต์ เวิลด์ คัพ 2026 ที่มี สหรัฐฯ, แคนาดา และ เม็กซิโก เป็นเจ้าภาพร่วม อย่างแน่นอน 

1. การแข่งดีเลย์เพราะโดนสายฟ้าฟาด

ในการแข่งขันฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ มี 4 เกมที่ต้องดีเลย์เนื่องจากเกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าอย่างรุนแรง 

เกมระหว่าง มาเมโลดี้ ซันดาวน์ส พบ อุลซาน ฮุนได โดยผลกระทบจากปัญหานี้แบบเต็มๆ ทำให้เกมต้องล่าช้ามากกว่า 1 ชั่วโมง ขณะที่แมตช์ระหว่าง ซัลซ์บวร์ก พบ ปาชูก้า ต้องหยุดชั่วคราว 90 นาทีในช่วงครึ่งหลังเกมที่ซินซินเนติ 

ขณะที่ พัลไมรัส ดวล อัล-อาห์ลี ต้องหยุดชั่วคราว 40 นาทีในการแข่งขันที่เมืองนิวเจอร์ซี่ย์ หลังจากนั้นแมตช์ครึ่งหลังระหว่าง เบนฟิก้า กับ อ็อคแลนด์ ซิตี้ ต้องล่าช้าไปถึง 2 ชั่วโมงเนื่องจากมีพายุฝนตกหนักและฟ้าผ่าอย่างรุนแรง

สำหรับคู่ เบนฟิก้า พบ อ็อคแลนด์ และแมตช์ มาเมโลดี้ กับ อุลซาน ฮุนได้ จะแข่งกันในออร์แลนด์โด้ แม้ ฟุตบอลโลก 2026 จะไม่มีเกมการแข่งขันที่เมืองนี้ แต่มีโปรแกรมจัดที่ไมอามี่ถึง 7 เกม ซึ่งต้องใช้เวลาขับรถ 3 ชั่วโมงลงไปทางตอนใต้ของฟลอริด้า 

ส่วน นิวเจอร์ซี่ย์ ซึ่งเป็นเมืองที่เกิดเหตุฟ้าผ่าอย่างรุนแรงในเกมระหว่าง พัลไมรัส พบ อัล อาห์ลี จะจัดแข้งเวิลด์ คัพ 8 นัด รวมถึงเกมในรอบชิงชนะเลิศด้วย 

สิ่งสำคัญคือการแข่งขันฟุตบอลโลก โดยเปิดฉากฟาดแข้งระหว่างวันที่ 11 มิถุนายนถึง 19 กรกฎาคม เป็นช่วงเวลาเดียวกันและสถานที่เดียวกันในการแข่งฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ที่เกิดสถานการณ์วุ่นวายดังกล่าว

เนื่องจากความแตกต่างของเวลา เพื่อให้แน่ใจว่าแฟนบอลชาวยุโรปซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดจะได้ชมเกมของชาติบ้านเกิดตนเอง ทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขันจึงเลือกที่จะจัดโปรแกรมในช่วงเวลากลางวัน และบ่าย ซึ่งเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของวัน 

2. ผลกระทบกับนักเตะ

แน่นอนว่าสภาพอากาศที่เลวร้ายทั้งร้อนและพายุ ทำให้นักเตะและผู้ตัดสินต้องเจอกับความเสี่ยงจากอาการฮีท สโต๊ค, ความอ่อนเพลีย, ขาดน้ำ และยังมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ รวมทั้งอาการบาดเจ็บด้วย

มาร์กอส ยอร์เรนเต้ ฟูลแบ็กแอตเลติโก มาดริด เคยออกมาบ่นถึงสภาพอากาศที่ร้อนระอุในแมตช์ที่ทัพ "ตราหมี" แพ้ยับไม่นับญาติ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 0-4 เพราะเกมนั้นอุณหภูมิสูง 32 องศาฯ

ภายในสัปดาห์ต่อจากนี้ นักฟุตบอลอาจต้องเผชิญกับความสยองเรื่องอากาศร้อน เพราะมีรายงานว่าอุณหภูมิจะเพิ่มสูงขึ้นกว่า 9 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว 

ดร. คริส ไทเลอร์ นักสรีรวิทยาสิ่งแวดล้อมและผู้เชี่ยวชาญด้านความเครียดจากความร้อนในกีฬาแห่งมหาวิทยาลัยโรแฮมป์ตัน กล่าวกับ "บีบีซี" ว่า "นักกีฬาหลายคนที่คาดหวังว่าจะแข่งขันในปี 2026 เริ่มสัมผัสได้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นแล้ว"

"สภาพแวดล้อมต่างๆ จะเกิดขึ้นในการแข่งขันหลายเกมที่มีการกำหนดแข่งก่อนเวลา 17.00 น.เพื่อดึงดูดผู้ชมทางทีวีให้มากที่สุด ความร้อนที่รุนแรงกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดของทัวร์นาเมนต์นี้"

"Fossil Free Football" แคมเปญรณรงค์ต่อต้านการสนับสนุนบริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิล เน้นย้ำถึงผลกระทบของวิกฤตสภาพอากาศที่มีต่อเกมกีฬาอย่างรุนแรง

"ความกังวลเป็นพิเศษคือการแข่งขันในสนามไร้ร่มเงาในเมืองชาร์ลอตต์ ซึ่งคาดว่าดัชนีความร้อนจะอยู่ที่ 38 องศาฯ (เรอัล มาดริด พบกับ ปาชูกา) และ 41 องศาเซลเซียส (เบนฟิกา พบกับ บาเยิร์น) สำหรับสองแมตช์ต่อไป"

"สิ่งนี้เน้นย้ำถึงอันตรายที่นักเตะและแฟนบอลต้องเผชิญในทัวร์นาเมนต์นี้ และในปี 2026 ฟีฟ่า ยังไม่ได้ลงมืออย่างจริงจังในการบรรเทาความกังวลด้านความปลอดภัยจากสถานการณ์นี้" 

ก่อนหน้านี้ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ผู้จัดการทีมเชลซี ยอมรับว่าตนไม่สามารถส่งผู้เล่น 11 ตัวจริงชุดที่แข็งแกร่งที่สุดลงสนามได้ทุกเกมเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวมากๆ และสิ่งนี้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับกุนซือของแต่ละชาติที่จะต้องนำทีมลงสนามในศึกเวิลด์ คัพ แน่นอน 

3. แฟนบอลก็โดนผลกระทบ

ไม่ใช่แค่ผู้คนที่ลงไปในสนามเท่านั้นที่แบกรับความเสี่ยง เพราะแฟนบอลบนอัฒจันทร์ก็มีสิทธิ์ต้องเจอกับผลกระทบที่อันตรายจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งเห็นได้ชัดแล้วในทัวร์นาเมนต์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ

แฟนบอลที่เข้าไปชมเกมในสนามต้องเจอกับความแปรปรวนของสภาพอากาศทั้งฝนตกหนักหรือแดดร้อน โดยมีรายงานว่าผู้ชมในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ต้องออกจากอัฒจันทร์ระหว่างการแข่งขันเพราะอากาศร้อนมาก 

นอกจากนี้ยังมีการพบเห็นผู้คนที่เข้าแถวต่อคิวยาวเพื่อดื่มน้ำประปาซึ่งมีให้บริการจำกัดตามสนามกีฬา นอกจากนี้บางเกมจำเป็นต้องหยุดชั่วคราวเพื่อดูแลแฟนบอลที่ล้มป่วย และมีหลายรายที่ประสบเหตุที่เกี่ยวพันกับความร้อน 

4. การถ่ายทอดอาจมีปัญหา

บริษัทโทรทัศน์จากทั่วโลกทุ่มเงินมหาศาลเพื่อให้ได้ลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลกในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า แต่บางแมตช์มีความเสี่ยงที่จะล่าช้าซึ่งอาจเป็นฝันร้ายสำหรับผู้บริหารสถานีและแฟนๆ ที่พยายามรับชมการแข่งขันที่บ้าน

เหตุผลสำคัญก็เพราะถ้าต้องหยุดการแข่งขันเป็นเวลานาน การแข่งขันอาจจะไม่จบทันก่อนเกมแมตช์ต่อไปที่จะเริ่มเนื่องจากตารางการแข่งขันที่ยุ่งวุ่นวาย ซึ่งส่งผลเสียอย่างมากต่อโปรแกรมอื่นๆ นอกเหนือจากเกมลูกหนังด้วย

เวลาเริ่มการแข่งขันยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ในฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ มีโปรแกรม 4 แมตช์ต่อวัน โดยเริ่มทุกๆ 3 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 10.00 น. 13.00 น. 16.00 น. และ 19.00 น. ตามเวลาอังกฤษ แต่เกมฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ได้เผยความจริงให้เห็นอย่างชัดเจน

อย่างเช่นเกมระหว่าง เบนฟิก้า พบ อ็อคแลนด์ ซิตี้ มีกำหนดจบลง 1 ชั่วโมงก่อนที่ เชลซี จะฟาดแข้งกับ ฟลาเมงโก้ จะเริ่มขึ้น แต่มันไม่เป็นแบบนั้น เพราะคว้าล่าช้าทำให้เกมนี้ต้องลงแข่งในเวลาที่ทับซ้อนกัน แถมยังมีการหยุดชั่วคราวยาวนานด้วย 

5. แนวทางแก้ปัญหาของฟีฟ่า

ฟีฟ่า ได้เห็นถึงปัญหาเรื่องสภาพอากาศจากการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรแล้ว ทำให้องค์ลูกหนังโลก เริ่มออกแนวคิดเพื่อปกป้องและดูแลสุขภาพของนักเตะและแฟนบอลที่เข้ามาชมเกมในสนาม

องค์กรลูกหนังโลก ออกแถลงการณ์สั้นๆ ว่าสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ได้ให้คำแนะนำเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเลวร้ายในเกมฟุตบอล

แถลงการณ์ของ ฟีฟ่า ระบุว่า "สิ่งสำคัญที่สุดของ ฟีฟ่า คือสุขภาพของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของฟีฟ่าได้ติดต่อกับสโมสรที่เข้าร่วมการแข่งขันบริหารจัดการเรื่องความร้อนและการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม"

นอกจากนี้ ฟีฟ่า ยังได้มีการจัดช่วงพักเบรกดื่มน้ำเพื่อให้นักเตะได้มีโอกาสดื่มน้ำและผ่อนคลายร่างกายเป็นเวลา 30 นาทีและ 75 นาทีหากจำเป็น นอกจากนี้พวกเขายังอนุญาตให้แฟนบอลนำขวดใสใส่น้ำเปล่าขนาดไม่เกิน 1 ลิตเขาไปในสนามได้ด้วย 

แม้วิธีนี่จะมีประโยชน์กับแฟนบอลที่ได้ดื่มน้ำง่ายๆ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักถ้าพวกเขาต้องนั่งชมเกมอยู่บริเวณอัฒจันทร์ที่ไม่มีหลังคาท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำและฟ้าร้องฟ้าผ่า หรืออุณหภูมิที่สูงในระดับอันตรายตั้งแต่ 35-40 องศาฯ ขึ้นไป  

TOMMY TEE.



ที่มาของภาพ : Reuters
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport