วิเคราะห์บิ๊กซิกซ์ลุ้นแชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 : เปแอสเชเต็ง เชลซีรั้งท้าย

วิเคราะห์บิ๊กซิกซ์ลุ้นแชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 : เปแอสเชเต็ง เชลซีรั้งท้าย
ออปต้าเผยเปอร์เซนต์ลุ้นแชมป์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 “เปแอสเช” มาแรงสุด ทิ้ง แมนซิตี้, บาเยิร์น, อินเตอร์, มาดริด ส่วน เชลซี โอกาสคว้าแชมป์น้อยสุดในบรรดายักษ์ยุโรป

เกมลูกหนัง "ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ" เปิดฉากขึ้นเมื่อปี 2000 โดยทัวร์นาเมนต์นี้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งรูปแบบการแข่งขันและจำนวนทีมที่เข้าร่วมชิงชัย เพื่อให้รายการนี้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

สำหรับปี 2025 สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้ปรับรูปแบบใหม่เหมือนบอลโลก โดยให้มีทีมเข้าร่วม 32 สโมสรจาก 6 องค์กรลูกหนังโลก และเปลี่ยนจากการแข่งทุกปีเป็นโม่เกือก 4 ปีครั้ง แถมทีมที่คว้าแชมป์จะได้รับเงินรางวัลมหาศาลถึง 30 ล้านปอนด์ (ราว 1,320 ล้านบาท)

แล้วทีมไหนเป็นเต็งแชมป์รายการนี้ ? ออปตา บริษัทรวบรวมสถิติชื่อดัง ทำการวิเคราะห์ 6 สโมสรยักษ์ใหญ่ ที่น่าจะมีโอกาสสูงที่จะได้เถลิงบัลลังก์ศึกฟีฟ่า คลับ เวิด์ คัพ ประจำปี 2025 

1.  ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 

"เปแอสเช" มีโอกาสได้ลงเล่นในรายการ คลับ เวิลด์ คัพ เป็นครั้งแรก หลังพวกเขาเพิ่งโชว์ฟอร์มเทพไล่ต้อน อินเตอร์ มิลาน 5-0 คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อซีซั่นล่าสุด โดยเปิดการปิดฉากฟุตบอลถ้วยระดับทวีปได้อย่างงดงาม 

แงต์-แชร์กแมง ซึ่งเขี่ยทีมดังจากอังกฤษทั้ง ลิเวอร์พูล (16 ทีมสุดท้าย) , แอสตัน วิลล่า (รอบก่อนรองชนะเลิศ) และ อาร์เซน่อล (รอบรองชนะเลิศ) ตกรอบเรียบวุธ สามารถปิดฉากการรอคอยโทรฟี่หูกางซะที โดยศักยภาพของพวกเขายังมีโอกาสที่จะเพิ่มความสำเร็จในเกมฟุตบอลถ้วยระดับนานาชาติได้อีกด้วย

ยอดทีมจากกรุงปารีส อยู่กลุ่ม บี โดยประเดิมสนามด้วยการทุบ แอตเลติโก มาดริด 4-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งผลงานของพวกเขาในแมตช์นี้เป็นการตอกย้ำว่า "เปแอสเช" ยังคงเป็นทีมที่แข็งแกร่งยากจะมีทีมไหนหยุดได้

ลูกทีมของกุนซือหลุยส์ เอ็นรีเก้ ซึ่งคิวต้องปะทะกับ โบตาโฟโก้ และ ซีแอตเทิ่ล ซาวน์เดอร์ส มีความแข็งแกร่งกว่าเพื่อนร่วมกลุ่มอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นการรอบแบ่งกลุ่มจึงไม่ใช่งานยากลำบากอะไรสำหรับพวกเขา 

จากการวิเคราะห์มีความเป็นไปได้สูงว่า "เปแอสเช" จะได้ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายถึง 91.6 เปอร์เซนต์ โดยในรอบนี้มีการกำหนดเอาไว้แล้วต้องเจอกับกลุ่ม เอ ซึ่งไม่มีทีมแกร่งเลย ฉะนั้นโอกาสทะลุรอบ 8 ทีมสุดท้ายสูงถึง 75.4 เปอร์เซนต์ 

พวกเขาเป็นสโมสรที่มีสิทธิ์ทะลุถึงรอบตัดเชือก 49.2 เปอร์เซนต์ และเข้ารอบชนะเลิศ 30.9 เปอร์เซนต์ โดยโอกาสที่จะได้ชูโทรฟี่แชมป์รายการนี้มีอยู่ประมาณ 18.5 เปอร์เซนต์  

2. แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ก่อนที่ทัวร์นาเมนต์นี้จะเปิดฉาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดูเหมือนจะเป็นคู่แข่งที่อันตรายที่สุดของ แซงต์-แชร์กแมง ในการแย่งโทรฟี่แชมป์ฟุตบอลถ้วยระดับนานาชาติรายการนี้

หลายคนอาจรู้สึกประหลาดใจเพราะ "เรือใบสีฟ้า" ทำผลงานได้น่าผิดหวังมากๆ เมื่อฤดูกาล 2024/2025 โดยทีมไม่ได้แชมป์อะไรเลย แต่กระนั้นแชมป์เก่าฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ถือเป็นทีมที่มีขุมกำลังแข็งแกร่งที่สุดเป็นรองแค่ "เปแอสเช" เท่านั้น

แมนซิตี้ เพิ่งผงาดคว้าแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2023 หลังไล่ต้อน ฟลูมิเนนเซ่ 4-0 ที่สำคัญ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือชาวสแปนิช เป็นโค้ชที่ได้แชมป์ทัวร์นาเมนต์นี้มากที่สุด (4 สมัย) จากการคุม 3 สโมสร ได้แก่ บาร์เซโลน่า (2009, 2011), บาเยิร์น มิวนิค (2013) และ แมนซิตี้ (2023)

เป๊ป คว้าชัยชนะ 8 แมตช์ในการแข่งขัน คลับ เวิลด์ คัพ ก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งทีมที่เขากุมบังเหียนตะบันไปถึง 25 ประตู และเสียเพียง 2 ประตูเท่านั้น สำหรับคู่แข่งที่อันตรายที่สุดของพวกเขาในกลุ่ม จี ก็คือยูเวนตุส แต่ก็ไม่น่าจะคณาฝีเท้าทัพ "สำเภาทอง"

ด้วยเหตุนี้โอกาสที่ แมนซิตี้ จะคว้าแชมป์กลุ่มประมาณ 71.3 เปอร์เซนต์ ส่วน "ม้าลาย" อยู่ที่ 27.1 เปอร์เซนต์ ขณะเดียวกันทีมของกุนซือหัวใจแดนกระทิงดุ มีโอกาสทะลุรอบ 16 ทีมสุดท้ายสูงถึง 97.2 เปอร์เซนต์เหนือกว่าทีมอื่นๆ ที่มีลุ้นแชมป์ 

นอกจากนี้ แมนซิตี้ ยังมีโอกาสสูงถึง 29.6 เปอร์เซนต์ที่จะทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ส่วนความเป็นไปได้ที่จะป้องกันแชมป์รายการนี้อยู่ที่ 17.8 เปอร์เซนต์เป็นรอง "เปแอสเช"  แต่ก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก 

มีความเป็นไปได้ว่า แมนซิตี้ ต้องการแสดงผลงานให้ดีที่สุดเพื่อหวังที่จะแก้ตัวจากผลงานที่ย่ำแย่เมื่อซีซั่นล่าสุด ดังนั้นการคว้าแชมป์รายการนี้พร้อมโกยเงินมหาศาลกลับเมืองผู้ดีจึงเป็นเป้าหมายสำคัญของพวกเขา 

3. บาเยิร์น มิวนิค 

หลังจากคว้าแชมป์บุนเดสลีกา เมื่อฤดูกาล 2024/2025 ทัพ "เสือใต้" มองเป้าหมายต่อไปก็คือการคว้าแชมป์ฟุตบอลสโมสรโลก แต่โอกาสของพวกเขาอาจจะเป็นรอง แซงต์-แชร์กแมง และ แมนซิตี้ 

บาเยิร์น เพิ่งโชว์ฟอร์มโหดสัสทัพเบียร์ ด้วยการไล่ถลุงยับไม่นับญาติ อ็อคแลนด์ ซิตี้ 10-0 ในเกมรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ซี นัดแรก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งแมตช์นี้เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้มาเล่นๆ หรือมาพักผ่อนช่วงซัมเมอร์ แต่จะมาคว้าแชมป์พร้อมโกยเงินกลับเยอรมนีด้วย

หากมองศักยภาพของคู่แข่งในกลุ่มนี้มีเพียง โบคา จูเนียร์ ที่อาจจะต่อกร บาเยิร์น ได้แต่ก็ไม่น่าจะคณาเท้าของ ยอดทีมแห่งถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่า โดยจากการวิเคราะห์แล้วโอกาสที่ "เสือใต้" จะทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายมีสูงถึง 93.3 เปอร์เซนต์ 

นอกจากนี้พวกเขาเปอร์เซนต์ถึง 23.7 เปอร์เซนต์ที่จะก้าวไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่ความเป็นไปได้ที่จะได้แชมป์รายการนี้อาจจะน้อยไปหน่อยโดยอยู่ที่ 12.8 เปอร์เซนต์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะด้วยศักยภาพของทีมยังถือว่าเป็นรอง "เปแอสเช" และ แมนซิตี้ 

4.  อินเตอร์ มิลาน

ต้องบอกว่า อินเตอร์ มิลาน จบฤดูกาลแบบอกหักเหลือเกิน เพราะพวกเขาแพ้ยับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง นัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก และยังโดน นาโปลี กระชาก "สคูเด็ตโต้" ในเกมสุดท้ายของซีซั่นไปอย่างเจ็บปวดด้วย 

ยังไม่หมดแค่นั้น "งูใหญ่" มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเมื่อ ซิโมเน่ อินซากี้  อำลาตำแหน่งเฮดโค้ชไปกุมบังเหียน อัล ฮิลาล และได้ คริสเตียน คิวู เข้ามารับหน้าเสื่อแทน ดังนั้นหากพูดกันตามจริงพวกเขามีการเตรียมทีมไม่ค่อยดีเท่าไหร่

กระนั้นหากพิจารณาจากทั้งหมด 32 ทีม อินเตอร์ ยังมีอัตราเฉลี่ยที่มีความเป็นไปได้ในการผ่านรอบแบ่งกลุ่ม 79 เปอร์เซนต์ นั่นเป็นเพราะกลุ่ม อี คู่แข่งของพวกเขาไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไหร่ 

ขณะเดียวกันด้วยขุมกำลังของทีมทัพ "เนรัซซูรี่" มี 74.4 เปอร์เซนต์ที่จะผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ เป็นรองเพียง "เปแอสเช" ดังนั้นคาดว่า อินเตอร์ ยังมีโอกาสดีที่จะทะลุไปถึงรอบดังกล่าวสำหรับทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์อีกครั้ง 

ในส่วนของโอกาสที่จะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ นั้น ซูเปอร์คอมของ ออปต้า ระบุว่าความเป็นไปได้อยู่ที่ 12.3 เปอร์เซนต์ ซึ่งไม่ห่างจาก บาเยิร์น มากนัก แต่เป็นรองทั้ง แซงต์-แชร์กแมง และ แมนซิตี้ ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว 

5. เรอัล มาดริด

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า เรอัล มาดริด มีโอกาสที่จะคว้าแชมป์รายการนี้เพียง 9.8 เปอร์เซนต์ แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้น เพราะหากมองจากความจริง "ราชันชุดขาว" มักจะทำผลงานได้ดีเวลาลงชิงชัยทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์

หนึ่งในเหตุผลสำคัญก็คือ "โลส บลังโกส" มีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่นั่นก็คือการได้ ชาบี อลอนโซ่ เข้ามากุมบังเหียนแทน คาร์โล อันเชลอตติ ที่อำลาทีมไปนั่งเก้าอี้นายใหญ่ทีมชาติบราซิล 

อย่างไรก็ตาม เรอัล มาดริด มีการเสริมทัพที่น่าสนใจมากๆ นั่นก็คือการได้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มาร่วมทีม ขณะที่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ก็โชว์ฟอร์มได้ดีเยี่ยมหลังคว้ารางวัลรองเท้าทองคำยุโรป ด้วยการซัดไป 31 ประตูสำหรับซีซั่นเดบิวต์ของเขากับ "ราชันชุดขาว"

ในส่วนของกลุ่ม เอช นั้น เรอัล มาดริด เป็นทีมเต็งหามอยู่แล้ว เพราะมีคู่แข่งที่ธรรมดาๆ ได้แก่ อัล ฮิลาล, ปาชูก้า และ เรด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก ฉะนั้นโอกาสยึกแชมป์กลุ่มอยู่ที่ 76.4 เปอร์เซนต์ และพวกเขาอาจเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายมีถึง 55.2 เปอร์เซนต์ 

6. เชลซี 

สำหรับทีมเต็งสุดท้ายก็คือ เชลซี ซึ่งคว้าอันดับ 4 ในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลล่าสุด และเคยเอาชนะ พัลไมรัส  คว้าแชมป์รายการนี้ เมื่อปี 2021 โดย "สิงห์บลูส์" ถือเป็นทีมที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน

ความเป็นไปได้สูงที่ "สิงโตน้ำเงินคราม" จะทะลุรอบ 16 ทีมสุดท้ายสูงถึง 93.4 เปอร์เซนต์ ขณะเดียวกันพวกเขามีโอกาสก้าวเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ 56 เปอร์เซนต์ ซึ่งมากกว่า เรอัล มาดริด ด้วยซ้ำ 

อย่างไรก็ตามสำหรับความเป็นไปได้ในการคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์นี้ ต้องยอมรับว่าค่อนข้างน้อยมากเพราะมีเพียงแค่ 8.5 เปอร์เซนต์เท่านั้น ซึ่งถือว่าห่างจากทีมเต็งแชมป์อย่าง แซงต์-แชร์กแมง หลายขุม

TOMMY TEE.



ที่มาของภาพ : Reuters
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport